ตอนที่5

1903 Words
โครม! ลูกบิดประตูหักพังห้อยร่องแร่งเพราะไม่อาจทนแรงกระแทกไหว ทำให้ประตูถูกเปิดออกกว้างเสียงดังโครมใหญ่กระทบกับผนังห้องข้างในแล้วอลันก็ถอยหลังกลับมา ปล่อยให้เจ้านายของเขาเดินเข้าไปภายในเพียงลำพัง พอจะรับรู้ได้ว่าเดเมียนคงอยากจะจัดการเรื่องนี้เพียงคนเดียวมากว่า แสงที่ลอดผ่านประตูที่เปิดกว้างเผยให้เห็นห้องพักขนาดเล็กแลดูเก่าตามสภาพของตึก แลดูแล้วห้องนี้มีขนาดเล็กกว่าห้องพักของอรนลินสมัยก่อนเสียอีก ทุกครั้งที่เดเมียนได้มีโอกาสเหยียบย่างมาที่ตึกแห่งนี้และเห็นสภาพของห้องพักก็รู้สึกว่ามันช่างเล็กคับแคบ และดูน่าอึดอัดอะไรเช่นนี้ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคนเราถึงทนอยู่ภายในห้องเล็กๆแคบๆขนาดนี้ได้ แล้วยิ่งกับห้องนี้ หน้าต่างก็บานเล็กนิดเดียว ไม่เข้าใจเลยว่าหล่อนเอาอากาศที่ไหนมาหายใจ ชายหนุ่มวิจารณ์ในใจพลางกวาดตามองไปรอบๆ ห้องพักแห่งนี้เป็นลักษณะของห้องแบบห้องสตูดิโอ มุมหนึ่งของห้องมีเคาน์เตอร์สูงประมาณสะโพกเป็นมุมของห้องครัวเล็กๆ ถัดจากนั้นคือห้องน้ำขนาดเล็ก ส่วนอีกมุมเมื่อหันมาทางซ้ายมือคือที่วางเตียงนอนขนาดเล็ก เดเมียนเดินตรงไปยังเตียงหลังนั้นทันที เมื่อเห็นว่าคนที่เขาตามหากำลังนอนหลับสนิท ไม่รับรู้เรื่องราวอะไรทั้งสิ้น เดเมียนเดินไปชักม่านเปิดออกให้แสงส่องเข้ามาภายในห้อง ก่อนจะเปิดโคมไฟที่วางบนโต๊ะข้างเตียงเล็กๆ แล้วหันไปสนใจหญิงสาวที่ยังคงนอนเงียบไม่รับรู้ว่าบัดนี้มีผู้บุกรุกเข้าห้องของหล่อนแล้วเช่นเดิม “เธอ...” เดเมียนยืดหลังตรงเอามือไพล่หลังขณะส่งเสียงเรียกหญิงสาว แต่หล่อนก็เงียบ “ตะวันวาด” คราวนี้เดเมียนลองเขย่าหมอนที่หญิงสาวหนุนนอน แต่หล่อนก็ไม่ตอบสนองต่อเสียงเรียกของเขา สุดท้ายเดเมียนจึงจำใจต้องเอื้อมมือไปแตะที่ต้นแขนของหญิงสาวหมายจะลองเขย่ากายหล่อนหวังปลุกให้ตื่น แต่เขาก็ต้องชักมือกลับอย่างรวดเร็วเมื่อสัมผัสได้ถึงผิวเนื้อร้อนจัดราวกับคนมีไข้ ชั่ววินาทีหนึ่งในแววตาของชายหนุ่มมีแววห่วงใย ก่อนมันจะจางหายไปอย่างรวดเร็วพอกับตอนมา เดเมียนเอื้อมมือไปจับต้นแขนหล่อนอีกครั้งหากคราวนี้เพื่อวัดดูว่าตัวหล่อนร้อนจัดอย่างที่รู้สึกเหมือนคราวแรกหรือไม่ ก่อนจะไล่เลยไปยังต้นคอเรียวเล็ก ชายหนุ่มปัดเส้นผมสีดำมันขลับที่แผ่กระจายเต็มหมอนออก แล้วเห็นร่องรอยสัมผัสจากเขาแล้วยืดตัวขึ้น เดเมียนสลัดผ้าห่มของหล่อนออกไปให้พ้นตัว จัดแจงอุ้มร่างเล็กบางขึ้นมา คราวนี้เขาสัมผัสได้ถึงไอร้อนๆจากร่างกายของหญิงสาวได้อย่างชัดเจน “อลัน” เดเมียนหยุดยืนอยู่หน้าประตูแล้วส่งเสียงเรียกเมื่ออีกฝ่ายเอาแต่ยืนมองเขาตาค้าง คราวนี้ชายหนุ่มมองลูกน้องคนสนิทด้วยสายตาดุจัด จนอีกฝ่ายรู้สึกตัวรีบตรงไปอ้าอ้อมแขนออกหมายจะอุ้มหญิงสาวต่อจากเจ้านายเอง หากเดเมียนเบี่ยงกายหลบ ไม่ยอมให้อลันได้แตะต้องหญิงสาว “ไม่ ฉันอุ้มหล่อนเอง” ปฏิเสธพลางเดินนำอลันตรงดิ่งไปยังลิฟต์เก่าๆอย่างรวดเร็วจนลูกน้องหนุ่มต้องรีบสาวเท้าเดินแกมวิ่งตาม อลันรีบถลันไปกดลิฟต์ให้เจ้านาย พลางถามว่า “มิสเป็นอะไรไปครับ” “ไม่สบาย” “แล้ว...” เขาอึกอัก ด้วยไม่รู้ว่าเจ้านายจะพาหล่อนออกมาทำไม หากเดเมียนก็เหมือนจะเดาออก เขาหันไปมองมือขวาของตนเองด้วยสายตาคมดุ ก่อนจะตอบเสียงเฉียบว่า “ฉันจะพาหล่อนไปโรงพยาบาล...แล้วที่ทำแบบนี้ไม่ใช่เพราะพิศวาส แต่ฉันปล่อยให้หล่อนตายไม่ได้ แล้วผู้หญิงคนนี้ต้องหายให้ทันวันพรุ่งนี้ก่อนฉันแถลงข่าวด้วย!” +++++++++++++++++++++++++ “มิสเป็นยังไงบ้างครับหมอ” อลันเอ่ยถามหมอวัยกลางคนเมื่อคุณหมอเดินออกมาจากห้องฉุกเฉินที่เขาและเดเมียนพาหล่อนมาเมื่อครู่ใหญ่ แล้ว อลันก็ผุดลุกจากเก้าอี้พลาสติกที่นั่งรอคำวินิจฉัยจากคุณหมอเมื่อเจ้านายของเขาสั่งให้เขาเป็นคนจัดการ ส่วนตัวเดเมียนน่ะหรือ...ตอนนี้ชายหนุ่มกำลังนั่งมองลูกน้องตนเองเจรจากับหมอเงียบๆไม่ปริปากพูดอะไรออกมาสักคำ “มิสแค่มีไข้ขึ้นสูงเท่านั้นเองครับ แล้วร่างกายก็อ่อนเพลียและบอบช้ำจากการร่วมรักมา...เอ่อ...อย่างหนัก” “ห๊ะ?!” อลันอุทานด้วยความตกใจ แล้วเผลอเอี้ยวตัวไปมองด้านหลังประสานสายตากับเดเมียนที่มองตรงมาแล้วสะดุ้งเมื่อได้รับสายตาดุจัดราวกับมีเปลวไฟลุกโชนอยู่ในนั้น แม้จะมองไกลๆก็ตาม รีบหันไปยิ้มเจื่อนๆให้หมอโดยอัตโนมัติ “นั่นแหละครับ...ต่อไปหมออยากให้คุณทนุถนอมมิสมากกว่านี้” หมอบ่นออกมา ขณะที่อลันรีบพยักหน้ารับ “ครับๆ แล้วนี่ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหมครับ” เขาถาม ทำให้นายแพทย์วัยกลางคนถอนใจยาว “หมอสั่งย้ายคนไข้ไปที่ห้องพักพิเศษแล้ว ถ้าไม่มีอะไรแล้วหมอขอตัว” “เอ่อ เดี๋ยวครับหมอ คำถามสุดท้ายแล้วครับ” อลันรั้งนายแพทย์ไว้แล้วรีบถามอย่างรวดเร็วในสิ่งที่เจ้านายของเขาอยากรู้ทันที “แล้วมิสจะหายทันพรุ่งนี้หรือเปล่าครับ” คราวนี้หมอหันมามองคนถามด้วยสายตาดุๆแทนแล้วตอบเสียงห้วนว่า “หมอไม่ทราบ ของอย่างนี้ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของคนไข้” ตอบเสร็จหมอก็เดินไปอีกทางทันที ขณะที่อลันก็เดินตรงไปยังเดเมียนที่นั่งรออยู่พร้อมกับรายงานสิ่งที่หมอบอกทั้งหมดให้เจ้านายรับทราบ เดเมียนนิ่งงันไปเมื่อฟังคำตอบของหมอ แต่คนอย่างเขาหรือจะยอมแพ้ พรุ่งนี้ไม่ว่าหล่อนจะหายดีหรือไม่...หล่อนก็ต้องอยู่ในงานแถลงข่าวกับเขา! ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นยืนแล้วยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาเรือนหรู เห็นว่าตอนนี้เขาเสียเวลาในการทำงานอันมีค่าโดยเปล่าประโยชน์เพียงเพราะผู้หญิงยากจนเพียงคนเดียว ซึ่งเขาควรจะเลิกสนใจหล่อนและกลับไปทำงานที่กำลังรอการอนุมัติจากเขาได้แล้ว “นายอยู่ที่นี่อลัน รอดูว่าเมื่อไหร่หล่อนฟื้นขึ้นมาแล้วนายก็รายงานฉัน...เข้าใจไหม?” “ครับ” “ฉันจะกลับไปทำงานต่อ” เดเมียนตอบพลางรับกุญแจรถจากอีกฝ่าย อลันเป็นคนสนิทที่ทำหน้าที่แทบทุกอย่างที่เดเมียนใช้ แต่บางครั้งบางคราเดเมียนก็ชอบที่จะขับรถเองมากกว่าจะโทรเรียกคนขับรถให้มารับในยามที่เขาใช้อลันไปทำงานที่อื่นต่อดังเช่นเวลานี้ “นายอยู่เฝ้าหล่อนไว้ให้ดีๆ อย่าให้หล่อนหายตัวไปโดยเด็ดขาด...เข้าใจใช่ไหม” เมื่อได้รับคำตอบรับแข็งขันเป็นที่น่าพอใจ เดเมียนจึงออกจากโรงพยาบาลแล้วไปทำงานด้วยความสบายใจ ขณะที่สมองก็กำลังคิดถึงแผนการณ์ต่างๆเพื่อป้องกันข้อครหาที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันรุ่งขึ้น และที่สำคัญ...เขากำลังคิดหาทางตอบโต้ไอ้ชาร์ล! แกบังอาจมากที่กล้ามาล้ำเส้นปีศาจอย่างฉัน...ชาร์ล คอร์นเนอร์! แล้วฉันจะทำให้แกรู้ว่าอย่าแม้แต่จะคิดสร้างความยุ่งยากใจให้คนอย่างเดเมียนอีกเด็ดขาด ++++++++++++++++++++ ตะวันวาดพยายามปรือตาขึ้นด้วยความยากลำบาก รู้สึกเหมือนเปลือกตาหนักอึ้งราวกับมีอะไรมาถ่วงเอาไว้ไม่ยอมให้หล่อนได้เปิดเปลือกตาขึ้น แต่เมื่อเจอแสงสว่างจ้าหญิงสาวกลับต้องรีบปิดเปลือกตาลงทันควัน ก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นมาใหม่เมื่อปรับสภาพสายตาให้คุ้นชินกับแสงสว่างจ้าของหลอดไฟนั่นได้แล้ว หญิงสาวมองตรงไปยังเพดานสีขาวแล้วสามารถบอกได้ทันทีว่านี่ไม่ใช่ห้องของหล่อน...ตะวันวาดใจหายวาบเมื่อคิดว่าชีวิตของหล่อนช่วงนี้เป็นอะไรไป ทำไมลืมตาตื่นขึ้นมาแต่ละทีไม่เคยได้อยู่ภายในห้องของตนเองเลย “ฟิ้นแล้วเหรอครับมิส” เสียงห้าวทุ้มที่ดังอยู่ข้างกายโดยที่หญิงสาวไม่รับรู้เลยว่าผู้ชายคนนี้มาหยุดอยู่ข้างหล่อนตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำให้ตะวันวาดถึงกับกรีดร้องถามเขาเสียงดังลั่นในความคิดของหล่อน ในความเป็นจริงหญิงสาวถามเขาเสียงแผ่วเบามาก “คุณเป็นใคร?” คำถามปนเสียงแหบพร่าเพราะเพิ่งฟื้นของหญิงสาวทำให้อลันอมยิ้ม “ผมชื่ออลันครับ...ผมได้รับหน้าที่ให้มาดูแลมิส” ตะวันวาดเขม่นมองผู้ชายแปลกหน้าคนนี้ด้วยความสงสัย พยายามนึกว่าตนเองเคยเจอผู้ชายที่มีลักษณะสูงใหญ่ มีนัยน์ตาสีฟ้าสดใจและเส้นผมสีทองตัดสั้นเกรียนคนนี้จากที่ไหน แต่ก็จนใจเมื่อหล่อนคิดไม่ออกเอาเสียเลยว่ารู้จักเขามาก่อนหรือเปล่า ดูเหมือนสิ่งที่หญิงสาวคิดมันจะฉายชัดอยู่บนใบหน้า อลันคลี่ยิ้มอ่อนโยนให้หญิงสาวที่ดูจากท่าทางและหน้าตาแล้วหล่อนอายุน้อยกว่าเขาเป็นสิบปีเลยทีเดียว “ผมเป็นคนของมิสเตอร์เพียร์สันครับ...เดเมียน เพียร์สัน มิสคงจะรู้จัก” และพอได้ยินชื่อของเดเมียนเท่านั้น ใบหน้าที่ซีดเผือดอยู่แล้วของตะวันวาดก็แทบจะขาวราวกับกระดาษ ดวงตาของหล่อนไหวระริกด้วยความกลัวที่แม้อลันจะสังเกตเห็นแต่เขาก็ช่วยอะไรหล่อนไม่ได้ “เขาให้คุณมาทำอะไร...เขาจะทำอะไรดิฉัน” หญิงสาวละล่ำละลักถามเสียงสั่นจนแทบจะจับคำไม่ได้ อลันได้นิ่งเมื่อตะวันวาดเอื้อมมือมาเขย่าแขนเขาพลางวอนขอร้องเสียงพร่า ดวงตาสีน้ำตาลใสแจ๋วนั้นคลอไปด้วยหยาดน้ำตา “คุณช่วยดิฉันได้หรือเปล่า...ดิฉันอยากออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ ก่อนที่มิสเตอร์เพียร์สันจะมา...นะคะ ช่วยดิฉันได้ไหม” อลันได้แต่ส่ายหน้า ปลดมือเรียวเล็กออกจากแขนของตนเอง ถอยห่างจากเตียงสองสามก้าว ชายหนุ่มโค้งศีรษะลงให้หล่อนนิดเป็นเชิงขอโทษพร้อมกับบอกว่า “ผมคงต้องรายงานมิสเตอร์เพียร์สันว่าคุณฟื้นแล้ว” “ไม่นะคะ..ไม่!” แค่ได้ฟังชื่อของเดเมียนหญิงสาวก็ถึงกับกรีดร้องลั่น หล่อนพยายามเอื้อมมือไขว่คว้าไม่ให้อลันออกไปรายงานเดเมียน “ถือว่าสงสารดิฉันเถอะ...อย่าบอกเขา...ได้โปรด” คำวอนขอของหล่อนได้รับการเมินเฉย ตะวันวาดน้ำตาร่วงทันทีที่ประตูห้องปิดลงหล่อนนึกรู้ชะตากรรมของตนเองทันทีว่ามันจะเลวร้ายยิ่งกว่านี้ ถ้าเพียงแค่เดเมียนมาถึงที่นี่...เท่านั้น ++++++++++++++++++++++
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD