9
อยากให้ผมไล่ออกนักใช่ไหม
19.40 น. เป็นเวลาที่พวงชมพูกลับถึงบ้าน ขณะอยู่ร้านทำผมเธอส่งข้อความบอกสายน้ำผึ้งว่าไม่ต้องรอทานข้าว ทว่าจนป่านนี้จวนจะสองทุ่มแล้วสมาชิกในบ้านเพิ่งมานั่งล้อมโต๊ะกัน
“อ้าว ชมพูกลับมาพอดี ทานข้าวหรือยังลูก นี่เพิ่งตั้งโต๊ะเลย”
“ยังค่ะ ทำไมวันนี้ทานข้าวช้ากันจังคะ”
“ก็พอดีบ้านตาเลิศเกิดเรื่อง โจรขโมยรถกลางวันแสกๆ พ่อก็เลยไปช่วยจัดการให้ ตอนนี้เป็นหน้าที่ของตำรวจแล้ว ก็ได้แต่ภาวนาขอให้ตามจับได้” ภาวิตว่าพลางยื่นจานข้าวสวยควันกรุ่นให้ลูกสาวที่เลื่อนเก้าอี้นั่งข้างๆ
“แล้วนี่สองลุงหลานไปไหนคะเนี่ย” ทันทีที่จบคำถาม เสียงหัวเราะคิกคักพร้อมเสียงวิ่งตึงตังก็ดังมาจากชั้นสอง สายน้ำผึ้งรีบกระแอมเสียงดุใส่ทันที
“ยายบอกกี่ครั้งแล้วคะว่าห้ามวิ่งลงบันได พุดนี่ไม่ดุหลานเลย”
พุดน้ำบุศย์ยิ้มแหย ได้แต่กางไม้กางมือเตรียมพร้อมคว้าหากหลานก้าวพลาด เจ้าตัวเล็กในชุดนอนสกรีนรูปสุนัขสีขาววิ่งลิ่วมากอดเอวแม่
“แม่ชมปูกลับมาแล้ว หนูจอมคิดถึง” ยัยตัวเล็กลากเสียงยาว ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าช่างออดอ้อน พวงชมพูก้มไปหอมแก้มอย่างทนไม่ไหวพลางช่วยดึงเก้าอี้ให้ลูกปีนนั่ง
“หนูอาบน้ำแล้วเหรอคะเนี่ย”
“ใช่ค่ะ ลุงพุดช่วยอาบ”
“วันนี้ตอนไปรับที่โรงเรียน คุณครูฟ้องว่ายัยหนูจอมผลักเพื่อนจนล้ม”
“เขาผลักหนูก่อนนี่คะ แต่เขาไม่แข็งแรงเลยล้มไปโดนโต๊ะเอง ช่วยไม่ได้ เป็นผู้ชายแท้ๆ” เด็กน้อยตอบโต้คุณยายพลางเหลือบมองแม่ชมพูที่หรี่ตาคาดโทษ
“เขาไม่แข็งแรงหรือหนูแรงเยอะไปล่ะ” ภาวิตแซวหลานที่ทั้งจ้ำม่ำและตัวสูงกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน
“อีกแล้วเหรอคะ แม่บอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ให้ทะเลาะกับเพื่อน”
“เขาทำหนูก่อนอะ” เสียงเฉาตอบแผ่วเบา พอเห็นลูกทำหน้าหงอยน้อยใจพวงชมพูก็พลอยดุไม่ลง “เขาผลักหนูครั้งแรกหนูก็ฟ้องครูอย่างที่แม่เคยสอน ครูก็เตือนเขาไม่ให้ทำ แต่พอตอนเที่ยงก็มาผลักหนูอีก”
“โอเคค่ะ เรื่องแค่นี้เองไม่ต้องร้องไห้นะ ทานข้าวกันดีกว่า เดี๋ยววันหลังแม่จะคุยกับเพื่อนที่แกล้งหนูว่าห้ามทำแบบนี้กับผู้หญิง” หรือไม่ก็คุยกับพ่อแม่เด็กไปตรงๆ ซึ่งน่าจะได้ผลกว่า หากผู้ปกครองไม่เอาแต่ถือหางลูกหลานจนเห็นผิดเป็นถูกก็น่าจะคุยกันง่าย
พวงชมพูตักไข่ตุ๋นให้ลูกสาววัยห้าขวบทานเอง แก้วเจ้าจอมเปลี่ยนสีหน้าบิดเบ้จะร้องไห้เป็นยิ้มแฉ่งจนแก้มปริ
แก้วเจ้าจอมเป็นชื่อที่พวงชมพูตั้งให้ลูกสาว ไหนๆ ก็ชื่อดอกไม้กันทั้งครอบครัวแล้ว ไล่มาตั้งแต่สายน้ำผึ้ง พุดน้ำบุศย์ มาจนถึงพวงชมพู ดังนั้นลูกสาวของเธอก็สมควรมีชื่อเกี่ยวพันกับดอกไม้เช่นกัน
“ชมพูทำสีผมใหม่เหรอ” พุดน้ำบุศย์ชวนคุย
“ค่ะ ที่กลับค่ำก็เพราะไปทำผมมา เบื่อๆ น่ะค่ะอยากเปลี่ยนบ้าง”
“จากผมดำกลายเป็นน้ำตาลเข้มยิ่งทำให้หน้าหนูดูสว่างขึ้นกว่าเดิม ดัดลอนด้วยเหรอเนี่ย หน้าผ่องออร่าเชียว” สายน้ำผึ้งคือคุณแม่นักอวยดีเด่น เป็นแบบอย่าง ‘แม่’ ที่พวงชมพูอยากเป็นให้ได้สักครึ่งหนึ่ง สายน้ำผึ้งไม่ใช่คุณแม่จอมสปอยล์ อะไรดีก็ชม สิ่งที่แย่ก็ตักเตือน เป็นแม่ที่พร้อมซัพพอร์ตลูกเสมอ ที่สำคัญไม่ใช่คนซ้ำเติมหรือเหยียบซ้ำคนล้ม
“โตขึ้นหนูจะสวยเหมือนแม่ชมปู”
“สวยกว่าแน่นอน รู้มั้ยว่าหนูจอมในตอนนี้เหมือนแม่ชมพูตอนเด็กๆ มากเลยนะ แต่เป็นเวอร์ชั่นแก้มแตก” ...และแสบซนกว่า ภาวิตเติมต่อในใจไม่อยากพูดให้หลานน้อยใจ
ครั้งแรกที่เห็นหน้าแก้วเจ้าจอม ภาวิตรู้สึกราวกับตัวเขาย้อนวัยกลับไปในตอนสามสิบต้นๆ นั่นคือครั้งที่ทายาทคนที่สองกำเนิดขึ้น แก้วเจ้าจอมเปรียบดั่งฝาแฝดของพวงชมพูในวัยที่ต่างกันนับสิบปี โครงหน้าตั้งแต่แบเบาะจนกระทั่งตอนนี้แทบไม่ผิดจากพิมพ์เดียวกัน อาจต่างหน่อยตรงแววตาและจมูกที่โด่งชัดกว่าพวงชมพู
อีกหนึ่งความต่างที่ชัดเจนเลยก็คือความแสบซน แก้วเจ้าจอมพูดจาฉะฉาน ฉอเลาะอ้อนผู้ใหญ่ได้อย่างน่ามันเขี้ยว ส่วนพวงชมพูเป็นเด็กเรียบร้อยและขี้อาย ยิ่งวันคืนผ่านไปภาวิตยิ่งรักยิ่งหลงแก้วเจ้าจอม ยิ่งตอนนี้เกษียณจากราชการมาแล้วยิ่งตัวติดหลานหนักกว่าผู้เป็นยายเสียอีก
“แม่ของหนูสวยจนเกือบจะได้เป็นดาราเลยนะ ถ้าไม่ท้องตอนนี้ก็คงโด่งดังไปแล้ว”
ข้าวพูนช้อนชะงักจ่ออยู่ตรงปากพวงชมพู สายน้ำผึ้งและพุดน้ำบุษย์ต่างส่งสายตาห่วงใยมายังเธอ ภาวิตรู้ตัวว่าทำลายบรรยากาศจึงรีบกระแอมเสียงแก้
“แต่มีแก้วเจ้าจอมก็ดีกว่าแหละ แถมได้เงินมาตั้งสิบสองล้านแน่ะ” เงินก้อนที่ภาวิตเอ่ยถึงคือเงินจากการถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง
โชคใหญ่ก้อนนั้นภาวิตได้มาในวันที่แก้วเจ้าจอมคลอดซึ่งตรงกับวันหวยออกพอดี หลานน้อยตกฟากในเช้าตรู่ตอนตีห้า ขณะนั้นเขาไม่ได้คิดถึงการเสี่ยงโชคเลย เผอิญเดินผ่านแผงลอตเตอรี่ที่ตั้งขายอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อของโรงพยาบาล ภาวิตฉุกคิดถึงหน้าพระรูปนั้นที่ทักว่าทารกในครรภ์จะช่วยเกื้อหนุนพวงชมพูและครอบครัว เขาจึงลองเอาวันเกิดของเด็กน้อยไปเสี่ยงโชค และพอตกบ่ายวันเดียวกันนั้นครอบครัวภัทรพิมดาวก็ได้เฮลั่นห้องผู้ป่วย ถึงขั้นที่สายน้ำผึ้งลมจับเข่าอ่อน
นับแต่นั้นมาภาวิตก็ศรัทธาพระรูปนั้นอย่างไม่มีข้อกังขาใดๆ อีกเลย และแม้ชีวิตพลิกเปลี่ยนมีเสถียรภาพทางการเงิน ประกอบกับธุรกิจค้าขายพันธุ์ไม้ก็ทำมาค้าขึ้น แต่ภาวิตก็ยังไม่เกษียณราชการทันทีทั้งที่เบื่อหน่ายใจจะขาด เขาเกิดนึกเสียดายเวลาเพราะหากคำนวณดูแล้วอีกไม่กี่ปีก็ครบวาระที่สามารถเกษียณก่อนกำหนดได้ ดังนั้นจึงกัดฟันอยู่ต่อกระทั่งเกษียณตัวเองออกมาเมื่อปีที่แล้ว
ส่วนตำแหน่งรองผู้กำกับที่มารุตติดสินบนไว้ภาวิตปฏิเสธไม่รับ เพราะหากจะขึ้นเป็นรองผู้กำกับตนก็อาจต้องระหกระเหินไปอยู่จังหวัดอื่น ภาวิตผูกพันกับเชียงใหม่ ธุรกิจค้าขายก็ลงทุนไปเยอะแล้ว ดังนั้นจึงเลือกครอบครัวมากกว่าตำแหน่งที่เป็นเพียงหัวโขน
ภาวิตเต็มอิ่มกับชีวิตปัจจุบัน ความสุขเติมเต็มไปทุกซอกหลืบของหัวใจ เขารักและเอ็นดูแก้วเจ้าจอมมาก แต่สำหรับลูกสาวกลับไม่สามารถไปอยู่ในจุดเดิมได้ ภาวิตสร้างกำแพงกั้นพวงชมพูตั้งแต่วันแรกที่รู้ว่าเธอตั้งท้อง แม้ตอนนี้ทั้งรักทั้งหลงหลานตัวเล็ก แต่กำแพงก็ใช่จะถล่มลงมาเสียทีเดียว
ส่วนพวงชมพูไม่คิดน้อยใจ ได้เท่านี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว ดีกว่าถูกพ่อหมางเมินไปจนชั่วชีวิต
ครั้งที่แบกท้องไปเรียน ภาวิตแทบไม่คุยกับเธอเลย แม้แต่หางตายังไม่ชายมอง พวงชมพูเคยเครียดหนักถึงขั้นเข้าโรงพยาบาล ร่ำๆ กับสายน้ำผึ้งประจำว่าหากเด็กหลุดออกไปได้ก็คงดี เผื่อพ่อจะกลับมาใยดีเธอเหมือนเดิม สายน้ำผึ้งเลยเล่าความจริงให้ฟังว่าที่ภาวิตเปลี่ยนใจไม่บังคับทำแท้งเพราะพระผู้ทรงศีลทักท้วง เขาไม่ได้ต้องการลงโทษอย่างที่ปากลั่นออกไป สายน้ำผึ้งคอยแก้ต่างเสมอว่าถึงอย่างไรภาวิตก็รักลูกสาวคนนี้เหมือนเดิม พวงชมพูไม่ค้านคำกล่อมของมารดา เธอรู้ว่าพ่อยังรัก เพียงแต่ความภาคภูมิใจในตัวลูกสาวมันมลายหายไปตั้งแต่วันที่ทราบเรื่องการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์
ย้อนกลับไปเมื่อหกปีก่อนหากพวงชมพูไม่มีทั้งแม่และพี่ชาย ในวันนี้ก็คงไร้เงาทั้งเธอและแก้วเจ้าจอม เหนือกว่าสายตาติฉินนินทาของคนทั้งโลก คือสายตาของบิดาที่หลอมรวมกับคำพูดบาดหัวใจจนพวงชมพูคิดว่าการหายไปจากโลกง่ายกว่าต้องอยู่ต่อเสียอีก ช่วงนั้นจำได้ว่าพุดน้ำบุศย์เข้ามาคุยกับพวงชมพูทุกวัน ต่อให้งานยุ่งหรือเรียนหนักอย่างไรก็ยังปลีกเวลามาอยู่กับน้อง กระทั่งหกปีผ่านไปเขากลายเป็นคุณลุงใจดีจอมสปอยล์หลาน และยึดอาชีพอาจารย์มหาวิทยาลัยที่ยังโสดสนิท
ชีวิตในตอนนี้ของครอบครัวภัทรพิมดาวดีกว่าแต่ก่อนมาก ปฏิเสธไม่ได้ว่าแก้วจอมเจ้าคือส่วนผสมสำคัญที่ทำให้คำว่าครอบครัวกลมกล่อมลงตัว ภาวิตและสายน้ำผึ้งมีความสุขกับการขายต้นไม้ หนี้สินที่บิดากู้ยืมจากหลายแหล่งเพื่อพยุงครอบครัวและมอบโอกาสทางการศึกษาให้ลูกๆ ก็ชดใช้หมดแล้วด้วยรางวัลลอตเตอรี่ พวงชมพูพอใจกับชีวิตตอนนี้ และคงดีกว่านี้หากไม่มีคนหน้าเหมือนผู้ชายที่เธอเกลียดที่สุดในโลกวนเวียนมาให้เจอ
แม้ไม่ใช่คนเดียวกัน แต่ก็มองเขาด้วยความรู้สึกลบไปแล้ว หรือเธอควรหางานใหม่ไว้ดี?
........