ตอนที่ 3 ความลับ

2652 Words
หลังจากที่ผมได้เจอกับก๊อปวันนั้นก็ผ่านมา 3 วันแล้ว ทำให้ผมรู้สึกคิดถึงมิวน้องชายเพียงคนเดียวของผมตลอดเวลา คนอะไรเหมือนกันอย่างกับแกะ ผมกับมิวอยู่ด้วยกัน 2 คนในห้องเช่าเล็กๆ หลังจากที่พ่อแม่แยกทางกันเมื่อ 10 ปีก่อน ด้วยความที่มิวเป็นคนตัวเล็ก ผิวขาว ผมจะออกไปทางสีทอง ตาโต จมูกเป็นสันได้รูป ปากสวยรับกับใบหน้าหวานๆ โดยรวมลักษณะคล้ายเด็กหญิงมากกว่าเด็กชายซะมากกว่าบวกกับกิริยาท่าทางน่ารักอ้อนแอ่น จึงทำให้มีหนุ่มๆ ในละแวกห้องพักมาหยอกล้อมิวด้วยความเอ็นดูอยู่เป็นประจำ แต่ผมไม่เคยรังเกียจในสิ่งที่มิวเป็น ผมกลับคิดว่าผมมีน้องสาวมากกว่าน้องชายซะด้วยซ้ำ   จนเหตุการณ์ที่ผมไม่มีวันลืมได้เกิดขึ้น 'จากคนเห็นเหตุการณ์เล่าให้ฟังว่าน้องมิวกลับมาถึงห้องพัก ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อออกไปซื้อกับข้าวตามเวลาปกติ แต่ตอนขากลับเหมือนมีวัยรุ่นชายลักษณะคล้ายคนติดยา 3 คนเดินตามหลังมาติดๆ โดยที่คนเห็นเหตุการณ์ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะคิดว่าเป็นคนในชุมชนเดียวกัน ผ่านไปชั่วโมงกว่าพวกเขาก็ได้ยินเสียงเหมือนอะไรร่วงแตกดังออกมาจากด้านในห้องพัก จึงพากันไปดูแล้วร้องเรียกมิวแต่ไม่มีใครตอบรับจึงช่วยกันพังประตูเข้าไปแต่ก็ทำไม่ได้จึงโทรตามผม เมื่อผมไปถึงทุกอย่างก็สายไปเสียแล้ว มิวเสียชีวิตในสภาพเปลือยเปล่าอยู่บนเตียง ผมทั้งตกใจ โกรธ โมโห เสียใจและสงสารน้องชายในเวลาเดียวกัน ผมเข้าไปกอดร่างที่ไร้วิญญาณนั้นแล้วร่ำไห้คล้ายเหมือนมีใครมาควักเอาหัวใจออกไปจากร่างกายจนผมสลบไป หลังการเผาศพมิวเสร็จสิ้นผมได้ดำเนินคดีเพื่อตามหาตัวคนร้ายจนสามารถจับตัวมาลงโทษตามกฎหมายได้สำเร็จ     กลางดึกคืนหนึ่ง "ฮัลโหลค่ะเมฆ โทรมาดึกเชียว" "ผมมีเรื่องปรึกษานิดหน่อยครับ บีสะดวกคุยมั๊ยครับ" "ได้ค่ะ บีเพิ่งอาบน้ำเสร็จกำลังจะนอนพอดีมีอะไรหรือเปล่าคะ "ผมจะปรึกษาเรื่องน้องก๊อปครับ บีพอจะมีวิธีที่ทำให้ผมได้ทำความรู้จักกับก๊อปมากกว่านี้มั๊ยครับ ถ้าเป็นไปได้ผมอยากได้น้องเขามาเป็นน้องชายผมจะดีมากเลยครับ" "วิธีพอมีอยู่ค่ะแต่เมฆต้องพยายามหาโอกาสเจอน้องเขาบ่อยๆ แบบว่าบังเอิญเจอกัน ช่วยเหลือเขาในสถานการณ์คับขันอะไรทำนองนี้ค่ะ เพื่อให้เขาเกิดความประทับใจและรู้สึกเชิงบวกกับเมฆ โดยที่เมฆต้องแสดงออกด้วยความจริงใจนะคะ" "เหรอครับ เอ๊ะ! ผมจำได้ว่าน้องเขาเหมือนจะชอบบีนะครับ บีช่วยผมได้แน่เลยผมมีวิธีละ..." ผมกำลังจะบอกวิธีกับเธอแต่กลับถูกเธอตัดบทลงเสียก่อน หยุดเลยค่ะเมฆ! บีรู้นะว่าเมฆกำลังคิดจะทำอะไร มันไม่ใช่วิธีที่ดีเลยค่ะ" เธอพูดได้ตรงใจผมมาก มันแฝงด้วยน้ำเสียงจริงจังปนความรู้สึกผิดหวังในตัวผมกรายๆ "ขอโทษครับบี แต่มันอาจเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ผมได้ทำความรู้จักกับน้องเขาได้เร็วน่ะครับ" "เมฆรู้ได้ยังไงคะว่าวิธีนี้ดีที่สุด บีไม่เห็นด้วยกับวิธีนี้ค่ะ" เธอยืนกรานในความคิดเห็นของตัวเอง "ครับๆ ผมเข้าใจแล้วครับ ผมไม่ใช่วิธีนี้ก็ได้ครับ ยังไงเดี๋ยวผมลองหาวิธีอื่นดู บีผมไม่รบกวนบีแล้วนะครับ ดึกแล้วด้วย ขอโทษที่โทรไปรบกวนนะครับ"  "ค่ะ แต่เมฆไม่โกรธบีใช่มั๊ยคะ" “ไม่ครับ บีไม่ต้องคิดมากนะครับ” "ขอบคุณนะคะที่เข้าใจบี เมฆลองหาวิธีอื่นดูนะคะ บีคิดว่าน่าจะมีวิธีที่ดีกว่านี้ค่ะ ฝันดีนะคะ" "ฝันดีครับบี" ผมกดวางสายจากบีแล้วนอนคิดหาวิธีที่จะทำความรู้จักกับก๊อป เด็กหนุ่มมอปลายผู้มีใบหน้าคล้ายน้องชายของผมต่อไป   ณ ห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ช่วงบ่ายวันอาทิตย์บริเวณลานจอดรถห้างสรรพสินค้า ผมเข็นรถเข็นห้างที่เต็มไปด้วยข้าวของเต็มรถหลังจากที่เพิ่งเลือกซื้อเมื่อสักครู่นี้กำลังจะเดินไปยังรถยนต์ที่จอดอยู่ วันนี้ผมเอารถยนต์มาครับ เพราะรู้ว่าตัวเองต้องซื้อของเยอะเพื่อความสะดวก ระหว่างที่ผมกำลังเข็นรถเข็นของห้างเดินไปหารถยนต์ของตัวเองที่จอดอยู่ไม่ไกลนักซึ่งต้องผ่านรถหรูคันหนึ่ง ตุบ!! “โอ๊ย! ช่วยด้วย...ช่วยด้วยค่ะ..." ผมตกใจจึงรีบเดินตามหาเสียงนั้นทันที จนมาพบหญิงวัยกลางคนท่านหนึ่ง แต่งตัวดีกำลังใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างกุมหัวเข่าอยู่ข้างรถหรูดัวยความเจ็บปวด เมื่อผมเห็นเช่นนั้นเลยดันรถเข็นห้างไว้ด้านข้างรถยนต์ของท่านแล้วรีบเข้าไปช่วย "คุณครับ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ" "คือฉันเจ็บที่หัวเข่าค่ะคุณ ฉันสะดุดล้มเมื่อกี้ค่ะ" ท่านอธิบายด้วยสีหน้าเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด "ผมว่าไปโรงพยาบาลดีกว่านะครับ มาครับผมช่วยพยุงขึ้นรถ" ผมพูดพลางเข้าพยุงท่านไปที่รถยนต์  "ฉันคงขับรถไม่ไหวค่ะคุณ" ผมเริ่มเห็นอาการบวมแดงจากแผลสดที่หัวเข่าของท่าน จึงตัดสินใจเป็นคนพาไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด แต่ท่านกลับมีสีหน้าไม่ค่อยสบายใจ "ไม่เป็นไรครับไปรถผมดีกว่าครับ ผมเพิ่งเสร็จธุระพอดีครับ"  "เอ่อ! ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันโทรหาคนที่บ้านมารับดีกว่าค่ะ" ท่านพูดด้วยน้ำเสียงหวาดระแวงเล็กน้อยคงเพราะกลัวผมจะเป็นพวกมิจฉาชีพก็เป็นได้ ผมจึงอธิบายเพื่อความปลอดภัยสำหรับตัวเขาเอง "ไม่ต้องกลัวผมหรอกนะครับ ผมว่าคุณรีบไปโรงพยาบาลดีกว่า หัวเข่าคุณเลือดออกใหญ่แล้วนะครับ" ดูท่านจะลดอาการหวาดกลัวลงบ้างจึงตอบตกลงที่จะไปโรงพยาบาลบาลกับผมโดยมีพนักงานรักษาความปลอดภัยช่วยเก็บของผมขึ้นรถให้   โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง หน้าห้องฉุกเฉินในโรงพยาบาลที่ผมพาผู้หญิงกลางคนมารับการรักษา ผมนั่งรอฟังอาการของหญิงคนนั้นเกือบชั่วโมงด้วยความเป็นห่วง ซักพักประตูห้องฉุกเฉินก็ถูกเปิดออก "คุณหมอครับ คุณเขาเป็นยังไงบ้างครับ?" "คุณเป็นอะไรกับคนไข้ครับ" "ผมเจอคุณเขาล้มอยู่ข้างรถในห้างครับ เลยพามาโรงพยาบาลครับ" "คนไข้ต้องผ่าตัดด่วนครับ เพราะกระดูกทับเส้นประสาทการควบคุม หากไม่รีบทำการผ่าตัดตอนนี้อาจส่งผลให้ขาใต้หัวเข่าของเขาลงไปไร้ความรู้สึกจนไม่สามารถเดินได้ครับ ที่สำคัญต้องได้รับความยินยอมจากญาติเท่านั้นจึงจะทำการผ่าตัดได้ครับ" ผมได้ฟังแบบนั้นก็ไม่รู้จะทำยังไง "แล้วคุณเขาติดต่อญาติไม่ได้เหรอครับ" "คงไม่ได้หรอกครับเพราะช่วงที่คนไข้มาถึงมือหมอพบว่ากระดูกโผล่จากผิวหนังมากแล้ว คนไข้เองก็มีอาการปวดแผลมาก หมอจึงฉีดยาแก้ปวดให้คนไข้จึงหลับไปครับ" "หากเป็นเช่นนั้นผมขอเซ็นยินยอมให้เธอได้มั๊ยครับ หากเกิดอะไรขึ้นผมจะรับผิดชอบเองครับ" "ได้ครับ"  หลังจากนั้นเวลาผ่านไปประมาณชั่วโมงครึ่ง การผ่าตัดก็ผ่านไปได้ด้วยดี โดยที่ท่านฟื้นตัวเร็วจากฤทธิ์ยาสลบกว่าที่ควร แต่ผมก็รู้สึกดีใจที่ท่านรู้สึกตัวขึ้นมา "เป็นยังไงบ้างครับ คุณยังเจ็บอยู่หรือเปล่าครับ ตอนนี้คุณปลอดภัยแล้วนะครับ" “อ้าวคุณยังอยู่ที่นี่รึคะ ฉันคิดว่าคุณมาส่งฉันแล้วกลับไปแล้วเสียอีก ขอบคุณคุณมากนะคะที่ช่วยฉันไว้" ท่านถามผมอย่างสงสัยก่อนจะยกมือขึ้นขอบคุณผม "อย่าไหว้ผมเลยครับ ผมยินดีที่จะช่วยครับ และอีกอย่างผมก็ทิ้งคุณไว้คนเดียวไม่ได้ ผมเป็นคนพาคุณมาผมก็ต้องอยู่ดูแลคุณจนกว่าญาติของคุณจะมาดูแลคุณต่อครับ" ผมอธิบายถึงเหคุผลให้ท่านฟังเพื่อให้เกิดความเข้าใจ "อ๋อค่ะ ตอนนี้ลูกชายฉันกำลังมาค่ะ อ้าวเห็นว่ามีการผ่าตัดด้วยเหรอคะ แล้วใครเป็นธุระเซ็นยินยอมให้ฉันล่ะคะ?" เธอถามอย่างแปลกใจ "ผมเองครับ ผมต้องขอโทษคุณด้วยครับที่ถือวิสาสะ..." ผมยกมือขึ้นไหว้หล่อนอย่างคนรู้สึกผิด "คุณอย่าขอโทษฉันเลยค่ะ หากคุณไม่เป็นธุระให้ฉัน ขาฉันคงแย่ ฉันต้องเป็นฝ่ายขอบคุณคุณมากกว่าค่ะ ขอบคุณคุณมากนะคะคุณ..." ท่านยกมือขอบคุณผมทำให้ผมต้องรีบยกมือรับไหว้จากท่านแทบไม่ทัน ก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือทั้งสองข้างของท่านแล้วดึงลงด้วยความสุภาพ "อย่าไหว้ผมเลยนะครับ ผมเมฆินทร์ ชินเกษมหรือจะเรียกผมเมฆก็ได้ครับ" "ค่ะๆ คุณเมฆ ฉันกรวี เลิศชัยธนากูลหรือเรียกฉันระวีก็ได้ค่ะ" ผมรู้สึกตกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินนามสกุลของคนบนเตียง "เลิศชัยธนากูล! เป็นตระกูลผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเลยนี่ครับ" ผมเผลอหลุดปากไปเพราะยังตกใจกับนามสกุลที่มีชื่อเสียงในแวดวงธุรกิจของเมืองไทย "ใช่ค่ะคุณเมฆ" ท่านตอบรับพลางยิ้มให้ผมอย่างเป็นกันเอง   ระหว่างที่ผมนั่งคุยกับคุณระวียู่นั้นประตูห้องพิเศษก็ถูกเปิดเข้ามาปรากฏร่างหนุ่มน้อยที่คุ้นตาในรูปลักษณ์การแต่งตัวสบายๆ แต่ดูเนี๊ยบ ก๊อปนี่!  "มี๊...เป็นยังไงบ้างครับ เป็นอะไร เจ็บตรงไหนหรือเปล่า ใครทำมี๊ ทำไมโทรมาไม่รับสายครับ...ฮือ..." ร่างนั้นโผเข้าหาหญิงที่นอนอยู่บนเตียงแล้วยิงคำถามมากมายทั้งน้ำตาแต่คุณระวีกลับโอบกอดพลางลูบศีรษะลูกชายด้วยรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา "ก๊อป...ก๊อป...ฟังมี๊ก่อนลูก มี๊ไม่เป็นอะไรลูก มี๊ไม่เป็นอะไร หยุดร้องไห้ก่อนนะ… คุณเขาเป็นคน..." ไม่ทันที่คุณระวีจะพูดจบ "มัน มันเป็นคนทำมี๊ใช่มั๊ยครับ!?” ปั้ก! หมัดน้อยๆ แต่หนักแน่นฟาดเข้ามุมปากซ้ายของผมเข้าอย่างจัง ทำให้ผมถึงกับร่วงลงจากเก้าอี้ลงไปกองกับพื้นตามแรงหมัดอย่างเลี่ยงไม่ได้ "ก๊อปหยุดนะ!" เสียงตวาดดังลั่นทำเอาก๊อปและผมตกใจไปตามๆ กัน "ทำอะไรแบบนั้น ไปต่อยคุณเขาทำไม คุณเขาเป็นคนพามี๊มาโรงพยาบาลนะลูก!..." "พี่เมฆ!" น้ำเสียงก๊อปดูตกใจและแปลกใจมากขึ้นที่หันมามอง ว่าคนที่เขาเพิ่งปล่อยหมัดใส่เมื่อกี้คือผม "คุณเมฆ ฉันขอโทษด้วยนะคะที่ลูกชายฉันทำร้ายคุณ ก๊อป! ขอโทษคุณเมฆเดี๋ยวนี้นะลูก!" หญิงวัยกลางคนกล่าวพลางยกมือขอโทษผมเป็นระวิง "คุณระวีพอเถอะครับ อย่าไหว้ผมเลยครับ น้องเขาเข้าใจผิดเท่านั้นเองครับ" ผมบอกท่านแล้วลุกขึ้นนั่งเก้าอี้ตัวเดิมพลางลูบที่มุมปากที่ถูกหมัดน้อยๆ ต่อย  "ขอโทษครับพี่เมฆ ก๊อปไม่รู้นี่ครับ คิดว่าพี่เป็นคนทำร้ายมี๊อ่ะ อีกอย่างก๊อปเองก็ไม่รู้ว่าเป็นพี่ ก๊อปขอโทษนะครับ..." น้องก๊อปยกมือไหว้ผมปะหลกๆ ผมรับไหว้น้องเขาด้วยความรู้สึกดีใจเป็นที่สุด เพราะสิ่งที่ผมหวังที่สุดกำลังจะเกิดขึ้น "ไม่เป็นไร เลิกไหว้พี่ได้แล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า (หัวเราะ)" อากัปกิริยาของก๊อปดูน่ารักแบบเด็กเล็กๆ ไปเลย ทำให้ผมและคุณระวีแม่ของน้องเขาอดที่จะหัวเราะไม่ได้ "มี๊ผมกับพี่เมฆเรารู้จักกันแล้วครับ พี่เขาเคยไปส่งผมที่โรงเรียนวันที่รถติดถึงหน้าบ้านเรา วันที่ผมไลน์มาเล่าให้มี๊ฟังอ่ะครับ จำได้มั๊ยครับ" "อ้าวเหรอลูก ขอบคุณคุณเมฆมากนะคะที่ช่วยเราสองคนแม่ลูก" คุณระวีพูดด้วยรอยยิ้มแสนอบอุ่นทำให้ผมรู้สึกคิดถึงแม่ของผมขึ้นมาจับใจ "ครับ ไม่เป็นอะไรครับคุณระวี น้องก๊อป" "นี่แหละค่ะ กรพัฒน์ เลิศชัยธนากูลหรือน้องก๊อป ลูกชายคนเดียวของฉันซึ่งเป็นทายาทคนเดียวของตระกูลเราค่ะ” "มี๊! ทำไมไปบอกเขาแบบนั้นล่ะครับ เป็นความลับของตระกูลไม่ใช่เหรอครับ" น้องก๊อปมีสีหน้าตกใจขณะที่แม่ของน้องเขาสาธยายถึงตัวเขาอยู่ "คุณเขาเป็นผู้มีพระคุณของมี๊นะลูก ทำไมเขาจะรู้เรื่องของเราไม่ได้ เขาพามี๊มาส่งโรงพยาบาล เซ็นยินยอมการผ่าตัดให้มี๊ นั่งเฝ้ามี๊จนมี๊ผ่าตัดเสร็จแล้วอยู่เป็นเพื่อนมี๊จนลูกของมี๊มา เขาเป็นญาติเราหรือเปล่าก็ไม่ใช่ เขาเป็นคนดีนะลูกมี๊มองออก ตอนนี้มี๊รู้แล้วว่าจะให้ใครช่วยดูแลลูกชายของมี๊" หล่อนพูดยาวจนประโยคสุดท้ายทำให้น้องก๊อปเรียกคนเป็นแม่เสียงหลง "มี๊!!..." แต่ผมกลับดีใจสุดๆ "คุณเมฆสะดวกมั๊ยคะหากฉันจะขอร้องให้คุณมาช่วยดูแลลูกสาว… เอ๊ะ! หรือลูกชายดีล่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า (หัวเราะ) อ้อ ขอโทษนะคะ คุณอายุเท่าไหร่คะ?" ท่านทาบทามผมให้เป็นคนดูแลลูกชายของท่านอย่างตรงไปตรงมาและมีติดตลกนิดหน่อยทำให้น้องเขาตีที่แขนคนเป็นแม่เบาๆ ก่อนที่หล่อนจะถามถึงอายุของผม "มี๊อ่ะ ก๊อปเป็นผู้ชายนะครับ" ทำเสียงน่ารักมากก๊อปเอ๊ย ฮ่า ฮ่า ฮ่า (หัวเราะ) ผมแอบหัวเราะในใจอย่างอดไม่ได้จริงๆ ครับ "ผม 23 ปีครับคุณระวีเรียกผมเมฆเฉยๆ ก็ได้ครับ ผมยินดีรับดูแลน้องก๊อปครับ" ผมตอบรับด้วยความดีใจ "แล้วคุณทำงานอะไรอยู่ที่ไหนคะ?" "คือผมทำงานประจำที่บริษัทส่งออกผลิตภัณฑ์จากประเทศไทยแบรนด์หนึ่งอยู่ครับ แล้วก็เป็นนักกีฬาแข่งรถมอเตอร์ไซค์ครับ ช่วงสองเดือนข้างหน้านี้ก็มีแข่งที่กรุงเทพนี้ครับ ผมต้องซ้อมบ่อยขึ้นเกรงจะดูแลน้องก๊อปได้ไม่เต็มที่น่ะครับ"  "มี๊ ก๊อปโตแล้วนะครับดูแลตัวเองได้ไม่ต้องให้ใครมาดูแลก๊อปหรอกครับ..." น้องเขายังอธิบายเหตุผลของตัวเองไม่ทันจบก็ถูกผู้เป็นแม่พูดแทรกขึ้นด้วยเหตุผลของท่าน "ก๊อปอย่าเสียมารยาทสิลูก พี่เขารับปากมี๊แล้วนะ" สีหน้าก๊อปดูเศร้าลงได้พักเดียวจริงๆ เมื่อได้ยินว่าผมเป็นนักกีฬาสิงห์ความเร็ว "พี่แข่งรถด้วยหรอครับ ผมคิดว่าพี่ขับบิ๊กไบค์เพื่อโชว์สาวเฉยๆ ซะอีก เจ๋งอ่ะ" "เหรอครับ" "งั้นก็เอาตามที่เมฆสะดวกก็ได้จ้ะ ลูกของฉันดูแลไม่ยากหร๊อก ง๊ายง่าย..." จากคำบอกเล่าของคนเป็นแม่ทำให้น้องก๊อปประท้วงเสียงหลง "มี๊อ่ะ..." ผม คุณระวีและน้องก๊อปเราคุยกันเพลินจนผมลืมเวลาที่ต้องกลับบ้านไปเลย   ในที่สุดผมก็ได้ทำความรู้จักกับน้องก๊อปและแม่ของน้องเขาตามที่ตั้งใจไว้ สำคัญกว่านั้นผมได้รับหน้าที่ดูแลน้องก๊อปอีกด้วย ผมจะทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุดเหมือนเขาเป็นน้องชายผมแท้ๆ คนหนึ่งเลยครับ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD