ตอนที่ 5

1409 Words
“ลูกว่ายังไงนะ เหมันต์ขอคบกับลูกเหรอ!” เสียงของชายอายุมากดังขึ้นภายในโถงห้องนั่งเล่น ชมนาด และพะแพงก็ต่างเบิกตากว้างเมื่อได้ยินฟางข้าวพูดประโยคนั้นจบ “ค่ะ หนู...ตอบตกลงเขาไปแล้ว” “ดี!! ดีเลยลูก” เกริกไกรดีใจจนดวงตาเบิกค้าง ท่าทางเหมือนคนที่จนตรอกมานาน เริ่มเห็นแสงสว่างก็ควบคุมอาการของตัวเองไม่ได้ “มันไม่เร็วไปเหรอคะ พี่ข้าวไปรู้จักกับเหมันต์ได้ยังไง?” ทว่าเป็นพะแพงที่ยิงคำถามออกมา ทุกคนจับจ้องมาที่ฟางข้าวซึ่งนั่งกุมมือตัวเองแน่น “เราสองคนรู้จักกันโดยบังเอิญค่ะ เขามาช่วยหนูเอาไว้ตอนถูกโจรกระชากกระเป๋า และหลังจากนั้นหนูกับเขาก็นัดเจอกัน” “มันไม่ดูบังเอิญเกินไปหน่อยเหรอ” พะแพงขมวดคิ้ว ทว่าก็ถูกบิดาขัดขัด “จะบังเอิญหรืออะไรก็ช่าง ตอนนี้สิ่งสำคัญคือล้วงความลับของเดชราชันย์มาให้ได้ จะช้าไม่ได้นะฟางข้าว เรามีเวลาไม่มาก” เกริกไกรหน้ามืดไม่ฟังใครทั้งสิ้น เพราะตอนนี้ตระกูลของเขากำลังอยู่ในจุดที่เรียกว่าวิกฤตขั้นสูง และตระกูลมาเฟียยิ่งใหญ่ที่บอกว่าจะให้เงินช่วยเหลือและหนุนหลังยื่นข้อเสนอให้ล้วงความลับจากเหมันต์ เกริกไกรก็ไม่ปฏิเสธ และฝั่งนั้นก็ทวงเรื่องนี้มาเรื่อยๆ เกริกไกรรอนานกว่านี้ไม่ได้ เขาต้องรีบเอาความลับของเหมันต์ไปบอกคุณคนนั้น เพราะเขาต้องการเงินมาใช้หนี้มหาศาล ชายวัยกลางคนที่กำลังจะสิ้นเนื้อประดาตัวจ้องไปที่ลูกสาวบุญธรรมด้วยสายตาออกคำสั่ง “ฟางข้าว ลูกต้องตอบตกลงคบกับมัน ทำให้ไอ้เหมันต์รักลูกจนโงหัวไม่ขึ้น และก็ไปสืบหามาให้ได้ว่ารายชื่อคู่ค้าที่มันกำลังจะร่วมธุรกิจด้วยมีใครบ้าง ไปเอารายชื่อมาให้หมด” “หนูกำลังพยายามอยู่ค่ะ แต่ถ้าเขาจับได้ หนูอาจจะถูกเขาฆ่าตายนะคะคุณพ่อ” ดวงตาสั่นไหวมองบิดาที่ทำสีหน้าแข็งกร้าวของ “ก็อย่าทำให้มันจับได้สิ” “ใช่ ทำยังไงก็ได้ให้เหมันต์ไว้ใจ ไม่ว่าด้วยวิธีไหนก็ต้องทำ” ชมนาดเอ่ยขึ้นตาม ฟางข้าวมองทั้งคู่ด้วยสีหน้าผิดหวังและน้อยใจ เพราะตอนนี้ แม้ว่าเธอจะต้องเอาตัวหรือชีวิตเข้าแลกก็ต้องยอม พอถึงเวลาที่พวกเราจะหมดตัว ไม่ร่ำรวยเหมือนเมื่อก่อน บิดาและมารดาของเธอก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อก่อนถึงจะไม่แสดงว่ารักแต่ก็ไม่เคยทำให้เธอรู้สึกแย่ถึงเพียงนี้ ต่อจากนี้ฟางข้าวคงไม่มีความสำคัญอะไรกับพวกเขาอีกต่อไปแล้ว “ค่ะ หนูจะพยายาม” ใบหน้าหวานหม่นหมองก้มหน้าลง ซ่อนเอาความเสียใจเอาไว้ในแววตา เกริกไกรและชมนาดลุกออกไปจากโถงนั่งเล่นแล้ว เหลือเพียงฟางข้าวและพะแพงที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม “พี่ข้าว” ทว่าเสียงของน้องสาวทำให้เธอใจชื้นขึ้นมา ฟางข้าวเงยหน้ามองพะแพงที่นั่งข้างๆ พะแพงเอื้อมมือมาจับมือของเธอบนตัก ดวงตากลมของฟางข้าวเอ่อคลอด้วยน้ำตา... ถึงเราสองคนจะไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ แต่ก็ผูกพัน ฟางข้าวคาดหวังว่าน้องสาวจะไม่ใจร้ายเหมือนกับบิดาและมารดา ตอนนี้เธอขอเพียงแค่กำลังใจก็เท่านั้น... “คุณเหมันต์ เขาคงหล่อมากสินะ” ทว่าคำพูดของอีกฝ่ายทำให้ฟางข้าวชะงัก ความคิดเข้าข้างตัวเองเมื่อครู่ได้พังทลายลงมาทันที เพราะแรงบีบที่มือมันค่อยๆ หนักขึ้นเมื่อพะแพงจงใจบีบให้ฟางข้าวเจ็บ “พี่ข้าวก็อ่อยผู้ชายเก่งไม่เบาหนิ เจอกันไม่กี่ครั้งผู้ชายก็ขอคบแล้ว” “พะแพง” “พี่ข้าวจะทำอะไรก็ได้ แต่อย่าลืมว่าพี่เป็นใคร” “...” “พี่ข้าวต้องดูแลแพง พี่ไม่มีวันได้ใช้ชีวิตเป็นของตัวเอง เมื่อทำงานให้คุณพ่อเสร็จ พี่ก็ต้องกลับมาอยู่ในจุดเดิม” “...” “แพงแค่เตือนว่าพี่ข้าวอย่าลืมตัว” พะแพงเอามือออกจากมือของพี่สาว ดวงตาคู่ริษยาจ้องมองใบหน้าฟางข้าวที่มองมาด้วยความเสียใจ ทว่าเป็นท่าทางพะแพงแสนจะเกลียด เพราะฟางข้าวสวยกว่าเธอ รูปร่างดีกว่าเธอ แถมยังเรียนเก่งกว่าเธอ ฟางข้าวอยู่เหนือพะแพงมาตลอด และผู้ชายกี่คนที่พะแพงชอบ ก็ต่างไปชอบฟางข้าว มันเป็นแบบนี้มาเสมอ และตอนนี้เป็นคนที่ชื่อเหมันต์ ผู้ชายที่รวยล้นฟ้าและมีอำนาจล้นมือ ผู้ชายแบบนั้นกำลังขอคบกับฟางข้าว มันทำให้พะแพงยิ่งอิจฉาและหวาดกลัวว่าฟางข้าวจะได้ดี พะแพงจึงพยายามกดฟางข้าวให้อยู่ใต้ล่างของตัวเองและตอกย้ำว่าชีวิตทั้งชีวิตของฟางข้าวมีไว้ทำอะไร พะแพงลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินออกจากห้องโถงนั่งเล่นนี้ไป ทิ้งเพียงฟางข้าวที่นั่งก้มหน้าพร้อมกับน้ำตาที่พากันหลั่งไหลลงมาเป็นสายน้ำ จนถึงตอนนี้ก็ทำให้หญิงสาวรู้แล้วว่า...ที่ผ่านมาไม่มีใครในบ้านหลังนี้มองว่าเธอเป็นครอบครัวจริงๆ เลยสักคน (ข้าว แต่ยังไงเธอก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ) เสียงทุ้มของปลายสายพูดขึ้น ฟางข้าวใจชื้นที่อย่างน้อยเธอก็ยังมีเพื่อนสนิทที่สามารถเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ฟังได้ ติณ เป็นเพื่อนผู้ชายของเธอ เราทั้งคู่รู้จักกันสมัยเรียนมหาวิทยาลัย และเขาเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ในชีวิตของฟางข้าวตอนนี้ อีกฝ่ายรู้เรื่องของเธอทุกอย่าง แม้กระทั่งเรื่องที่เธอกำลังจะทำด้วย “อือ ขอบใจมากนะติณ ก็มีแต่นายที่เป็นห่วงฉัน” (เธอไม่ทำไม่ได้เหรอ เรื่องนี้มันอันตรายมากนะ คนธรรมดาอย่างพวกเราจะล้วงความลับสำคัญมาเฟียที่มีอำนาจแบบนั้นได้ยังไง ถึงจะทำได้แต่มันก็เสี่ยงเกินไป เธอกำลังเอาชีวิตเป็นเดิมพันนะข้าว) “ฉันเลือกไม่ได้หรอก และตอนนี้ฉันก็เดินมาไกลแล้ว ยากที่จะถอยหลัง” ฟางข้าวเล่าทุกอย่างให้ติณฟัง รวมถึงความคืบหน้าที่เหมันต์ขอเธอคบ ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามันเร็วและน่าแปลก แต่ถึงจะแปลกแค่ไหนก็ไม่ใช่เวลาจะมาสงสัย เพราะทุกอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้กำลังเข้าท่าฝั่งของเธอ ทั้งที่ตัวฟางข้าวเองก็รู้ว่ายิ่งง่ายเท่าไร ก็เท่ากับยิ่งเสี่ยงมากเท่านั้น (ถึงจะได้คบกับหมอนั่นแล้วจริงๆ แต่การที่จะเข้าถึงความลับสำคัญมันก็ไม่ง่ายนะ เธอมีแผนต่อไปรึยัง) เสียงทุ้มถามด้วยความเป็นห่วง เพราะฟางข้าวยืนยันว่าจะเดินหน้าต่อก็แปลว่าต้องมีแผน ทว่าคำตอบและน้ำเสียงที่ได้รับกลับผิดคาด “ฉันไม่รู้เลยติณ บอกตรงๆ ว่าฉันไม่มีแผนอะไรเลย” ใบหน้าของฟางข้าวมีแต่ความกังวล ตอนนี้ในหัวว่างเปล่า ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแผนต่อไปคืออะไร และจะทำยังไงให้เข้าถึงข้อมูลสำคัญของเหมันต์ เธอมืดแปดด้านไปหมด (แล้วพ่อกับแม่เธอไม่ช่วยคิดเหรอ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ นะ จะให้เธอทำคนเดียว เผชิญหน้ากับอันตรายคนเดียวได้ยังไง อย่างน้อยพวกท่านก็ต้องวางแผนให้เธอไม่ใช่เหรอ?) ทุกอย่างที่ติณพูดออกมาถูกทั้งหมด ดวงตาหม่นหมองมองออกไปบนท้องฟ้าสีดำสนิท เธอยืนคุยโทรศัพท์อยู่นอกระเบียงห้องนอน นึกถึงคำพูดของติณ...ความจริงแล้วเรื่องนี้เธอจะต้องได้รับการช่วยเหลือเพื่อที่จะให้มันสำเร็จและตัวเธอจะได้ปลอดภัย ทว่าไม่มีอะไรแบบนั้นเลย บิดามารดาปล่อยให้เธอทำคนเดียว เผชิญหน้าคนเดียว ทั้งที่ทุกอย่างอันตรายถึงชีวิต แต่พวกท่านก็ไม่เคยถามเธอเลยสักคำว่าไหวหรือเปล่า... น้ำตาใสๆ จึงเอ่อคลอสองเบ้าตา เธอยกมือเช็ดมันออกและกักเก็บความน้อยเนื้อต่ำใจเอาไว้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD