ตอนที่ 10
มันได้ผลดี nc
เขาตอบพร้อมยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะคร่อมทับเหนือร่างของหญิงสาวอีกครั้ง เขาเลื่อนตัวขึ้นมาจูบปากนุ่มอีกครั้ง ญาณิดาไม่ได้ขัดขืน แถมยังตอบรับด้วยความเต็มใจ ธันวาไม่เคยรู้สึกอยากจูบกับใครจนแทบจะกลืนกินมาก่อนเลย แต่กับญาณิดาเขาแทบไม่อยากจะหยุดจูบเลยสักนิด
“อื้อ....”
ญาณิดาครางประท้วงเมื่อจูบของเขามันร้อนแรงและดูดดื่มจนเธอแทบจะขาดอากาศ
ธันวาเองก็ครางต่ำในลำคออย่างพอใจเมื่อหญิงสาวเริ่มเรียนรู้ที่จะหยอกเย้ากับลิ้นของเขาอย่ากล้าๆ กลัว ท่าทางของหญิงสาวความต้องการของเข้าไปอย่างประหลาด ผ่ามือร้อนเคลื่อน ไปตามเรือนร่างบอบบาง สัมผัสทรวงอกนุ่มเคล้นคลึงอย่างเมามัน
แล้วริมฝีปากร้อนผ่าวก็ไต่ลงมาตามลำคอระหง ขบเม้มผิวเนียนนุ่ม เกิดรอยแดงเป็นจ้ำๆ เขาตั้งใจจะฝากรอยรักไว้บนร่างกายของเธอเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ
ชายหนุ่มเลื่อนริมฝีปากร้อนเข้าครอบครองเม็ดทับทิมสีสวย ดูดดุนเข้าโพรงปากร้อนอย่างหิวกระหาย ญาณิดาเสียวซ่านไปกับทุกสัมผัสร้อน เธอรับรู้ได้ว่าตอนนี้โพรงอุ่นร้อนของเธอกำลังตอดตุบๆ รอคอยบางอย่างจากผู้ชายตัวโตที่คร่อมอยู่เหนือร่าง
มือใหญ่รีบสวมถุงยางอย่างรวดเร็ว ธันวาเบียดความแข็งร้อนเข้ากับความอ่อนนุ่มอีกครั้งอย่างช้าๆ เพราะรู้ว่าเธอยังเจ็บแต่มันก็ยากที่จะห้ามความต้องการของตนเองได้
“ดรีมไม่เกร็งนะ”
ญาณิดาหายใจเข้าลึก พยายามผ่อนคลายตัวเองเพื่อมีความสุขไปกับเขาอีกครั้ง
“อ๊ะ!......อื้อ.....”
“มันแน่นมากดรีม......ผมขออีกนิดนะ”
หญิงสาวหลับตาแน่น ใบหน้าแดงก่ำเมื่อร่างกายถูกไฟพิศวาสแผดเผา ริมฝีปากสีสวยเผยอครางกระเส่าเมื่อเขาเข้ามาลึกจนเธอรู้สึกว่าตอนนี้เธอกับได้เป็นของกันและกัน มันต่างจากครั้งแรก ครั้งนี้มันวาบหวามและเสียวซ่านจนเสียงหวานร้องครางอีกครั้งเมื่อเขาขยับสะโพกช้าๆ
“อ่า...ดรีม.....ตอดแรงมาก แน่นมาก”
แล้วธันวาเพิ่มความเสียวซ่านให้เธอด้วยการขบเม้มไปตามลำคอระหง ฝ่ามือคลึงเคล้นทรวงอกทั้งสองข้างอย่างไม่ปรานี ปากร้อนดูดดุนปลายถันที่ชูขัน
เสียงทุ้มครางแหบพร่าพอใจกับเรือนร่างที่ปรารถนา สะโพกของธันวาเข้าออกอย่างไม่รู้เหนื่อยยิ่งได้ยินเสียงครางหวานก็ยิ่งกระตุ้นให้ความต้องการเพิ่มมาก
ชายหนุ่มจับเรียวขาของเธอข้างหนึ่งพาดที่บ่า เพื่อจะให้ร่างกายของเขาและเธอประสานกันได้อย่างแนบสนิท
“อ้า....ธันวา....”
หญิงสาวครางเรียกชื่อเขาซ้ำไปซ้ำมาเมื่อความเสียวซ่านที่เขามอบให้มันมากขึ้นมากขึ้นจนบรรยายเป็นคำพูดไม่ถูก ธันวาเร่งเครื่องเต็มกำลังเมื่อรู้สึกว่าช่องทางรักนั้นกำลังตอดรัดถี่และแรงมากขึ้น เขามองร่างที่นอนดิ้นพล่านแล้วกระตุกยิ้มเมื่อเห็นว่าตอนนี้หญิงสาวกำลังจะไปถึงจุดสุดยอดอีกครั้ง
“ธันวา....ฉัน......มันเสียว ไม่ไหวธันวา....”
ญาณิดากรีดร้องเรียกชื่อเขาเมื่อพบพานกับความสุขอันแสนหวานที่ชายหนุ่มมอบให้ ร่างกายเธอกระตุก ท่อนเขาเรียวสั่นระริก ลมหายใจหอบเหนื่อยอย่างหนัก ใบหน้าหวานชื้นไปด้วยเหงื่อ
“ดีไหมดรีม”
เธอมองหน้าเขาอย่างอายๆ เพราะเมื่อครู่มันดีจนเธอไม่คิดมาก่อนว่าเขาจะทำให้เธอมีความสุขได้มากถึงเพียงนี้ ร่างกายของเธอยังหอบสะท้านไม่หาย
เพียงแค่เห็นหน้าธันวาก็รู้คำตอบ ชายหนุ่มเริ่มขยับสะโพกอย่างต่อเนื่องอย่างไม่มีพัก
ทุกจังหวะที่กระแทกเข้าหามันหนักหน่วงและเข้าลึกลงบนจุดกระสันด้านในร่องรัก ทำเอาคนที่เพิ่งสุขสมไปเมื่อครู่ เสียวซ่านขึ้นมาอีกครั้งอย่างง่ายดาย
“ธันวา......ฉันจะไม่ไหวอีกแล้ว อื้อ......”
ความรู้สึกราวกับว่าตนเองกำลังอยู่ในพายุตัณหาที่โหมกระหน่ำอย่างหนัก เธอครางกระเส่าจนเสียงแหบแห้ง ร่างกายปั่นป่วนไปหมดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า หญิงสาวเผลอยกสะโพกขึ้นตอบรับกายแกร่งที่โจนจ้วงเข้ามาอย่างยั่วยวน
“ดรีมมันดีมาก คุณทำผมเสียวไปหมดแล้ว รัดแรงแบบนั้น โอ้ว..... มันดีมาก คุณเก่งมากดรีม”
ธันวาครางแหบต่ำ เมื่อภายในร่องสวาทของญาณิดานั้นตอดรัดท่อนเอ็นของเขาอย่างรุนแรง ชายหนุ่มขยับสะโพกกระแทกเข้าลึกอย่างหนักหน่วงและรุนแรงติดกับแทบไม่ยั้ง จนในที่สุดญาณิดากรีดร้องอีกครั้งพร้อมร่างกายกระตุกถี่ เสียงหวานครางประสานเสียงแหบพร่า ร่างกายของทั้งสองกระตุกเกือบจะพร้อมๆ กัน
“ผมมีความสุขมากดรีม คุณก็มีความสุขเหมือนกันใช่ไหม เหนื่อยหรือเปล่า”
“ค่ะ” เธอตอบเขาไปตามความรู้สึกเพราะคิดว่าคงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว
ธันวาขยับลงนอนข้างกายญาณิดาท่าตะแคง แล้วพลิกให้เธอหันหน้ามาทางเขาให้เธอนอนไปบนแผงอกแกร่งของตนเอง
“ไม่เครียดแล้วใช่ไหม”
“ไม่แล้ว”
“แสดงว่าวิธีคลายเครียดของผมได้ผลใช่ไหม”
“ค่ะ ฉันว่ามันได้ผล แต่ตอนนี้ฉันเหนื่อยและง่วงมาก”
“ง่วงก็นอนครับ ฝันดีนะ” ธันวาจูบไปบนหน้าผากของเธออย่างแผ่วไม่นานนักทั้งสองก็พากับหลับลงไปด้วยความเหนื่อย
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูทำให้ญาณิดาหลุดออกจากภวังค์ของความทรงจำอันเร่าร้อน เธอส่ายหน้าไปมาอย่างรวดเร็ว เพื่อขับไล่ภาพเหล่านั้นออกไปจากหัว ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวด้วยความอับอายผสมกับความปรารถนาที่ยังคงคุกรุ่นในส่วนลึกของจิตใจ
“ไม่นะ ห้ามคิดถึงมันอีก” เธอพึมพำกับตัวเอง พยายามดึงสติกลับมาอยู่กับกองงานตรงหน้า
แต่แล้วเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นอีกครั้ง ญาณิดาเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาบนผนัง พบว่านี่เป็นเวลาดึกมากแล้ว ใครกันจะมาที่ห้องทำงานในตอนนี้
เธอเดินไปที่ประตูมองออกตามช่องกระจกกลางประตูแล้วก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นว่าตอนนี้ธันวาอยู่หน้าห้อง หัวใจของเธอเต้นรัวอย่างควบคุมไม่ได้
“คุณธันวา มีอะไรหรือเปล่าคะ” เธอเปิดประตูออกเพียงเล็กน้อย ไม่ได้เปิดกว้างนัก
“ผมเห็นไฟห้องทำงานฝั่งนี้ยังเปิดอยู่เลยเดินมาดูเพราะคิดว่าลืมปิดไฟ นี่คุณทำงานดึกแบบนี้ตลอดเหรอ”
“ไม่หรอกค่ะ แค่บางวัน”
“ผมว่าคุณพักบ้างก็ได้นะ ทำงานนอกสถานที่แบบนี้ไม่มีตอกบัตรเข้าออกคุณจะทำดึกแค่ไหนก็ไม่มีโอทีนะ”
“ฉันไม่ต้องการโอทีหรอกค่ะ ฉันแค่อยากให้งานของฉันออกมาดีแค่นั้นเอง แล้วคุณล่ะคะทำไมยังอยู่ที่นี่อีก” หญิงสาวเห็นว่าเขายังอยู่ในชุดทำงานก็เลยถามไม่ได้
“ผมก็อยากทำงานให้ออกมาดีเหมือนกัน นี่คุณจะกลับหรือยังล่ะดรีม”
“ฉันคิดว่าจะทำต่ออีกหน่อยค่ะ งานมันต่อเนื่องไม่อยากต้องมาเริ่มใหม่ตอนเช้า”
“อย่าหักโหมมากนะ หาเวลาพักผ่อนบ้างเดี๋ยวจะไม่สบาย ผมไปก่อนนะ”
“ค่ะ” หญิงสาวรู้สึกสบายใจขึ้นบ้างเพราะการเจอกับธันวาแล้วเขาทำเหมือนเพื่อนร่วมงานที่คุยกันได้ตามปกติ แต่บางครั้งก็แอบน้อยใจบ้างที่เขาห่างเกินเหมือนเคยมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเขากับเธอ
ญาณิดานั่งทำงานที่ค้างไว้อีกไม่นานเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกครั้งก่อนที่จะเปิดออก
“เห็นว่าคุณยังไม่กลับ ผมเลยซื้อของกินมาให้” เขาชูถุงเล็กๆ ในมือขึ้นมาให้ดู ในนั้นมีกาแฟกระป๋อง ขนมปังและซุปไก่อีกหลายขวด
“ขอบคุณค่ะคุณธันวา ไม่น่าลำบากเลย”
“ไม่เป็นไรครับ ถือว่าเป็นกำลังใจให้คนทำงานหนัก ผมไปจริงๆ ล่ะ คุณจะได้ทำงานต่อ” เขายิ้มก่อนจะหันหลังกลับเดินจากไป
ญาณิดายืนนิ่งมองแผ่นหลังของเขาที่ค่อยๆ ลับหายไปในมุมทางเดิน เธอปิดประตูห้องอย่างช้าๆ
เธอเดินกลับมาที่โต๊ะทำงาน มองของที่ธันวาเอามาให้ ความรู้สึกแปลกที่เขาที่เขาซื้อของพวกนี้มาให้
“เขาก็คงห่วงเพราะเราเป็นเพื่อนร่วมงาน”
ไม่ว่าเธอจะพยายามลืมมันมากแค่ไหน ดูเหมือนว่าธันวาก็ยังคงวนเวียนอยู่ใกล้ๆ และยิ่งเขาทำตัวดีกับเธอมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกสับสนกับความรู้สึกของตัวเองมากขึ้นเท่านั้น
ญาณิดารู้ว่าการที่จะลืมเรื่องราวในคืนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และการที่จะเริ่มต้นใหม่ในฐานะเพื่อนร่วมงานกับผู้ชายคนนี้ ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ท้าทายความรู้สึกของเธอมาก