ห้องพิเศษโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง
หลังจากที่ผมอยู่เฝ้ามี๊ที่โรงพยาบาลได้ประมาณ 1 อาทิตย์ วันนี้เป็นวันที่มี๊รับการรักษาด้วยการทำกายภาพบำบัดจากการผ่าตัดหัวเข่าเป็นวันสุดท้าย เมื่อหมอให้มี๊กลับบ้านได้แต่ต้องใช้ไม้เท้าในการช่วยเดินอยู่ ทางปี๊เองไม่สามารถมาดูแลมี๊ได้เนื่องจากกำลังติดธุระที่ต่างประเทศโดยปี๊ก็ไม่ลืมที่จะ face time มาคุยกับมี๊ทุกวันเพื่อดูอาการพร้อมทั้งเป็นกำลังใจที่ดีแก่มี๊ของผม
ซึ่งตอนนี้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ของเรากำลังขยายกิจการไปต่างประเทศครับ ผมจึงต้องไปเรียนตอนกลางวัน ส่วนกลางคืนก็มานอนเฝ้ามี๊ที่โรงพยาบาลทุกคืนตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา
"มี๊ก๊อปว่ายกเลิกที่จะให้พี่เมฆมาดูแลก๊อปดีกว่าครับ มันดูเหมือนเด็กๆ ยังไงไม่รู้" ผมเปิดประเด็นขณะที่ผมกำลังช่วยมี๊เก็บของ
"มี๊ว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะก๊อป อีกอย่างมี๊ก็ตอบตกลงพี่เมฆเขาไปเรียบร้อยแล้ว จะให้ยกเลิกไปๆ มาๆ มี๊ก็เสียผู้ใหญ่สิลูก ไม่เอาๆ มี๊จะไม่พูดเรื่องนี้อีก"
มี๊ชี้แจงเพื่อให้ผมเข้าใจแต่มันไม่ใช่อย่างที่ผมต้องการเลยอ่ะ เมื่อมี๊พูดขนาดนี้ผมเองก็ทำไรไม่ได้ครับเฮ้อวัยรุ่นเซ็ง...
"ฮัลโหลจ้าเมฆ ฉันกำลังเก็บของอยู่จ้า ได้ๆ ขอบใจนะที่จะแวะมารับ จ้าๆ สวัสดีจ้า"
มี๊คุยกับคนในสายอย่างเป็นกันเองมากกก (ลากเสียงยาว) มากเสียจนรู้สึกแปลกๆ ขนาดลุงคนขับรถที่บ้านยังไม่พูดด้วยขนาดนี้เล้ยครับ
"มี๊ไปลำบากให้เขามารับทำไมครับ กลับกับก๊อปหรือไม่ให้คนขับรถที่บ้านมารับก็ได้นี่ครับ"
"ไม่ทันแล้วล่ะลูก มี๊ปฏิเสธพี่เขาไปแล้วนะ แต่เขาบอกว่าช่วงบ่ายเขาว่างเลยจะแวะมารับมี๊น่ะ"
เมื่อผมได้ยินแบบนั้นก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เอาที่มี๊สบายใจแล้วกันครับ ผมช่วยมี๊เก็บของจนเสร็จก็เกือบๆ บ่ายสองครึ่ง ทันใดนั้นประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามา
"ขออนุญาตครับคุณระวี น้องก๊อป"
"เชิญจ้าเมฆ" ผมและมี๊หันไปมองทางต้นเสียง
"สวัสดีครับ" พี่เขายกมือขึ้นกล่าวสวัสดีมี๊อย่างเป็นกันเอง
"สวัสดีจ้า สวัสดีพี่เขาสิลูก"
มี๊ผมกล่าวทักทายผู้มาใหม่อย่างเป็นกันเองสุดๆ จนผมรู้สึกไม่พอใจสักเท่าไหร่แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีกเช่นเคย
"ไม่เป็นอะไรหรอกครับคุณระวี เราเจอกันทุกวันอยู่แล้วครับ"
"สวัสดีครับพี่เมฆ" ผมยกมือสวัสดีลวกๆ เพื่อให้มี๊สบายใจทันทีที่พี่เขาพูดจบลง ตอนนี้อยากจะพูดแทรกขึ้นระหว่างที่เขาพูดเลยด้วยซ้ำถ้าทำได้แต่ผมไม่กล้าพอ
วันนี้พี่เมฆมาในชุดสบายๆ เสื้อคอวีสีขาวคลุมด้วยเสื้อลายสก็อตสีฟ้าและกางเกงสามส่วนสีน้ำตาลเข้มดูเท่ดีอ่ะ
"สวัสดีครับน้องก๊อป วันนี้ลาครึ่งวันหรอครับ น่าจะโทรบอกให้พี่ไปรับนะครับจะได้ไม่ต้องนั่งแท็กซี่คนเดียวมันอันตรายนะครับรู้มั๊ย..."
"ไม่เป็นไรครับ ก๊อปเกรงใจพี่อ่ะครับ กลัวพี่จะยุ่งอยู่" ผมตอบด้วยสีหน้าเพิกเฉยโดยพี่เขาและมี๊ไม่ทันสังเกต
"ฉันว่าเรากลับกันเถอะ ฉันคิดถึงบ้านจะแย่แล้ว ก่อนอื่นมี๊อยากแวะซื้อของก่อนนะก๊อป แวะซื้อของกับมี๊มั๊ยลูก"
"ได้ครับ แต่มี๊จะรบกวนพี่เขามากไปหรือเปล่าครับ..." ผมพูดไม่ทันจบพี่เมฆก็พูดตัดบทผมขึ้นมาดื้อๆ
"ไม่เป็นอะไรครับช่วงบ่ายพี่ว่างครับน้องก๊อป พี่พาไปได้ครับ" พี่เขาพูดพลางยิ้มให้น้อยๆ
"ถ้าอย่างนั้นเราไปกันเลยดีกว่าจ้ะ"
เราสามคนก็ออกเดินทางไปยังห้างสรรพสินค้าชื่อดังใจกลางกรุงทันที
สามวันมานี้ตั้งแต่ที่พี่เมฆเริ่มทำหน้าที่ไปรับมาส่งผมอย่างเต็มตัว ผมรู้สึกไม่สบายใจเอามากๆ เลยครับ พี่เขาดูแลผมทุกเรื่องตั้งแต่มารับจากโรงพยาบาลไปส่งโรงเรียนและรับจากโรงเรียนมาส่งโรงพยาบาล บางวันก็เป็นบิ๊กไบค์ บางวันก็เป็นรถเก๋ง พี่เขาจะคอยประคบประหงมผมราวกับไข่ในหินอย่างไงอย่างนั้น สายนิดสายหน่อยก็ดุเหมือนผมเป็นเด็กๆ ยิ่งเวลาขึ้นรถบิ๊กไบค์พี่เขาก็จะคอยใส่หมวกกันน็อคให้ผมทุกครั้ง ถ้าเป็นรถเก๋งพี่เขาก็คอยเปิด ปิดประตูให้ตลอดจนบางครั้งผมรู้สึกหงุดหงิด ผมกลับเลือกที่จะไม่แสดงอาการเหล่านั้นออกไป ผมรู้ว่ามันเป็นหน้าที่ที่เขาต้องทำแต่บางครั้งมันก็มากเกินไปสำหรับผม ตอนนี้ชื่อเสียงของผมดังไปทั่วโรงเรียนแล้วว่าผมมีแฟนเป็นผู้ชายคอยรับส่งสวีทหวานทุกวัน ดีกรีความเป็นหนุ่มหน้าหวานที่สาวๆ เคยหลงใหลคลั่งไคล้เริ่มลดน้อยลงไปเรื่อยๆ สาวๆ ก็เริ่มห่างหายแถมมีเก้ง กวางรุ่นน้องและรุ่นพี่คอยมาสนใจซื้อกุหลาบให้ ถือกระเป๋าให้ นู้น นี่ นั่นมากมาย จนผมเคยว่าพวกเขาด้วยความโมโหหลายครั้ง อยากบอกว่าชีวิตประจำวันที่โรงเรียนของผมมันผิดเพี้ยนไปหมดครับ มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตกรูเนี่ย!!!
วันรุ่งขึ้น
บรรยากาศภายในโรงเรียนดูสงบร่มรื่น นักเรียนหญิงชายต่างพากันนั่งเกาะกลุ่มตามโต๊ะม้าหินอ่อนประจำของตนพูดคุยเล่นกันอย่างสนุกสนาน
แต่เมื่อรถของผมเข้ามาภายในโรงเรียน บรรยากาศที่ดูครึกครื้นรื่นเริงด้วยเสียงเจื้อยแจ้วของบรรดานักเรียนตามกลุ่มโต๊ะต่างๆ กลับสงบลงทันที สายตาทุกคู่จับจ้องมาที่รถเก๋งคันประจำที่ผมนั่งเข้ามาภายในโรงเรียน บางคนถึงขั้นเอากล้องถ่ายรูป กล้องโทรศัพท์ ipad iphone ขึ้นมาถ่ายรูปกันจ้าละหวั่น ขณะที่ผมกำลังจะผ่านโต๊ะม้าหินอ่อนของพวกเขาบางคนยืนขึ้นด้วยความรู้สึกดีใจส่งเสียงเชียร์กันยกใหญ่ ผมไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลยอ่ะ เมื่อรถยนต์เคลื่อนมาจอดใกล้โต๊ะม้าหินอ่อนประจำของผมและเพื่อนๆ ก็มีไอ้แว่นกับไอ้เก่งกำลังนั่งเล่นกันสนุกสนานอยู่ก่อนแล้ว
"พี่เมฆตอนเย็นไม่ต้องมารับก๊อปนะครับ เดี๋ยวก๊อปจะไปเดินเล่นสยามกับเพื่อนๆ ไม่แน่คืนนี้อาจจะไปนอนบ้านไอ้เก่งนะครับ พรุ่งนี้วันเสาร์ด้วยเดี๋ยวก๊อปโทรบอกมี๊เอง" ผมพยายามบอกพี่เมฆด้วยสีหน้าปกติที่สุดทั้งที่รู้สึกหงุดหงิด รำคาญแต่ก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ ทางพี่เขากลับตอบผมด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเช่นทุกวัน
"ได้ครับก๊อปถ้ามีปัญหาอะไรก็โทรบอกพี่ได้ตลอดนะ แต่พี่คิดว่าพี่มารับดีกว่าจะไปบ้านน้องเก่งพี่ไปส่งเองก็ได้นะ"
"ไม่เป็นอะไรหรอกพี่ เดี๋ยวก๊อปไปกับเพื่อนก็ได้ครับจะได้ไม่รบกวนพี่ด้วย" ผมยังยืนกรานคำเดิมพี่เมฆทำสีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
"ไม่ได้นะก๊อป พี่ว่าก๊อปไม่ต้องไปเดินเล่นสยามกับเพื่อนแล้วล่ะ พี่จะมารับตามเวลานั้นแหละแต่ถ้าจะไปพี่จะพาไปเอง เข้าใจตามนี้นะ"
"ก๊อปโตแล้วนะพี่จะอะไรนักหนา ทำอย่างกับก๊อปเป็นเด็กๆ ไปได้ ก็รู้ว่าพี่ทำหน้าที่ของพี่แต่บางทีมันมากเกินไป ต้องมาคอยทำนู่นทำนี่ให้ เปิดประตูให้ ใส่หมวกให้ ถอดหมวกให้ ก๊อปทำเองได้ พี่รู้มั๊ยว่าคนทั้งโรงเรียนเขาคิดยังไง พวกเขาคิดว่าก๊อปกับพี่เป็นแฟนกันแล้วรู้มั้ย ก๊อปอาย ก๊อปเบื่อ ก๊อปรำคาญ พี่เข้าใจมั้ย?"
มันคงเป็นความรู้สึกที่อึดอัดมากๆ บวกกับความโมโหสุดขีดจนได้พลั่งพลูคำพูดมากมายใส่พี่เขา ผมเปิดประตูก้าวขาลงจากรถแล้วใช้มือข้างถนัดปิดประตูรถอย่างแรง จากนั้นจึงเดินไปเข้าแถวเคารพธงชาติทันที ทั้งที่ยังไม่ถึงเวลาด้วยซ้ำ ไอ้เก่งกับไอ้แว่นถึงยืนเอ๋อมองตามตาปริบๆ ส่วนคนในรถก็คงอึ้งเหมือนกันแต่ไม่รู้จะเป็นยังไงเพราะผมไม่ได้หันไปมอง สักพักก็มีสายโทรเข้า ผมก็กดทิ้งโดยไม่รับสายเพราะผมรู้ว่าใครโทรมา ผมพยายามควบคุมสติและอารมณ์ให้ได้มากที่สุดแต่ก็ไม่เป็นผล ทำให้วันนั้นทั้งวันผมเรียนหนังสือไม่รู้เรื่องเลย อาการของผมมันหนักขึ้นเสียจนเพื่อนสนิทเห็นถึงอาการผิดปกติที่ผมเป็นอยู่
"เฮ้ยก๊อปมรึงมีปัญหาอะไรกับพี่เมฆวะ" ไอ้เก่งเห็นว่าอารมณ์ของผมเริ่มเย็นลงจึงกล้าถาม
"เออใช่ เมื่อเช้าเล่นเอากรูเอ๋อแดกเลย มีปัญหาอะไรกันทำไมไม่คุยกันดีๆ วะเป็นนายกับลูกน้องแท้ๆ น่าจะคุยกันง่ายนะเว้ย" ไอ้แว่นเสริม
"พวกมรึงก็น่าจะรู้นะว่าเรื่องอะไร แม่งจู้จี้จุกจิกกับกรูทุกวัน จะให้กรูทำยังไงวะ วันนี้กรูหมดความอดทนแล้วอ่ะ เลยใส่แม่งเลย เขาจะยังไงก็ช่าง แล้วแต่ ถ้าลาออกจากการดูแลกรูได้ยิ่งดีเว้ย คอยดูนะเย็นนี้กรูกลับถึงบ้านกรูจะไปคุยกับมี๊ว่ากรูจะไม่เอาคนดูแลแล้ว กรูโตแล้วดูแลตัวเองได้ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาดูแลกรู" ผมพูดกับเพื่อนสองคนด้วยความอัดอั้นและมันทั้งสองก็พลอยพยักหน้าตอบรับผมอย่างเข้าใจ
"แล้วมรึงจะเอายังไงต่อไปวะ?"
"กรูว่านะเดี๋ยวมี๊มรึงก็โทรมาเช่งมรึงอีกอ่ะ"
มันทั้งคู่นั่งถามผมด้วยความเป็นห่วงแต่ก็ไม่รู้จะช่วยยังไง พวกมันรู้ว่าถ้ามี๊ได้โกรธขึ้นมาก็ไม่มีใครจะสามารถหยุดความโกรธนั้นได้ ตอนนี้ผมไม่สนแล้วจะเกิดอะไรขึ้นก็ให้มันเกิด ผมจะไม่ทนกับความอึดอัด อับอาย น่าเบื่อและน่ารำคาญแบบนี้อีก
เย็นวันนั้นผมกลับบ้านพร้อมไอ้เก่งและไอ้แว่นโดยไม่ได้ให้พี่เมฆมารับ พอมาถึงบ้านก็เจอมี๊กับปี๊ ปี๊เพิ่งเดินทางกลับหลังจากเสร็จธุระที่ต่างประเทศนั่งอยู่ที่ห้องรับแขก เมื่อผมกำลังจะเดินขึ้นห้องก็ถูกมี๊เรียกลงมานั่งข้างๆ เพื่อถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้น ผมก็เล่าเหตุการณ์ทั้งหมด ความรู้สึกของผมรวมถึงความต้องการที่แท้จริงของผมแต่ดูเหมือนมี๊จะไม่เข้าใจผมเลย ผมจึงมีปากเสียงกับมี๊โดยต่างคนต่างไม่ยอมกัน จนกระทั่ง…
เพียะ!!
ทุกอย่างหยุดชะงัก แก้มผมเริ่มชาจากฝ่ามือของมี๊ที่ฟาดเต็มแรงใส่แก้มซ้ายผม
"ก๊อป! มี๊..." ไม่ทันที่มี๊จะพูดอะไรผมก็ชิงพูดก่อนด้วยความตกใจและเสียใจทั้งน้ำตา
"มี๊ตบก๊อป มี๊คงเห็นผู้ชายคนนั้นสำคัญกว่าก๊อป...ฮือๆ..."
ผมหันหลังวิ่งออกไปจากบ้านทันทีโดยไม่ฟังเสียงห้ามของใคร ซึ่งมีไอ้เก่งและไอ้แว่นวิ่งตามออกไปด้วย ผมวิ่งไม่คิดชีวิตเพื่อที่จะออกไปจากที่ตรงนั้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ เพื่อไปยังประตูทางออกของบ้านด้วยความรู้สึกต่างๆ ที่รุมเร้าจิตใจอันเปราะบางของผม พอดีกับมีรถแท็กซี่มาจอดหน้าบ้านผมจึงรีบเปิดประตูขึ้นรถแท็กซี่คันนั้นโดยให้คนขับรีบขับออกไปทันทีโดยไม่รู้จุดหมายปลายทาง ส่วนไอ้เก่งกับไอ้แว่นก็วิ่งตามผมแต่ไม่ทัน ทั้งคู่ต่างวิ่งตามรถแท็กซี่ที่ผมนั่งจนรถแล่นห่างลับตา
ตอนนี้ความรู้สึกเสียใจ น้อยใจ โกรธ ร้องไห้ มันฟุ้งซ่านไปหมด ผมไม่รู้จะทำยังไงดีรู้เพียงอย่างเดียวว่าต้องไปให้ไกลจากที่นี่ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โทรศัพท์หลายสายต่างโทรเข้ามากมาย ด้วยความรู้สึกหลากหลายที่กำลังรุมเร้าผมจึงตัดสินใจกดปิดเครื่องเพื่อที่จะไม่ต้องรับรู้อะไรอีก
ผมหลับไปตอนไหนไม่รู้เรื่อง มารู้สึกตัวอีกที ก็ตอนที่พี่คนขับรถแท็กซี่เรียกผม
"น้องครับ น้อง ถึงแล้วครับ"
"พี่ที่นี่ที่ไหนหรอครับ?" ผมงัวเงียแล้วมองไปรอบๆ รถ
"พัทยาครับ ด้านหน้านี้เป็นวอล์คกิ้งสตรีทครับ" ผมตกใจเมื่อได้ยินว่าพัทยา นี่เรามาถึงชลบุรีเลยเหรอเนี่ย ผมเองก็ไม่ได้บอกเขาว่าจะไปไหนแล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่เขาขับพาผมมาที่นี่ทำไม
“เท่าไหร่ครับ...”
“ทั้งหมด 1,250 บาทครับ”
ผมจ่ายตังค่าแท็กซี่แล้วลงจากรถแท็กซี่ เดินผ่านประตูทางเข้าวอล์คกิ้งสตรีท ผมเคยมาที่นี่ครับแต่นานแล้ว ผมเดินไปเรื่อยๆ ตามทางเดินวอล์คกิ้งอย่างไร้จุดหมาย นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติมากมายมองผม ตอนนั้นเกือบสามทุ่มแล้วผมเดินไปเรื่อยๆ เพื่อให้รู้สึกผ่อนคลาย จนเดินมาถึงหน้าร้านประจำที่ผมเคยมากับครอบครัวเมื่อสองสามปีก่อน ผมเดินเข้าไปพบหัวหน้าการ์ดซึ่งเขาก็จำผมได้
"สวัสดีครับคุณก๊อป มาเที่ยวเหรอครับ"
"สวัสดีครับพี่ ใช่ครับผมขอเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าหน่อยนะครับ" ผมขออนุญาตเขาตามมารยาท เขาเองก็สำรวจเห็นว่าผมยังใส่ชุดนักเรียนจึงให้พนักงานบริการคนหนึ่งนำผ้าสีดำมาคลุมตัวผมแล้วพาเขาไปด้านไหนเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา
"เชิญครับคุณก๊อป เห้ย มรึงพาคุณก๊อปไปห้องน้ำนายด้านบนหน่อยสิวะ"
"ใครหรอพี่ แม่งโคตรน่ารักอ่ะ ผู้หญิงหรือผู้ชายครับ"
"มรึงอย่ายุ่งกับเขาเลยนะลูกชายเพื่อนเจ้าของร้านนะโว้ย ตายสถานเดียวนะ มรึง รีบไป!"
ผมได้ยินพวกเขาคุยกันแว่วๆ แต่ไม่ได้สนใจอะไร ก็มีการ์ดหนุ่มคนหนึ่งเดินนำหน้าเคลียร์ทางให้ผมจนมาถึงห้องน้ำในออฟฟิศอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งบนนี้ไม่มีใครเลยแต่ผมรู้สึกเหมือนการ์ดที่พาผมขึ้นมาด้านยนมองผมแปลกๆ
"เดี๋ยวพี่รอก๊อปตรงนี้แปบหนึ่งนะครับ"
"ครับคุณก๊อป มีอะไรให้ผมช่วยบอกได้นะครับ" ขณะที่พี่เขาพูดสายตาเขาลอบมองผมตลอด
"ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับ" กระทั่งผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ลงมาด้านล่างแล้วหามุมสบายๆ นั่งสั่งเบียร์มาดื่มเพื่อให้ลืมเหตุการณ์เมื่อเย็นนี้ เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อเย็นก็อดรู้สึกเสียใจขึ้นมาอีกครั้งทำให้เบียร์หมดเร็วมากจึงสั่งมาดื่มเป็นขวดที่สอง ขวดที่สาม
บรรยากาศเริ่มสนุกขึ้นด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ ผมนั่งโยกหัวตามจังหวะเพลงอย่างเพลิดเพลินโดยมีการ์ดหนุ่มคนเดิมดูแลอย่างไม่คลาดสายตา จะคลาดสายตายังไงล่ะ ก็ผมเล่นใส่เสื้อกล้ามคอกว้างๆ สีขาว กางเกงขาเดฟทันสมัย เห็นส่วนเว้า ส่วนโค้งชัดเจนแบบนั้น สายตาการ์ดคนนั้นจ้องผมยังกับกลัวผมจะหายไปไหน ผมไม่สนใจหรอกครับเพราะมันจะทำให้ผมเสียเวลาเมาเพื่อที่จะลืมทุกอย่าง ในที่สุดความเมาก็มาเยือนผมเต็มที่ แสง สี เสียง ต่างเร่งเร้าให้ผมออกลีลาตามสไตล์ตัวเอง ทำให้บรรดาฝรั่งต่างเข้ามาสนุกกับผม ทั้งเต้น ทั้งนัวเนีย บางคนมาเต้นอยู่ด้านหลังออกลีลาลูบไล้ตามเลือนร่างของผมจนเพลินมือ
ผมรู้สึกแปลกๆ ก็ปัดมือออก เป็นแบบนี้หลายครั้งผมเริ่มโมโหผลักฝรั่งตัวใหญ่เซ จนเกือบมีเรื่องกันโดยได้การ์ดคนเดิมห้ามศึกไว้ ผมเห็นท่าไม่ดีเลยบอกกับพี่การ์ดเขาว่าผมจะขึ้นไปด้านบนให้เอาเบียร์ขึ้นไปด้วยสองขวด พี่เขาพยักหน้ารับทราบโดยให้ผมขึ้นไปนั่งด้านบนตรงโซฟาตัวใหญ่ติดผนัง ผมหยิบมือถือวางบนโต๊ะกระจกด้านหน้าโซฟาพลางนั่งพิงหลับตารอเบียร์ ภาพเหตุการณ์ต่างๆ ก็วนเวียนอยู่ในหัวผมเต็มไปหมด พอได้สติจึงลืมตาขึ้นเพื่อจะหยิบแก้วเบียร์มาดื่ม ภาพที่ผมเห็นพี่การ์ดกำลังส่งแก้วเบียร์ให้โดยใส่เพียงแค่เสื้อกล้ามกับบ็อกเซอร์เท่านั้น ผมสงสัยจึงถามพี่เขาไปด้วยความเมา
"ทำไมพี่แต่งตัวแบบนี้ล่ะครับ"
"อ๋อ มันร้อนน่ะครับ ปกติผมเป็นคนขี้ร้อนแต่ด้วยหน้าที่จึงจำใจต้องใส่ชุดตามระเบียบอ่ะครับ ผมขออนุญาตคุณก๊อปแต่งตัวแบบนี้นะครับ"
"อ๋อครับ ได้ครับพี่ตามสบายเลย ผมเริ่มเมาแล้วใช่ป้ะครับ ฮ่า ฮ่า ฮ่า (หัวเราะ)"
"ดูปกติดีนี่ครับ ฮ่า ฮ่า ฮ่า (หัวเราะ)"
การสนทนาของเราทั้งคู่ดูเข้าขากันมาก จนหมดเบียร์ไปอีกสามขวด ผมเริ่มไม่ไหวแล้วครับ เมามากแต่ก็พอมีสติมันเสียตรงไม่มีแรงจะไปเข้าห้องน้ำเองนี่สิแย่เลยกรู
"เอ่อ...พี่พาก๊อปเข้าห้องน้ำหน่อยได้มั๊ยครับ ก๊อปปวดฉี่อ่ะพี่ ลุกไม่ไหวแล้ว เอ่อ..."
"ได้ครับ ระวังๆ นะครับ ค่อยๆ เดินนะครับคุณก๊อป..."
ทันทีที่ผมเอ่ยขอความช่วยเหลือพี่เขาก็ลุกมาพยุงผมเดินเข้าห้องน้ำปกติเป็นรอบที่สอง ครั้งนี้ดูผิดปกติไปนิด พี่เขาโอบกระชับเอวผมมากขึ้นทำให้ชายเสื้อของผมเลิกขึ้นจนฝ่ามือสากของเขาสัมผัสผิวผมเต็มๆ ผมไม่รู้จะทำยังไง เมาก็เมาทั้งยังไม่มีแรงอีกถ้าปฏิเสธพี่เขาแล้วผมจะเข้าห้องน้ำยังไง พี่การ์ดส่งผมถึงชักโครกก็พยุงผมนั่งลงชักโครก บอกผมว่าถ้าเสร็จแล้วให้เรียกเขานะ ผมกดชักโครกเสร็จยังไม่ทันเรียกพี่เขาเลย พี่เขาก็เปิดประตูเข้ามาด้วยท่าทางแปลกๆ กว่าเดิม
เมื่อพยุงผมส่งถึงโซฟาแทนที่เขาจะประคองให้ผมนั่งลงดีๆ กลับปล่อยให้ผมล้มลงนอนแผ่บนโซฟาอย่างหมดสภาพ ผมเห็นสายตาที่เขามองผมเหมือนเขาอยากจะกลืนกินผมทั้งตัว ผมเห็นท่าไม่ดีเลยจะหยิบมือถือเพื่อโทรหาคนช่วยแต่ช้าไปแล้วครับ
"จะทำอะไรครับคุณก๊อป ไม่มีอะไรหรอกครับกลัวผมหรอ ฮ่า ฮ่า ฮ่า (หัวเราะ)"
"พี่จะทำไรอ่ะ?"
"ไม่ทำไรหรอกครับ แค่อยากลองชิมคุณก๊อปสักหน่อยจะได้มั๊ยครับ น่ารักแบบนี้ หุ่นยังกับผู้หญิง หน้าก็หวาน ปากก็สวยขอลองชิมหน่อยนะ" เขาไม่พูดเปล่าลงนั่งข้างๆ ตัวผมแล้วจับบ่าสองข้างก้มลงจะจูบผม
"อย่านะ...อย่า มรึงอย่าแตะต้องตัวกรูนะ"
ผมดิ้นสุดแรงกลับไม่สะทกสะท้านอะไรเลย ผมทั้งต่อย ทั้งตีแขน ปัดมือแต่เหมือนไม่เป็นผลอะไรเลย
"จะทำไรผัวเหรอจ๊ะเมียจ๋า คืนนี้จะจัดให้หนำใจเลย ฮ่า ฮ่า ฮ่า (หัวเราะ)"
มันทั้งกอด ทั้งจูบ ลูบคลำสารพัด ผมเองก็ร้องให้คนช่วยทั้งน้ำตา ร้องสุดเสียงแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมตะเกียกตะกายหนีมือใหญ่ของมัน ก็ถูกลากกลับมาที่เดิมอย่างง่ายดาย จนมันถอดเสื้อถอดบ็อกเซอร์เหลือเพียงกางเกงในตัวเดียว ผมกลัวมากพยายามร้องเรียกให้คนช่วยสุดเสียงจนเสียงแหบพร่า มันขึ้นทับบนตัวผม มือไม้ของมันลูบไล้ร่างกายภายใต้เสื้อของผม ผมนึกถึงมี๊ นึกถึงปี๊ ถ้าผมไม่หนีมาคงไม่เจอกับเหตุการณ์แบบนี้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยลูกด้วย ขณะที่มันกำลังจะถอดเสื้อของผมประตูห้องก็ถูกพังเข้ามา
โครม!!
"พี่เมฆ!!" ผมเรียกคนที่ยืนอยู่หน้าประตูสุดเสียงทั้งที่เสียงไม่มี
"ก๊อป!! มรึงจะทำอะไรก๊อป ห๊า ไอ้เลว"
ปั้ก!!
พี่เมฆตรงเข้ามากระโดดถีบไอ้การ์ดเลวคนนั้นกระเด็น แล้วก็มีหัวหน้าการ์ดและคนอื่นๆ ช่วยกันจับมันไว้
"พี่เมฆ"
ผมโผเข้ากอดพี่เมฆทั้งที่อ่อนแรงจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ พี่เมฆกอดรับผมอย่างอ่อนโยนพลางลูบที่ศีรษะของผมเบาๆ
"ไม่เป็นไรแล้วนะครับ ไม่เป็นไรแล้ว พี่ขอโทษนะที่ดูแลก๊อปไม่ดีพี่ขอโทษนะครับ"
"ก๊อปผิดเองที่เอาแต่ใจ ไม่ฟังใคร เลยมาเจอเรื่องแบบนี้..."
เรากอดกันอยู่นานอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ตอนนี้ผมรู้สึกสร่างเมาขึ้นมานิดหน่อยพอจะสื่อสารรู้เรื่องบ้าง
"เป็นยังไงบ้างครับคุณก๊อป ผมขอโทษด้วยนะครับที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น กรูว่าแล้วมรึงต้องคิดไม่ดีกับคุณก๊อป ตายซะ!!..."
"พี่อย่า! อย่าตัดสินมันด้วยวิธีนี้เลยพี่เปลืองลูกปืนเปล่าๆ ส่งตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุดดีกว่าครับ"
ผมสั่งห้ามในจังหวะที่พี่หัวหน้าการ์ดกำลังจะเหนี่ยวไกปืนที่หัวของมัน
"ก๊อปฝากด้วยนะครับ อย่าให้มันทำกับใครแบบนี้อีก ก๊อปขอตัวก่อน"
"ได้ครับคุณก๊อปกลับดีๆ นะครับ"
"สวัสดีครับ"
"สวัสดีครับคุณก๊อป"
"ก๊อปเดินไหวมั๊ย ให้พี่อุ้มมั๊ย?" เมื่อเจอคำถามของพี่เมฆทำให้ผมต้องรีบปฏิเสธพัลวัน
"ไหวครับพี่"
พี่เขาเลยปล่อยให้ผมยืนเอง ล้มสิครับจะรออะไรล่ะ เมาซะขนาดนี้ถึงจะมีสติอยู่บ้าง แต่ก็ใช่ไอ้ก๊อปจะมีแรงยืนนะครับ พอพี่เขาเห็นแบบนั้นก็อุ้มช้อนผมทันที แล้วพาเดินผ่านนักท่องราตรีเป็นร้อยๆ สายตาที่จับจ้องเราสองคน ขอตายแปบเขินว่ะ ผมแกล้งหลับตาจนพี่เขาอุ้มผมเดินมาถึงรถเก๋งคู่ใจ