เพลิงเสน่หา ตอนที่ 8.

1480 Words
                  “ดีจังค่ะ นานแล้วที่ฉันไม่ได้มาเที่ยวทะเล ครั้งสุดท้ายฉันมาเที่ยวกับยายเดือน เห้อ...ป่านนี้ยายเดือนจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”                 ดารากานต์อดนึกถึงน้องสาวฝาแฝดที่หนีไปไม่ได้ สองอาทิตย์แล้วนับตั้งแต่น้องสาวของเธอหายตัวไปยังไม่มีใครพบตัว แม้จะจ้างนักสืบออกตามหาก็ไม่มีวี่แววหรือข่าวคราวใดใดเลย                 “ผมว่าถ้าคุณเดือนรู้ว่าคุณแต่งงานกับผมแล้ว เธอคงกลับมาเอง” อัคนีปลอบใจ                 “ยายเดือนไม่เคยออกไปไหนตัวคนเดียวมาก่อน ฉันกลัวว่าน้องจะถูกคนชั่วรังแก ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ฉันคงทำใจไม่ได้”                 ใบหน้าของดารากานต์หม่นหมองลง เมื่อนึกถึงสิ่งที่ตัวเองหวาดกลัว ศศิกานต์เป็นคนนุ่มนิ่มไม่ทันคน หากถูกคนชั่วพบเข้าอาจถูกรังแกได้ เธอได้แต่ภาวนาให้น้องสาวปลอดภัย                 “อย่าเป็นห่วงไปเลยครับ ผมให้เพื่อนๆ ช่วยตามหาอยู่เหมือนกัน คงจะได้ข่าวเธอเร็วๆ นี้”                 “ค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่ก็จ้างนักสืบ ให้ออกตามหาเหมือนกัน ฉันหวังว่าเราคงพบตัวแกก่อนที่จะเกิดเรื่องร้ายขึ้น”                 “ผมว่าคุณอย่าคิดมากเลย น้องสาวของคุณเป็นคนดี ความดีต้องคุ้มครองเธอ”                 อัคนีโอบไหล่บางชิดตัว ปลอบประโลมให้เธอคลายความวิตกกังวล                 “ขอโทษนะคะ ที่ทำให้คุณรำคาญ”                 “ไม่หรอกผมรู้ว่าคุณห่วงน้องสาว คุณมีกันสองพี่น้องย่อมรักและผูกพันกันเป็นธรรมดา ผมจะคอยเป็นกำลังใจให้คุณ จะช่วยคุณตามหาน้องสาวอีกแรง”                 ใบหน้าหวานเริ่มคลายความหม่นเศร้าลง ริมฝีปากอิ่มระบายยิ้มสวยให้คนมอง เมื่อได้ยินคำพูดอ่อนหวานให้กำลังใจจากเขา                 “คุณมีพี่น้องกี่คนคะ ขอโทษนะคะที่ถาม ฉันกับคุณแทบไม่รู้จักกันและกันเลย”                 เธอชวนเขาคุยเรื่องครอบครัวของเขา เธออยากรู้ประวัติความเป็นมาของสามีคนนี้บ้าง                 “จะให้พูดถึงครอบครัวผม เราคงต้องหาที่นั่งคุยกันยาว”                 อัคนียิ้มกว้าง พาดารากานต์นั่งลงที่เก้าอี้ชายหาด ก่อนจะเริ่มต้นเล่าเรื่องราวของเขาให้เธอฟัง                 “ผมมีพี่น้องสี่คน ผมเป็นคนโต มีน้องชายอีกสามคน ชื่อ พสุธา หรือนายดินเป็นคนรอง แล้วก็มี น่านน้ำ หรือเจ้าธารเป็นน้องคนที่สาม ส่วนน้องชายคนเล็กอายุน่าจะมากกว่าคุณสักปีสองปี ชื่อ เจ้าวาโย หรือไอ้ลม เจ้านี่แสบสุดคุณพ่อเลยใช้ให้ไปดูแลบริษัทท่องเที่ยว”                 “โอ้โห คุณมีพี่น้องเยอะจังค่ะ น่าอิจฉาจัง ตอนเด็กคงจะเล่นกันสนุกมาก”                 ดารากานต์ทำตาโต หลังจากตั้งใจฟังเขาเล่าจนจบ เธอนึกถึงชายหนุ่มทั้งสามคนที่เห็นแวบๆ ตอนงานแต่ง ตอนนั้นเธอไม่ได้สนใจเลยไม่ได้ใส่ใจว่าใครเป็นใครบ้าง                 “สนุกอะไร ตีกันหัวปูดตาเขียวทุกวัน” อัคนีหัวเราะเบาๆ                 “แต่พวกคุณพี่น้องก็ผูกพันกันมากใช่ไหมคะ”                 “ครับ เราสี่คนรักกันมาก แทบจะเรียกว่าตายแทนกันได้ ใครทำให้เราเจ็บเราก็โกรธแค้นแทนกัน มีครั้งหนึ่งสมัยมัธยมเจ้าธารมีเรื่องกับเพื่อนร่วมห้อง เราสามพี่น้องเข้าไปช่วยกันรุมยำ จนเกือบทำให้คู่อริตายคาเท้ามาแล้ว โชคดีที่ไม่ถูกดำเนินคดีเพราะคุณลุงของผมช่วยคุยกับตำรวจให้”                 วีรกรรมของสี่พี่น้องในครั้งนั้น ส่งผลให้ถูกบิดาส่งไปเรียนเมืองนอกยกแก๊ง เพราะหากให้เรียนอยู่ที่เมืองไทยต่อไปอาจถูกคู่อริหมายหัวได้ เมื่อเรียนจบแล้วต่างก็แยกย้ายกันไปทำงานในกิจการต่างๆ ของครอบครัว อัคนีมาดูแลไร่กาแฟและรีสอร์ททางภาคเหนือ น่านน้ำไปดูแลรีสอร์ทและโรงเรียนสอนดำน้ำที่ภูเก็ต พสุธาดูแลโรงแรมและกาสิโนที่ร่วมลงทุนกับนักธุรกิจในฝั่งเขมร ส่วนน้องเล็กอย่างวาโยดูแลกิจการบริษัทท่องเที่ยวซึ่งเหมาะกับบุคลิกของเขาที่เป็นพวกชอบเอนเตอร์เทน พี่น้องแยกกันไปทำงานคนละที่กว่าจะได้พบกันก็เป็นช่วงปีใหม่หรืองานวันเกิดของบิดากับมารดาเท่านั้น                 “ฉันชักอยากรู้จักน้องๆ ของคุณแล้วสิคะ” ดารากานต์ว่า                                “ไว้ตอนเรามีลูกคนแรก เดี๋ยวคุณก็ได้เจอพวกเขาเอง”                 คำพูดของอัคนี ทำให้คนฟังนิ่วหน้าไม่เข้าใจ ว่าทำไมต้องรอนานขนาดนั้นด้วย                 “ทำไมต้องรอให้ถึงตอนนั้นด้วยคะ”                 อัคนียิ้มพราย ขยับเข้ามาหายื่นหน้ามาใกล้ๆ ใบหน้าสวยหวานของภรรยา ก่อนจะบอกว่า                 “ผมกลัวเจ้าพวกนั้น จะมาหลงเสน่ห์คุณนะสิ”                 “บ้า! คิดอะไรบ๊องๆ อย่างนั้นกับพี่น้องได้ยังไง คุณนี่”                 ดารากานต์ร้องขึ้น พร้อมฟาดเผียะที่ต้นแขนคนพูดไปหนึ่งที แก้มนวลร้อนผ่าวเห่อแดง เมื่อถูกสายตาคู่คมของเขาจ้องมองอย่างเสน่หา                 “ไม่คิดได้ยังไง ขนาดผมเจอคุณไม่กี่นาทียังหลงเสน่ห์คุณจนถอนตัวไม่ขึ้น ยังไงก็ต้องป้องกันไว้ก่อน ไม่งั้นจะถูกแย่ง” เขาว่ายิ้มๆ                 “คนอะไร ขี้หวงแม้กระทั่งน้องตัวเอง”                 ดารากานต์สะบัดค้อนให้คนขี้หวง ก่อนจะลุกขึ้นเดินหนี อัคนียิ้มขำลุกขึ้นวิ่งตามมาทัน เขาโอบไหล่ภรรยาตัวแทนของตนไว้ พลางก้มลงหอมแก้มเธอแรงๆ อย่างอดใจไม่อยู่ หญิงสาวหน้าแดงก่ำแต่ก็ยอมให้เขาหอมแก้มอีกหลายครั้ง อัคนีรู้สึกว่ายิ่งอยู่ใกล้ชิดดารากานต์มากเท่าไหร่ เขายิ่งหลงเสน่ห์เธอมากขึ้นเรื่อยๆ จนแทบไม่อยากอยู่ห่าง แบบนี้จะไม่ให้เขาหวงเขาหึงเธอได้อย่างไร                   “เจอกันอีกแล้วนะคะเพลิง คุณดาว”                 จามรีเดินเข้ามาทักทายสองสามีภรรยา ซึ่งกำลังนั่งรับประทานอาหารค่ำในร้านอาหารหรูของรีสอร์ทที่พัก หญิงสาวอยู่ในชุดเดรสสั้นสีแดงสดแบบเกาะอกรัดรูปร่างอวบอิ่มของตัวเองยั่วหยอกสายตาให้คนเห็นร้อนผ่าวๆ ได้ไม่น้อย ดูได้จากสายตาของชายหนุ่มบ้างแก่บ้าง ที่นั่งรับประทานอาหารอยู่ ณ ที่แห่งนั้น ที่พากันลอบมองเธอไม่ละสายตา สร้างความเชื่อมั่นให้สาวร้อนว่าเธอสามารถดึงความสนใจจากอดีตแฟนหนุ่มได้ จามรีจึงเดินนวยนาดเข้ามาทักทายอัคนีกับดารากานต์ถึงโต๊ะ โดยทิ้งให้เพื่อนนั่งรออยู่                 “ครับจ๋า ผมกับภรรยาเรามาดินเนอร์กัน” อัคนีทักทายตอบอย่างเสียมิได้                 ดารากานต์มองท่าทางอึดอัดใจของอัคนีอย่างเข้าใจ ถึงเขาจะอยู่เฉยๆ แม่ดาวยั่วอดีตแฟนเก่าค้างปีนี่ก็แร่มาหาเขาเอง คนกลางอย่างเขาคงลำบากใจไม่น้อย ไหนต้องรักษามารยาททางสังคม ไหนต้องรักษาน้ำใจคนเป็นภรรยาอย่างเธอไม่ให้เข้าใจผิด น่าหนักใจแทน                 “คุณมากับเพื่อนเหรอคะ คุณจามรี” ดารากานต์แสร้งเอ่ยถามเสียงเรียบ                 “ค่ะ เพื่อนจ๋านั่งอยู่โต๊ะโน้นค่ะ พอดีจ๋าเห็นเพลิงกับคุณดาวเลยแวะมาทักทาย ประสาคนคุ้นเคยกันน่ะค่ะ คุณดาวคงไม่ว่านะคะถ้าจ๋ากับเพื่อนจะขอร่วมโต๊ะด้วย”                 ถนนคอนกรีตคงบางมากถ้าเทียบกับความด้านหนาของหญิงสาวคนนี้ ดารากานต์นึกเปรียบเทียบในใจ พยายามปั้นหน้าไม่ให้แสดงอาการขุ่นเคืองออกมา หากเธอมีอารมณ์จะเข้าทางฝ่ายตรงข้ามทันที                 “ถ้าคุณจ๋ากับเพื่อน ไม่คิดว่าเป็นการรบกวนคู่ฮันนีมูน ก็เชิญตามสบายค่ะ” ดารากานต์บอกยิ้มๆ                 จามรีสะอึกเล็กน้อยกับการเชือดนิ่มๆ ของสาวหน้าจืดที่ตัวเองเคยปรามาสว่าอ่อนหัด แต่เมื่ออีกฝ่ายยอมตกหลุมปล่อยให้เธอมานั่งร่วมโต๊ะด้วย เรื่องอะไรจะหน้าบางถอยหนี งานนี้ด้านได้อาย อด!                 “ขอบคุณนะคะ ที่ชวนนั่งด้วย”                 จามรีฉีกยิ้มหวานกดโทรศัพท์เรียกเพื่อนให้ย้ายโต๊ะมา เพื่อนของจามรีเป็นเกย์หนุ่มร่างใหญ่ ท่าทางตุ้งติ้งทำให้ดูออกว่าไม่ใช่ผู้ชายแท้                 “นี่พี่เอก้า เพื่อนของจ๋าค่ะ”                 จามรีแนะนำให้สองสามีภรรยารู้จักกับเพื่อนชายร่างใหญ่ใจหญิงของตัวเอง เอก้ายิ้มให้อัคนีและดารากานต์อย่างมีจริต ชุดสูทสีดำพรางรูปร่างล่ำสันของตนเองแทบไม่มิด ใบหน้าของเอก้าหล่อเหลาไม่แพ้นายแบบ แต่เสียดายที่เขาไม่แมนเต็มร้อย                 “เอก้าค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ได้ยินน้องจ๋าพูดถึงคุณเพลิงบ่อยๆ เพิ่งเห็นตัวจริงครั้งแรก หล่ออย่างที่น้องจ๋าบอกเลยค่ะ” เกย์ร่างใหญ่ชวนคุย ขณะส่งสายตามีนัยยะบางอย่างให้เพื่อน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD