8
ผู้ชายที่เกลียดที่สุดในโลก
“เชิญด้านในเลยค่ะ” พวงชมพูผลักประตูห้องประชุม โดยมีบรรดาหัวหน้าจากทุกฝ่ายงานในโรงแรมยืนรอต้อนรับอยู่ด้านใน
เด่นภูมิกำลังจะก้าวขาเข้าไป แต่ราวกับสติเพิ่งคลายมนตร์จากความสวยของคุณเลขาฯ จึงชะงักกึกอยู่ตรงกรอบประตู
“เอ่อ เดี๋ยวนะครับ น่าจะเข้าใจผิดแล้วล่ะ ผมไม่ได้มาดูแลเดอะเฮสเปอร์”
พวงชมพูเบนสายตาสงสัยไปทางเพียงเพ็ญที่เดินตามขึ้นมาด้วย ก่อนเอ่ยถามเด่นภูมิ “หมายความว่าไงเหรอคะ คุณคือคุณเด่นภูมิ ไกรกรัณย์ไม่ใช่เหรอคะ ตามข้อมูลที่ได้รับจากโอนเนอร์ระบุว่าคุณคือจีเอ็มคนใหม่ของเดอะเฮสเปอร์นี่คะ”
“ถ้าอย่างงั้นก็น่าจะผิดพลาดตั้งแต่คนส่งข้อมูลแล้วล่ะครับ ผมชื่อเด่นภูมิจริงแต่ไม่ใช่คนที่จะมาดูแลเดอะเฮสเปอร์ คนนี้ต่างหากล่ะครับ” เด่นภูมิแตะไหล่เพื่อนที่เดินเคียงกันมาตลอดทาง “หัสวีร์ เขมนันทร์ ผู้จัดการคนใหม่ของเดอะเฮสเปอร์ครับ”
หัสวีร์กรีดแว่นดำออกจากกรอบหน้า วางสายตาเรียบเฉยบนใบหน้าเลขาฯ เพียงวินาทีเดียว ก่อนเดินเฉียดไหล่เธอไปยืนสง่าอยู่กลางห้องประชุม
“ตามสบายนะ ฉันออกไปหากาแฟกินก่อน” เด่นภูมิร้องบอกเพื่อน ไม่ลืมลาหญิงสาวที่นิ่งงันอยู่ที่เดิม “ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณพวงชมพู จากนี้ไปเราคงได้เจออีกบ่อยๆ ไว้วันหลังผมขอเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อนะครับ”
“คะ?...ค่ะ สวัสดีค่ะ” พวงชมพูเอ่ยลาด้วยสติที่ลดเหลือเพียงครึ่ง มองตามร่างสูงที่เดินห่างออกไปเรื่อยๆ จากนั้นจึงปิดประตูห้องประชุมแล้วยืนสงบเสงี่ยมอยู่ตรงนั้น
“สวัสดีทุกท่านนะครับ ผมขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการเลยล่ะกัน หัสวีร์ เขมนันทร์ หรือเรียกว่าวีร์ก็ง่ายดีครับ ทุกท่านคงทราบดีว่าผมยังอายุน้อยและไม่มีประสบการณ์บริหาร เอ๊ะ หรือว่าคุณเลขาฯ ให้ข้อมูลผิดอีก?”
พวงชมพูสะดุ้ง ออกอาการติดอ่างและตั้งท่าจะอธิบาย ทว่าไม่ทันเขา
“ไม่เป็นไรครับ มันผิดพลาดกันได้ วันแรกของผมผมไม่ถือ ว่าแต่ใครเป็นใครกันบ้างเหรอครับ...”
เขากำลังโทษว่าเป็นความผิดพลาดของเธออย่างนั้นเหรอ? ใช่ที่ไหนกัน ก็เธอได้ข้อมูลผู้จัดการคนใหม่จากผู้ช่วยของเจ้าของโรงแรมที่ส่งมาให้เมื่อวาน เธอได้รับมาอย่างนั้นก็ส่งต่อให้ผู้บริหารท่านอื่นๆ ในโรงแรม เธอไม่ผิดเลยสักนิด
พวงชมพูซ่อนความไม่พอใจไว้ภายใต้ดวงหน้าที่ก้มต่ำไม่แสดงภาษากายให้รับรู้ ในขณะที่เพียงเพ็ญรับหน้าที่แนะนำหัวหน้าแต่ละแผนกให้ผู้จัดการคนใหม่รู้จัก เดิมทีหน้าที่นี้ควรเป็นของพวงชมพู แต่เพียงเพ็ญหันไปมองแล้วเห็นเลขาฯ ยังนิ่งจึงอาสาแนะนำแทน
“เอาเป็นว่าถึงผมยังไม่มีประสบการณ์บริหาร แต่กล้าพูดว่าผมผ่านงานโรงแรมมาแล้วทุกแผนก ตั้งแต่แม่บ้าน เบลบอย ห้องอาหาร จนถึงแผนกต้อนรับ ผมจบปริญญาตรีและโทด้านการบริหารจัดการโรงแรมจากสวิตเซอร์แลนด์ แต่ถึงแม้จะเรียนมาโดยตรงก็เทียบประสบการณ์จริงไม่ได้หรอกใช่ไหมครับ เอาเป็นว่าให้โอกาสผมสักตั้งนะครับ ผมพร้อมเรียนรู้งานและรับฟังความเห็นจากทุกๆ ท่านครับ วันนี้จะเรียกว่าวันทำงานวันแรกก็ยังไงอยู่ จริงๆ ผมไม่ตั้งใจจะมารบกวนทุกคนเลย แต่ไหนๆ ก็มาแล้วเลยถือโอกาสมาเจอเลยล่ะกัน เอาเป็นว่าขอบคุณทุกคนมาก เชิญไปทำงานกันต่อได้ครับ”
เสียงล้อเลื่อนเก้าอี้ดังครูดกับกระเบื้องอย่างต่อเนื่อง ก่อนเงียบลงในนาทีต่อมาเมื่อบรรดาผู้เข้าประชุมทยอยออกไปจนหมดแล้ว เพียงเพ็ญเข้าไปจับมือพวงชมพูพร้อมกระซิบให้กำลังใจลูกน้องเก่า
“เอาน่า อย่าเพิ่งคิดมาก ความผิดแค่นี้เอง”
“แต่ชมพูไม่ผิดนะคะ พี่เพ็ญคะให้ชมพูกลับไปทำ Front เหมือนเดิมได้มั้ย แล้วให้คนอื่นมาเป็นเลขาฯ GM แทน”
เพียงเพ็ญตาเหลือกโต เหลือบไปทางผู้จัดคนใหม่ที่แลมาทางนี้พอดี คาดว่าเสียงกระซิบนั้นคงดังกระทบหูเขาแล้ว “ใจเย็นลูกนี่เพิ่งวันแรกเองนะ คอยดูไปก่อน พี่ไปล่ะ สู้ๆ”
เหลือเพียงสองชีวิตภายในห้องประชุมที่เปิดม่านรับแสงธรรมชาติ พวงชมพูปรายมองเขาที่ยืนล้วงกระเป๋าจ้องมาทางนี้ด้วยสายตาเรียบนิ่ง แต่ภายใต้ความนิ่งเธอรู้สึกราวกับโดนตำหนิกลายๆ และดูคล้ายว่าเขาไม่พอใจเลขาฯ คนนี้
ก็ดีเหมือนกัน ไม่พอใจก็เปลี่ยนเลขาฯ ใหม่ไปเลย เพียงวันแรกที่ได้เจอก็รู้สึกไม่อยากร่วมงานด้วยแล้ว คะแนนทัศนคติติดลบ การคิดวิเคราะห์แยกแยะเป็นศูนย์ พวงชมพูประเมินเขาและไม่ให้สักคะแนน
หัสวีร์เงียบดวงตาที่เอาแต่พิศมองคุณเลขาฯ คล้ายกดดันกลายๆ ให้เธอเป็นฝ่ายเอ่ยออกมาก่อน และเขาก็ทำสำเร็จ พวงชมพูทนความอึดอัดไม่ไหวจึงกล่าวในสิ่งที่ตรงข้ามกับความรู้สึก
“ขอโทษนะคะที่เข้าใจผิดว่าคุณเด่นภูมิคือคนที่จะมาบริหารที่นี่”
“ไม่เป็นไร ผมไม่ถือ แล้วนี่ยังไงต่อครับ วันนี้ผมยังไม่เริ่มงานนะแค่มาแนะนำตัวกับพวกเขาก่อน”
“ดิฉันให้คนเอากระเป๋าของจีเอ็มไปไว้ที่ห้องพักแล้ว จะขึ้นไปพักผ่อนเลยมั้ยคะ”
“ก็ดีครับ”
“งั้นเชิญทางนี้ค่ะ” ปลายเท้าบนส้นสูงสามนิ้วก้าวนำออกไปยังโถงลิฟต์ ร่างสูงยืนช้อนอยู่ด้านหลัง สงบปากสงบคำและปล่อยให้ความอึดอัดกำจายอยู่รอบตัวเขาและเธอ
ลิฟต์โดยสารพาขึ้นมาถึงชั้นเจ็ดถึงเป็นความสูงสุดท้ายของโรงแรมเดอะเฮสเปอร์ โรงแรมระดับสี่ดาวที่อยู่ในช่วงผลักดันเข้าสู่มาตรฐานห้าดาว ตั้งอยู่ใจกลางเมืองคลาคล่ำด้วยรถราและคนเดินเท้า โรงแรมเดอะเฮสเปอร์มีอายุเพียงแปดปี ดังนั้นทั้งตัวอาคาร รวมถึงการตกแต่งภายในจึงยังดูใหม่เอี่ยมไม่มีอะไรเสื่อมสภาพ
“ห้องของจีเอ็มเป็นห้องสวีท ห้องนั่งเล่นตรงส่วนนี้กรุกระจกบานใหญ่ทำให้มองเห็นวิวเมืองแบบพาโนราม่า ห้องทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วค่ะ รวมถึงอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ ก็เช็กสภาพหมดแล้ว ถ้าจีเอ็มมีอะไรขาดเหลือก็แจ้งได้เลยนะคะ”
เขาคือผู้จัดการโรงแรมคนใหม่ การจัดห้องพักภายในโรงแรมไว้รับรองจึงเปรียบเหมือนสวัสดิการเบื้องต้น ใช้พักอาศัยได้เหมือนบ้านตลอดระยะเวลาที่บริหารงานที่นี่
“นั่นวัดเหรอครับ” หัสวีร์เห็นหญิงสาวกำลังจะล่าถอยออกไปจึงกระแอมเรียกความสนใจ พลางชี้มือไปยังวัตถุที่สงสัย
“ดอยสุเทพน่ะค่ะ อยู่ไกลจากที่นี่มากแต่ก็ยังมองเห็นได้”
พวงชมพูมองเสี้ยวหน้าที่จับจ้องภูเขาสูงตระหง่านอันตั้งอยู่ห่างไกลจากโรงแรมหลายกิโลเมตร รูปหน้าจัดว่าหล่อเหลา โครงกรามชัด จมูกโด่งโดดเด่นจนแย่งซีนอวัยวะส่วนอื่นบนใบหน้า
เขาดูคุ้นเคย...คุ้นเคยจนหัวใจพวงชมพูเต้นแรง
“มองหน้าผมมีอะไรเหรอครับ”
“เอ่อ เปล่าค่ะ แค่...แค่สงสัย เอ้ย ชื่นชมน่ะค่ะที่คุณอายุยังน้อยแต่ประสบความสำเร็จมาก”
“ใช้คำว่าประสบความสำเร็จแบบนั้นทำเอาผมเขินเลยนะครับ ที่มาอยู่จุดนี้ได้เพราะบารมีคุณอาทั้งนั้น คุณอยู่โรงแรมนี้มานานหากมีอะไรก็แนะนำผมได้นะ ช่วงนี้การท่องเที่ยวฟื้นตัวแรง ทุกห้องของโรงแรมถูกจองเต็มหมดใช่ไหมครับ”
“ค่ะ คืนนี้ห้องก็เต็มหมดแล้ว ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ จีเอ็มมีอะไรก็เรียกได้นะคะ ฉันเลิกงานห้าโมงเย็นก็จะอยู่ที่นี่อีกหนึ่งชั่วโมง”
“แล้วถ้าผมเรียกใช้หลังจากนั้นล่ะครับ”
“เป็นเวลาครอบครัวค่ะ คงไม่สะดวก ถ้าไม่มีอะไรแล้วขอตัวก่อนนะคะ เชิญพักผ่อนตามสบายค่ะ” เขากำลังลองใจลูกน้องทำไมเธอจะไม่รู้ แต่เรื่องอะไรที่ต้องตอบเอาใจ ถ้าไม่พอใจจะไล่ออกก็เชิญเลย
“เดี๋ยวสิ คุณเป็นเลขาฯ ผม แต่ผมยังไม่มีช่องทางติดต่อคุณเลยนะ” หัสวีร์ยื่นสมาร์ตโฟนไปตรงหน้า พวงชมพูรับมาพร้อมกดหมายเลขโทรศัพท์ของตัวเองอย่างไม่พิรี้พิไร ก่อนยื่นคืนเจ้าของแล้วหมุนตัวไปทางประตูอีกรอบ
“ไอดีไลน์คุณล่ะ เราทำงานผ่านไลน์กันนี่นะ”
พวงชมพูหันกลับมาอีกครั้ง แล้วจัดการแอดไอดีในแอปพลิเคชั่นไลน์โดยไม่มองหน้าเขาสักนิด แม้แต่ยิ้มให้สักหน่อยก็ไม่มี หัสวีร์จ้องคนที่ก้มมองมือถือไม่วางตาและลงความเห็นว่าเธอช่างเป็นลูกน้องที่หยิ่งผยองเหลือเกิน
“ลากผมเข้ากลุ่มไลน์ที่ผมควรจะอยู่ด้วยนะ”
“รับทราบค่ะ มีอะไรอีกมั้ยคะ”
เจ้านายส่ายหน้าขณะผายมือไปทางประตู พวงชมพูกดศีรษะเป็นเชิงลาแล้วจ้ำอ้าวเร็วรี่ออกไปราวกับห้องสวีทกว้างใหญ่นั้นมีออกซิเจนไม่เพียงพอสำหรับสองคน
พวงชมพูอึดอัดและรู้สึกไม่ถูกชะตากับเจ้านายคนใหม่เอาเสียเลย
......