เจ้านายคนใหม่

2941 Words
7 เจ้านายคนใหม่ 6 ปีผ่านไป ณ กรุงเทพมหานคร “ผมไปสนามบินแล้วนะครับ” เสียงทุ้มกระแอมเอ่ยขณะลากกระเป๋าเดินทางลงจากบันได ดิฐาและปราบต์สองหนุ่มต่างวัยที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นพากันเงยมองร่างสูงที่ส่งกระเป๋าเดินทางให้คนขับรถ “ธามจะไปเชียงใหม่วันนี้เลยเหรอ ฟิตจังนะ” ปราบต์บุตรชายคนโตวัยสามสิบหกปีเอ่ยขึ้น “ครับพี่ปราบต์ ผมบอกทางนั้นแล้วว่าจะเข้าไปวันนี้” “ธามแน่ใจเหรอว่าจะไปบริหารโรงแรมเดอะเฮสเปอร์ แน่ใจแล้วใช่ไหมว่าจะใช้ชีวิตที่เชียงใหม่” ดิฐาหรี่มองผ่านเลนส์แว่นสายตา เขาถามย้ำเรื่องนี้เป็นหนที่สองเพราะห่วงใยความรู้สึกของหัสวีร์ หรือชื่อในอดีตคือธาม ธนนท์ บุตรชายคนเดียวของเพื่อนผู้ล่วงลับรอดพ้นจากเงื้อมือมัจจุราชและเติบโตขึ้นมาอย่างมีคุณภาพ ตั้งใจเล่าเรียนและสำนึกในบุญคุณที่ดิฐามอบชีวิตใหม่ให้ พร้อมยอมตกลงอย่างไม่มีเงื่อนไขกับการที่ดิฐาเสนอให้เปลี่ยนชื่อแซ่ใหม่เพื่อไม่ให้คนที่เมืองไทยรู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ ดังนั้นจาก ‘ธาม ธนนท์ กาลกุลพิทักษ์’ จึงกลายเป็น ‘วีร์ หัสวีร์ เขมนันทร์’ เขาเปลี่ยนทั้งชื่อเล่นและชื่อจริง แต่มีเพียงคนในครอบครัวของดิฐาเท่านั้นที่ยังเรียก ‘ธาม’ ตามความคุ้นชิน ในส่วนของ ‘เขมนันทร์’ ไม่ใช่นามสกุลของดิฐา แรกทีเดียวเขาจะให้ลูกชายเพื่อนสนิทเข้ามาเป็นหนึ่งในตระกูล ‘ไกรกรัณย์’ ใช้นามสกุลเดียวกับตนและลูกๆ ทว่าธามหรือตอนนี้คือหัสวีร์ปฏิเสธในน้ำใจ โดยอ้างว่าจะได้ไม่มีปัญหาในวันข้างหน้า ดิฐาพอมองออกอยู่บ้างว่าเด็กหนุ่มหวังผลในการแก้แค้น แม้ปากพร่ำบอกไม่สนใจเรื่องพวกนี้แล้ว แต่ดิฐารู้ดีว่าเขาไม่มีวันลืม “แน่ใจครับ อาฐาไม่เห็นต้องกังวลเลย ก็ในเมื่อผมจับฉลากได้ แล้วทำไมจะไปไม่ได้ล่ะครับ ไม่ได้ล็อกผลซะหน่อย เชียงใหม่ก็แค่สถานที่หนึ่งเท่านั้น ผมจำอะไรที่นั่นไม่ได้แล้ว จำไม่ได้สักอย่าง ไม่ต้องห่วงหรอกครับ” “เอาเถอะ อาไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว สงสัยโชคชะตาคงอยากให้ธามกลับไปที่นั่นจริงๆ ขนาดว่าให้จับฉลากกับปลื้ม ธามก็ยังจับได้เดอะเฮสเปอร์ซึ่งเป็นโรงแรมที่พ่อของเราปั้นขึ้นมา เดิมทีอาก็ตั้งใจจะยกโรงแรมนั้นให้ธามอยู่แล้ว” หัสวีร์พาใบหน้าตกใจมาหย่อนกายตรงข้ามกับดิฐา ซึ่งนั่งอยู่ข้างบุตรชายคนโต “ยกให้ทำไมครับ จริงๆ ผมตั้งใจว่าพอทำงานไปสักพัก รอตัวเองมีเครดิตสักหน่อยแล้วจะเข้าไปคุยกับธนาคารเพื่อขอซื้อเดอะเฮสเปอร์จากคุณอา” “ก็อาสัญญากับธามไว้แล้วว่าจะช่วยทวงทุกอย่างที่เป็นของธามกลับคืนมา อาขอไม่ให้ธามแก้แค้นเพราะไม่อยากให้เสียเวลาชีวิตไปกับเรื่องพวกนี้ ไม่อยากให้ถูกความแค้นกัดกิน ธามเป็นคนดีอาไม่อยากให้พันพัวกับอะไรพวกนี้ ทุกวันนี้ทินมันก็ตกต่ำอยู่แล้ว อาตั้งใจจะยกโรงแรมนี้ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของธามอยู่แล้วนะ” เมื่อหกปีก่อนดิฐาให้คำมั่นกับเด็กหนุ่มที่นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้นและสูญเสีย ว่าจะช่วยทวงคืนทุกอย่างที่เป็นของธนากรกลับคืนมา พร้อมกันนั้นก็ใช้เวลาตลอดหลายปีเกลี้ยกล่อมให้หัสวีร์ปล่อยวาง เกลียดได้แต่อย่าผูกใจเจ็บ การเป็นทาสความแค้นคือสิ่งที่ดิฐาไม่ปรารถนาให้เด็กหนุ่มหล่นไปอยู่ในวังวน ดิฐาให้สัญญาว่าเขาจะไม่ปล่อยให้การตายของธนากรและจารวีเป็นไปอย่างไม่ยุติธรรม กฎหมายอาจเอาผิดไม่ได้ แต่ก็เอาคืนด้วยวิธีอื่นได้ ช่วงสองปีหลังระหว่างที่หัสวีร์กำลังเรียนปริญญาโท เป็นช่วงที่เศรษฐกิจเมืองไทยซบเซา ภาคการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบจากโรคระบาด ดิฐาคอยจับตาดูฝั่งทินวุฒิน้องชายของธนากรที่ถูกฆาตกรรมอย่างเลือดเย็น คอยกระแซะยุแยงให้ทางนั้นขายกิจการให้เขา แผนการของดิฐาคือชิงสินทรัพย์ที่ทินวุฒิครอบครองมาเป็นของตระกูลไกรกรัณย์ โรงแรมเดอะเฮสเปอร์เป็นอสังหาฯ แรกที่ได้มา ซึ่งเป็นโรงแรมในเชียงใหม่ที่ธนากรปลูกปั้นได้สองปีก่อนเสียชีวิต ดิฐามีแผนครอบครองกิจการทุกอย่าง เอาทุกอสังหาริมทรัพย์ไม่ว่าชิ้นเล็กหรือใหญ่ขอแค่ทินวุฒิขายเขาก็พร้อมซื้อ และจากนั้นดิฐาก็จะยกสมบัติที่ได้มาให้ลูกชายของธนากรในภายหลัง และเมื่อวันนั้นมาถึงทินวุฒิคงจะช็อกน่าดูหากรู้ว่าหลานชายไม่ได้ตายอย่างที่เข้าใจ การแก้แค้นของดิฐาก็ง่ายๆ และละมุนละม่อมเช่นนี้ ทว่าเขาเดาใจหัสวีร์ไม่ได้ ไม่อาจหยั่งลึกถึงจิตใจเด็กหนุ่มผู้สูญเสียว่าปล่อยวางจริง หรือตอนนี้กำลังมีแผนอะไรอยู่ “ผมซาบซึ้งมากกับสิ่งที่อาฐาทำให้ผม แค่มอบชีวิตใหม่ให้ผมอยู่บนโลกนี้ต่อได้ก็นับว่าเป็นพระคุณมากแล้ว แต่ถึงขั้นยกโรงแรมให้ฟรีๆ ผมคงรับไว้ไม่ได้ ให้ผมเก็บเงินเก็บทองซื้อคืนจากอาเถอะนะครับ” ดิฐาส่ายหน้ายืนยันหนักแน่น “ไม่เอา ไม่ต้องมาซื้อคืนหรอก อาบอกว่าให้ก็คือให้สิ” “แต่ยังไงนี่ก็คือเงินที่อาจ่ายไปนะครับ อยู่ๆ จะยกให้ผมฟรีๆ แบบนี้ได้ยังไง” “ธามก็รู้ว่าอารักธามเหมือนลูกคนหนึ่ง อันที่จริงเราก็เป็นพ่อลูกกันแล้วนะ อามีลูกสามคนและธามก็คือคนที่สี่ อารวยมากนะเผื่อธามไม่รู้” ดิฐาพูดติดตลก ปลอบประโลมด้วยรอยยิ้มอย่างคนใจดี “รับไว้เถอะนะ ถือซะว่าเป็นมรดกที่อายกให้” “แต่ว่า...” “รับไว้เถอะธาม” พี่ชายคนโตเอ่ยแทรกขึ้น ซึ่งปัจจุบันปราบต์ดำรงตำแหน่งรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท KHT พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) “พี่ในฐานะพี่ใหญ่ขอพูดแทนปลื้มกับปูนว่าเราไม่ได้ตะขิดตะขวงใจเลยที่ป๊าเอ็นดูธามถึงขั้นยกนู่นนี่นั่นให้ พี่เองก็มองธามเป็นน้องชายคนหนึ่งเหมือนกัน บ้านเรารวย ธุรกิจมีมากมายให้รับผิดชอบ การที่ธามมาเป็นส่วนหนึ่งของไกรกรัณย์ก็เหมือนได้ช่วยแบ่งเบาภาระไปด้วย ธามเรียนเก่ง ทำงานก็ดี ก่อนหน้าที่จะจบโทธามได้ก็เป็นถึงเมเนเจอร์แผนกต้อนรับส่วนหน้าของโรงแรมห้าดาวที่สวิตฯ เลยนี่ ธรรมดาซะที่ไหน” “ใช่ เห็นด้วยกับเฮียปราบต์ แกรับๆ ไว้เถอะ มาช่วยกันทำงานหน่อย รวยไม่ไหวแล้วโว้ยทุกวันนี้” ปลื้มหรือเด่นภูมิเดินลงบันไดมาทันได้ยินสิ่งที่พวกเขาคุยอยู่พอดีจึงอดแทรกขึ้นไม่ได้ “อย่างน้อยก็ควรรับเดอะเฮสเปอร์ไว้ แล้วเอาไปตบหน้าอาทินว่าแกน่ะซื้อมาจากคนที่แย่งมาอย่างเลือดเย็น แต่ไม่มีปัญญารักษา” หัสวีร์จนมุมไม่สามารถหาเหตุผลปฏิเสธสมบัติที่เพื่อนสนิทของบิดายกให้ ทั้งสองพี่น้องไกรกรัณย์และหัวหน้าใหญ่พากันเกลี้ยกล่อมปนยัดเยียด จนหัสวีร์รู้สึกว่าไม่ควรปฏิเสธให้พวกเขาเสียน้ำใจไปมากกว่านี้ ชายหนุ่มผู้สูญเสียจึงกดหน้ารับพร้อมยกมือไหว้ดิฐา “ขอบคุณมากนะครับ อาฐามีบุญคุณกับผมมากจนไม่รู้ว่าชาตินี้จะทดแทนยังไง” “ถ้าอยากตอบแทนก็มาช่วยกันบริหารงานสิ อย่างที่ปราบต์มันว่าตระกูลเรามีกิจการเยอะ ได้ธามมาช่วยอีกแรงคงสบายขึ้น แล้วนี่จะไปสนามบินไม่ใช่เหรอ ไปเถอะเดี๋ยวตกเครื่อง นี่อาให้เลขาฯ ส่งข้อมูลธามให้ทางนั้นแล้วนะจะได้เตรียมตัวต้อนรับ GM คนใหม่” “ผมไปเชียงใหม่ผมพร้อมธามเลยนะป๊า” เด่นภูมิแจ้งให้บิดาทราบ “ไปทำไม ก็โรงแรมที่แกจะเข้าไปดูแล จีเอ็มเขายังไม่หมดสัญญาเลยนะ” ดิฐาแย้งลูกชายคนที่สองซึ่งอยู่ในวัยเดียวกับหัสวีร์ ทั้งคู่เพิ่งเรียนจบปริญญาโทด้านการบริหารจัดการ ดิฐาเห็นว่าสมควรแก่เวลาให้ทั้งสองลงสนามจริงจึงให้จับฉลากเลือกโรงแรมที่จะไปบริหารซึ่งเป็นกิจการหลักของตระกูลไกรกรัณย์ ภายใต้บริษัทเพื่อการลงทุนและบริหารธุรกิจโรงแรมอย่าง KHT พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) “หลักๆ คืออยากไปเที่ยวเลยป๊า รองๆ ก็อยากไปเรียนรู้งานจากลุงเจมส์ด้วย ผมคุยกับเขาแล้วเขาบอกให้ผมเข้าไปหาได้ทุกเมื่อพร้อมจะสอนงานให้ตลอด” เด่นภูมิหมายถึงผู้จัดการโรงแรมคนปัจจุบันที่ยังไม่หมดสัญญาว่าจ้าง ซึ่งเป็นเพื่อนของบิดาที่เด่นภูมิพอรู้จักอยู่บ้าง “คิดได้แบบนั้นก็ดี เห็นทีทั้งปลื้มและธามคงได้อยู่เชียงใหม่กันเป็นปีๆ งั้นก็หาแฟนจริงจังกันได้แล้ว เอาอย่างนี้ดีกว่า ระหว่างปลื้มกับธามใครแต่งงานก่อนป๊าให้ยี่สิบล้าน” “โห! คุณเสี่ย คุณป๋า คุณพ่อพระมหาจำเริญ อะไรจะใจป้ำขนาดนี้ครับเนี่ย” เด่นภูมิตาโตตกใจกับเงื่อนไขของบิดา “ว่าแต่ไหงเอาความกดดันมาลงที่ผมกับธามล่ะ เฮียปราบต์ตั้งสามสิบหกแล้วทำไมไม่บ่นอะไรเฮียเลย” “ไม่บ่นอะไรล่ะ ฉันโดนป๊าไล่ให้หาเมียอยู่ทุกวัน มันหากันง่ายเหมือนเดินซื้อปลาสดในตลาดก็ดีดิ” พี่ชายคนโตส่ายหน้าทั้งหน่ายทั้งขำ “อีกสองปีป๊าก็จะหกสิบแล้ว เข้าสู่วัยสูงอายุเต็มตัว มีลูกชายกับเขาตั้งสามคนแถมโตเป็นหนุ่มกันหมด แต่ไม่มีใครมีลูกมีหลานให้สักคน ธามเองก็เป็นลูกของอาแล้วก็ขอเอาความหวังไปฝากที่ธามด้วยเลยล่ะกัน ถ้าแต่งงานมีลูกก่อนเจ้าปราบต์ เจ้าปลื้มหรือเจ้าปูน อาให้เลยยี่สิบล้าน อย่ามัวทำแต่งานงกๆ จนลืมหาเมียล่ะ” “เอาเป็นว่าผมจะพยายามเพื่อยี่สิบล้านนะครับ งั้นผมไปก่อนนะครับอาฐา ไว้เจอกันครับพี่ปราบต์” หัสวีร์โบกมือลาสองหนุ่มต่างวัย ก่อนหมุนตัวตามหลังเด่นภูมิออกไปจากบ้าน รอยยิ้มที่ดิฐามองตามแผ่นหลังลูกชายเพื่อนสนิทค่อยๆ จางลง แล้วแทนที่ด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง ลางสังหรณ์บางอย่างแจ้งเตือนความห่วงใยให้ทำงาน หัสวีร์และเด่นภูมิเพิ่งกลับมาเมืองไทยได้อาทิตย์เดียว และการกลับมาครั้งนี้ดิฐาสัมผัสได้ว่ามันกำลังสั่นคลอนความสงบสุขของหัสวีร์ ......... “น้องชมพูจ๊ะ แม่บ้านแจ้งว่าห้องพักของ GM เรียบร้อยแล้วนะ แล้วนี่เขาจะมาถึงเมื่อไหร่เหรอ” เพียงเพ็ญผู้จัดการแผนกต้อนรับส่วนหน้าร้องบอกเลขาฯ ของ General Manager หรือที่พนักงานโรงแรมมักเรียกกันว่า GM พวงชมพูกำลังเดินผ่านหน้ารีเซ็ปชั่นหันมาตอบคำถามผู้จัดการแผนกต้อนรับส่วนหน้า “เห็นว่าเครื่องแลนด์ตอนบ่ายสามครึ่ง นี่พี่สินก็ออกไปรับที่สนามบินตั้งครึ่งชั่วโมงแล้วค่ะพี่เพ็ญ เดี๋ยวคงมาล่ะมั้ง” “รู้มาว่าจีเอ็มคนใหม่อายุยังน้อยอยู่เลยนี่ ไม่ถึงสามสิบด้วยซ้ำ ประสบการณ์บริหารก็ไม่มี แต่ดั๊นได้ขึ้นมาคุมโรงแรมแปลว่าเส้นใหญ่ไม่ธรรมดาเลย ปกติคนจะเป็นจีเอ็มต้องมีประสบการณ์โรงแรมแบบแน่นเปี๊ยะๆ ไม่ใช่เหรอ ฉันเคยทำโรงแรมอื่นมาก่อน บรรดาจีเอ็มที่เคยเจอก็อายุเยอะกันทั้งนั้น แต่ตัดภาพมาที่คนนี้สิยังไม่ถึงสามสิบด้วยซ้ำ เขาเป็นเด็กเส้นแน่ๆ เลย ใช่มั้ยยัยชมพู?” กระถิน พนักงานในตำแหน่ง GSA (Guest Service Agent) ทำปากยื่นปากยาวนินทาเจ้านาย ทั้งที่ยังไม่เคยพบพักตร์ก็ตัดสินไปก่อนแล้ว พวงชมพูทำหูทวนลมไม่ตอบ หากเป็นไปได้เธอจะเลี่ยงเสวนากับผู้หญิงคนนี้ให้มากที่สุด กระถินเป็นมนุษย์คนสุดท้ายในโลกที่พวงชมพูอยากมีปฏิสัมพันธ์ด้วย ครั้งแรกที่เจอหน้ากันคือตอนที่ทั้งคู่อายุสิบสองปี เป็นครั้งที่ครอบครัวพวงชมพูย้ายถิ่นฐานมาอยู่เชียงใหม่ บ้านของกระถินอยู่ติดกับเธอ วันแรกกระถินเบะปากมองพวงชมพูด้วยสายตาไร้มิตรอย่างไร วันนี้ก็ไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเลย ทั้งที่เธอไม่เคยทำอะไรให้กระถินไม่พอใจ ครั้งแรกที่เจอหน้าก็ยิ้มให้อย่างจริงใจ ทว่ารายนั้นกลับไล่สายตาขึ้นลงพร้อมเบะปากสะบัดหน้าพรืด กระถินไม่เคยดีกับเธอ เป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนที่เอาเรื่องพวงชมพูท้องไม่มีพ่อไปป่าวประกาศ พอเข้าสู่วัยทำงานก็ยังหนีกันไม่พ้น ซึ่งพวงชมพูบรรจุเป็นพนักงานที่โรงแรมนี้ก่อน ส่วนกระถินเพิ่งเข้ามาได้สามเดือนยังไม่ผ่านช่วงทดลองงานด้วยซ้ำ “แหม พูดด้วยทำเป็นหยิ่ง ได้ขึ้นเป็นเลขาฯ แค่สองเดือนทำเป็นเชิดนะ” กระถินส่งเสียงแขวะอย่างหมั่นไส้ พวงชมพูเบือนหน้ากลับมากลอกตาแสดงความรำคาญอย่างชัดเจน “ฉันไม่ชอบตัดสินใครทั้งที่ยังไม่รู้จักเขา” “ว่าแต่จีเอ็มคนใหม่อายุเท่าไหร่นะ ชื่ออะไรพี่ลืมไปแล้ว” เพียงเพ็ญแทรกขึ้นก่อนที่กระถินจะทันได้เฉ่งคุณเลขาฯ เพียงเพ็ญเห็นใจพวงชมพูที่โดนกระถินแขวะใส่อยู่บ่อยครั้ง พวงชมพูเคยเป็นพนักงานต้อนรับส่วนหน้าอยู่ภายใต้การนำทีมของเพียงเพ็ญ และเมื่อสองเดือนก่อนเพิ่งถูกดึงขึ้นไปเป็นเลขาฯ ของผู้จัดการทั่วไป เพียงเพ็ญจึงรู้ดีว่านิสัยของพวงชมพูเป็นอย่างไร และเธอในฐานะผู้จัดการแผนกต้อนรับไม่ใช่ไม่เคยปรามกระถินที่มักพูดให้ร้ายหรือแขวะพวงชมพู แต่รายนั้นสอนยาก สติปัญญาเกินเยียวยาไปแล้ว “อายุยี่สิบหกค่ะ ยังหนุ่มมากๆ เลย เห็นว่าเพิ่งจบโทด้านการบริหารจัดการโรงแรมจากสวิตเซอร์แลนด์ ชื่อคุณเด่นภูมิ ไกรกรัณย์ ชื่อเล่นว่าปลื้มค่ะ” “โห! 26 เองเหรอเนี่ย ยังหนุ่มมากเลยนะ” “ใช่มั้ยล่ะคะพี่เพ็ญ กระถินถึงบอกไงว่าเด็กเส้นล้านเปอร์เซ็นต์!” กระถินจิบปากจิบคอว่า “แต่ถ้าพูดกันตามตรงก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนักหรอก เก้าสิบห้าเปอร์เซ็นต์ของโรงแรมเชนห้าดาวในเมืองไทยจีเอ็มที่มาบริหารมักเป็นชาวต่างชาติ ส่วนโรงแรมสี่ห้าดาวที่ไม่ใช่เชนของต่างประเทศ จีเอ็มที่เข้ามาคุมก็ล้วนเป็นลูกหลานของ Owner พี่ทำโรงแรมนี้มาได้ห้าปีแล้วส่วนใหญ่ก็ให้ต่างชาติมาเป็นจีเอ็มนะ ส่วนคนใหม่นี้เป็นคนไทยถึงจะเข้ามาด้วยเส้นสายจริง แต่พี่ได้ยินว่าประสบการณ์ทำงานโรงแรมของเขาก็ไม่เบานะ เขาทำงานโรงแรมมาตั้งแต่สมัยเรียนป.ตรี ใช่ไหมจ๊ะชมพู?” “ค่ะ จากข้อมูลที่เลขาฯ ของโอนเนอร์ส่งมาก็ประมาณนั้นเลยค่ะ” “พี่สินมาแล้ว แปลว่าจีเอ็มมาแล้วแน่ๆ” กระถินร้องบอกพลางจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่ พวงชมพูเบือนหน้ากลับไปยังประตูทางเข้าที่รถตู้ของทางโรงแรมกำลังจอดเทียบ ชายหนุ่มสองคนรูปร่างสูงโปร่งสวมเพียงเชิ้ตสีขาวสะอาดไม่มีใครสวมสูททับสักคน พวงชมพูจำได้จากภาพถ่ายในโปรไฟล์ที่เลขาฯ ของเจ้าของโรงแรมส่งมาให้จึงก้าวออกไปต้อนรับพร้อมพนมมือไหว้ “สวัสดีค่ะ ดิฉันพวงชมพู เรียกว่าชมพูก็ได้ค่ะ เป็นเลขาฯ ของ General manager ค่ะ เชิญทางนี้เลยค่ะ ส่วนกระเป๋าให้คนไปเก็บที่ห้องพักเลยมั้ยคะ” “เอ่อ...ครับ” เด่นภูมิคล้ายโดนมนตร์สะกดจากดวงตากลมโตและดวงหน้างามผุดผาด จึงเผลอตอบรับทั้งที่จับใจความไม่ได้เลยว่าเธอพูดอะไร นี่คนหรือนางฟ้าวะเนี่ย “ถ้างั้นเชิญที่ห้องประชุมเลยค่ะ ผู้จัดการจากหลายฝ่ายพร้อมแล้วค่ะ” พวงชมพูผายมือเชิญว่าที่เจ้านายคนใหม่ที่เอาแต่มองเธอไม่วางตา พอถูกมองมากเข้าก็ชักเขิน เห็นรูปในโปรไฟล์ของผู้จัดการคนใหม่ว่าหล่อแล้ว พอเจอตัวจริงยิ่งกว่าตรงปกเสียอีก พวงชมพูยังคงรอยยิ้มในสีหน้าขณะนำขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นสอง เลขาฯ คนสวยไม่ลืมหันไปผงกศีรษะเป็นเชิงทักทายเพื่อนของเจ้านายคนใหม่ แต่พวงชมพูไม่พบรอยยิ้มของเพื่อนเจ้านายเลย ภายใต้แว่นกันแดดสีดำเผยให้เห็นเพียงหว่างคิ้วที่ย่นชนกัน และผูกปมอยู่เช่นนั้นตั้งแต่ก้าวเท้าลงมาจากรถตู้ กระทั่งเดินตามไปยังห้องประชุมหัวคิ้วก็ยังอยู่ในลักษณะเดิม แว่นกันแดดก็ประดับอยู่บนหน้าไม่ยอมถอดแม้อยู่ในที่ร่มแล้วก็ตาม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD