"คุณจะไปธุระหรือคะ ขวัญกลับรถแท็กซี่ก็ได้"
เธอบอกเขาเพราะเห็นว่ารถวิ่งคนละเส้นทางกับทางกลับบ้านเธอ
"คุณจะกลับไปอยู่บ้านคุณคนเดียวไม่ได้แล้ว มันอันตราย"
"แล้ว..คุณจะให้ขวัญไปอยู่ไหนคะ"
พาขวัญมองหน้าเขา ด้วยแววตาที่มีความกังวน
"ไปอยู่กับผม"
พาขวัญมองหน้าเขา
"ไปอยู่กับคุณหรอคะ เออ...ขวัญไปเช่าห้องอยู่ก่อนก็ได้คะ จะได้ไม่รบกวนคุณ"
"ที่เดียวที่คุณจะปลอดภัยที่สุดคือ...อยู่กับผมพาขวัญ"
ชรัณบอกเธอด้วยสีหน้าจริงจัง
พาขวัญพูดไม่ออกจะให้ไปอยู่กับเขา มันก็รู้สึกแปลกๆ
[คุณชรัณช่วยขวัญได้]
เธอนึกถึงคำพูดพี่ชายที่พี่ชายเธอเคยบอกไว้
พาขวัญหันไปมองหน้าเขาอีกครั้ง แล้วก็ต้องยอมรับว่าตอนนี้เธอก็หมดหนทางแล้วเหมือนกัน
เธอนั้งเงียบมาตลอดทาง สายตามองออกไปนอกหน้าต่างรถอย่างสิ้นหวังกับชีวิต
ไม่นานรถก็เลี้ยวเขามาในเขตรั่วบ้านที่มีพื้นที่กว่าขวาง มีบ้านหลังใหญ่เด่นสะดุดตาอยู่ตรงกลางพื้นที่สวนหย่อมที่ถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงาม
รถมาจอดตรงหน้าบ้านสามชั้นสไตล์โมเดิร์นหรือจะเรียกว่าตึกก็ได้ ชั้นล้างมองเข้าไปจะมีห้องหลายอยู่ปีกซ้ายด้านขวาจะเป็นห้องโถงขนาดใหญ่
"ถึงแล้วเข้าบ้านกันเถอะ"
ชรัณบอกเมื่อประตูรถเปิดออก ไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือเปล่าเหมือนเธอเห็นความอ่อนโยนใจเเววตาเขา แต่ก็แค่เเวบเดียวเท่านั้น
พาขวัญลงจากรถมายืนมองบ้านหลังใหญ่
ชรัณคว้าข้อมือเธอพาเกินเข้าบ้าน
เข้าพาเธอเดินไปขึ้นลิฟท์กระจกใสที่อยู่กลางบ้านเขากดขึ้นไปที่ชั้นสาม ผ่านชั้นสองดูเหมือนจะเป็นชั้นสำหรับออกกำลังกายโดยฉะเพราะ เพราะเธอมองเห็นเครื่องออกกำลังกายเต็มไปหมดชั้นสองจะเป็นกระจกที่มองเห็นเกือบทั้งชั้น แต่พอขึ้นมาชั้นสาม เหมือนเป็นบ้านอีกหลังหนึ่งมีห้องนั้งเล่น ที่มีโซฟาขนาดใหญ่ตั้งอยู่ มีห้องครัวขนาดกลางแบบสมัยใหม่มีโต๊ะกินข้าวขนาดกลางๆมีระเบียง ตรงระเบียงจะเป็นกระจกสามารถมองเห็นวิวด้านนอกได้
"ชั้นนี้ผมอยู่คนเดียว มีสองห้องนอน
นั้นห้องผมส่วนคุณนอนห้องนี้"
เขาชี้ไปที่ห้องนอนที่ติดกันแต่มีลักษณะเป็นห้องใหญ่กับห้องเล็ก
"ค่ะ"
"คุณอยู่ที่นี้อยากทำอะไรก็ทำได้เลยผมไม่ได้ยึดติดอะไร"
เขามองหน้าเธอ
"หวังว่าคุณจะไม่อึดอัด"
"ไม่คะ ขวัญไม่อึดอัดเพียงแต่ยังไม่ค่อยชิน"
"งั้นคุณไปพักเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะพาไปซื้อของใช้ ส่วนเสื้อผ้าคืนนี้คุณก็ไปเอาของผมมาใส่นอนก่อนเดี๋ยวผมจะออกไปทำงานต่อคุณไม่ต้องกลัวชั้นร่างจะมีลูกน้องผมอยู่ตลอดเวลา"
"คุณชรัณค่ะ"
ชรัณที่กำลังจะหันหลังเดินเข้าลิฟท์ เขาหันมาตามเสียงเรียก
"ฉันขอบคุณคุณมากนะคะที่ช่วยฉันไว้"
ชรัณมองหน้าเธอ
"พักผ่อนเถอะ แล้วก็อีกอย่างผมชอบที่คุณแทนตัวเองว่าขวัญมากกว่าฟังดูน่ารักดี"
เขาบอกก่อนจะเดินเข้าลิฟท์ไป เขาไปแล้วพาขวัญหันมองไปรอบๆ
"เห้ออ...บ้านมาเฟียต้องสวยขนาดนี้เลยหรอ"
พาขวัญเดินออกไปยืนที่ระเบียง หวังจะไปยืนชมวิว เเต่พอเดินออกไปก็ไปเห็นว่าชรัณกำลังจะขึ้นรถออกจากบ้านพอดี
เขาเองก็มองขึ้นมา กลายเป็นว่าทั้งสองยืนสบตากันในระยะบ้านสามชั้น
เป็นพาขวัญที่ต้องหลบตาเขาก่อนเธอถอยออกมาจากรัศมีการมองเห็นของเขา
ชรัณขึ้นรถและรถก็กำลังเคลื่อนตัวออกจากบ้านไปอย่างช้าๆก่อนจะเร่งความเร็วเมื่อพ้นประตูรั่วออกไป
พาขวัญมองตามไปจนสุดสายตา ถึงแม้ว่ารถวิ่งหายไปจากสายตาแล้วแต่พาขวัญก็ยังยืนอยู่ที่เดิม คิดหาทางออกให้ชีวิต ถึงแม้ชรัณจะให้เธอมาอยู่กับเขาเพื่อความปลอดภัยแต่เธอจะเอาตัวเองให้มาเป็นภาระคนอื่นไม่ได้
"พ่อคะ แม่คะ ขวัญจะทำยังไงดี"
เธอเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า ได้แต่ ภาวนาให้ตัวเองมีทางออกที่ดีในเร็ววัน
///////////////////////////////
ฟ้าข้างนอกเริ่มมืดแล้ว แต่ชรัญก็ยังไม่กลับมา
พาขวัณเดินเข้าไปดูในครัวที่ยังพอมีของสดอยู่บ้าง
Rrrrrrrrrrrrrrrrrr
ทันไดนั้นเสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้น พาขวัญมองตามเสียงและเดินมาหยุดมองว่าควรที่จะรับโทรศัพท์ดีไหม
เสียงโทรศัพท์ดับไปแล้ว และก็ดังขึ้นมาอีกรอบ
Rrrrrrrrrrrrr
พาขวัญชั่งใจว่าจะทำยังไงดี สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจยกหูโทรศัพท์ขึ้น แต่ยังไม่กล้าพูดอะไรเข้าไป
[ทำอะไรอยู่ทำไมรับโทศัพท์ช้าจัง]
เสียงที่ดังมาตามสาย เธอค่อยโล่งใจเพราะเธอจำได้ดีว่าเป็นเสียงของชรัณ
[ขอโทษคะ ขวัญแค่ไม่แน่ใจว่าควรรับหรือเปล่า]
พาขวัญบอกเขาไปตรงๆ
[ทีหลังรับได้เลย ผมอาจจะกลับดึกเดี๋ยวผมให้เมียคนงานต้มข้าวต้มไปให้]
[ไม่เป็นไรคะ เดี๋ยวขวัญต้มเองได้ครัวคุณก็พอมีของสดอยู่]
[ตามใจ งั้นผมทำงานก่อน]
[ค่ะ]
ตู๊ดดดๆๆๆ
สายถูกตัดไปแล้ว พาขวัญวางโทรศัพท์ลงที่เดิมแล้วเดินเข้าครัวไปทำข้าวต้มสำหรับตัวเอง
หลังจากกินข้าวเสร็จเธอก็เดินเข้าห้องเพื่อที่จะอาบน้ำ
เธอเพิ่งสังเกตว่าในห้อนนอนเล็กนี้มีประตูอีกบานหนึ่งที่ไม่ใช่ประตูห้องน้ำและไม่ใช้ประตูห้องที่เข้าออกปกติ
เธอยืนมองอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจ ลองเปิดเข้าไปดู พอประตูเปิดเต็มบานจากที่มืดๆอยู่ไฟก็สว่างพรึบขึ้นมาทันที
พาขวัญถึงกับสะดุ้ง เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ นี้มันห้องแต่งตัวนี้น้า มีตู้เสื้อผ้าที่ถูกออกแบบให้เข้ากับห้องได้อย่างสวยงาม ทุกอย่างถูกจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ แต่จะมีแต่ของผู้ชาย
และก็น่าจะเป็นของเจ้าของบ้านนั้นเอง
พาขวัญมองเห็นมีประตูอีกบานอยู่ฝั่งตรงข้าม เดาได้ไม่ยากว่าน่าจะเป็นห้องนอนของเขา พาขวัญเดินเปิดไปทีละตู้เพื่อจะหาเสื้อผ้าที่เธอพอจะใส่นอนได้
เสื้อผ้าทุกชิ้นมีแต่ของแบรนด์เนมชื่อดังแม้กระทั้งเสื้อยืดธรรมดาก็ยังติดแบรนด์
นาฬิกาหลายเรือนที่ถูกว่าไว้ใน ลิ้นชักอย่างเป็นระเบียบสวยงาม เเต่ละเรือนน่าจะราคาแพงเอาเรื่อง พาขวัญรีบปิดทันทีกลัวจะไปทำของเขาเสียหาย ตอนนี้เธอได้เสื้อแล้วเหลือแต่กางเกง จนไปเจอที่ตูสุดทายน่าจะเป็นกางเกงสำหรับใส่นอนของเขา ถึงจะตัวใหญ่ไปแต่ก็แก้ขัดได้ เธอรีบเอาออกมาแล้วรีบปิดตู้ก่อนจะรีบเดินเข้าห้องตัวเองไป
เธอหารู้ไมว่าทุกการกระทำของเธออยู่ในสายตาของเจ้าของบ้านทั้งหมดผ่าน กล้องวงจรปิด
ชรัณเผลอยิ้มออกมาเดชากับลูกสมุนนั่งอยู่ในห้องที่กำลังคุยงานกันถึงกับมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
"เกิดอะไรขึ้นพี่ นาย...ยิ้ม"
นุที่เป็นรุ่นน้องคู่หูของเดชากระซิบถามอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
เดชาเตะขาคู่หูใต้โต๊ะเบาๆ เเละส่งสายตาห้ามปรามลูกน้องที่กำลังมองนายด้วยสายตาสงสัย
"อ่ะ...ถึงไหนกันแล้ว ต่อเลยวันนี้ฉันเหนื่อยอยากพักแล้ว"
ลูกน้องมองหน้ากัน
"เอ้าาา..เร็วไอ้นุรายงานนายเร็วๆวันนี้นายอยากกลับบ้านแล้ว"
เดชาพูดแต่พอหันไปเห็นหน้านายก็รีบเปลี่ยนคำพูดใหม่
"เอ้ออ...ไม่ใช่นายเหนื่อย"
พร้อมกับส่งยิ้มแห้งๆไปให้เจ้านาย อย่างขอโทษที่เผลอกวนตีนนายแบบไม่ได้ตั้งใจ
"เดือนนี้ฉันว่าจะเพิ่มโบนัสแต่กวนตีนกันแบบนี้อดไปเถอะ"
ชรัณพูดขึ้น เอาคืนบรรดาลูกน้อง
"โห้...นายครับพวกผมไม่ได้คิดอะไรเลยนะครับพวกผมไม่เกี่ยวนะครับนาย"
นุพูดเอาตัวรอดโยนความผิดให้ลูกพี่ใหญ่
"พวกมึงแหละตัวดี"
เดชาไม่ยอมรับคนเดียวอดก็อดด้วยกันแหละว่ะงานนี้
ชรัณได้เเต่ส่ายหน้าให้ลูกน้อง บางทีก็เหมือนเด็กเถียงกัน แต่ในเวลางานก็ทำหน้าที่กันได้อย่างดี