“สวัสดีครับ”
สองมือหนายกขึ้นพนมไหว้คนอายุมากกว่า เกริกไกรออกมาต้อนรับว่าที่ลูกเขยด้วยตนเอง ใบหน้าเหี่ยวย่นยิ้มร่าต้อนรับเป็นอย่างดี เกริกไกรผายมือมาในบ้านให้คนที่ยืนอยู่หน้าประตูบานยักษ์ได้เข้ามา
“เชิญเลยครับ เชิญเลย”
เกริกไกรไม่สามารถกักเก็บแววตากระหายเอาไว้ได้ในบางครั้ง ในแววตาของคนมีอายุจึงดูวาบวับพร้อมกับรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า เหมันต์ที่กำลังเล่นละครสวมหน้ากากเป็นคนดีก็เดินเข้าไปในตัวบ้าน ตามด้วยกวินที่อยู่ไม่ห่างจากเจ้านายของตนเอง
ภายในโถงห้องอาหารกว้างขวางโอ่อ่า ทุกคนได้นั่งพร้อมหน้าพร้อมตา เกริกไกรนั่งหัวโต๊ะ ถัดมาเป็นชมนาดนั่งข้างกับพะแพง ส่วนฟางข้าวนั่งข้างกับเหมันต์ซึ่งนั่งติดกับคนหัวโต๊ะ กวินมือขวาของเหมันต์และสุชาติคนสนิทของเกริกไกรยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องอาหาร สาวใช้หลายคนทยอยกันตักข้าว และกับข้าวมากกว่าสิบอย่างได้ตั้งเรียงรายบนโต๊ะส่งกลิ่นหอมน่ารับประทาน เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว เกริกไกรซึ่งเป็นเจ้าของบ้านก็เอ่ยขึ้นเป็นคนแรก
“ทานกันเลยครับ”
เกริกไกรเอ่ยด้วยรอยยิ้มและยกมือบอกให้ทุกคนลงมือรับประทานอาหาร ทุกคนเอื้อมมือไปที่กับข้าวตรงหน้า และมีเพียงเหมันต์ที่ตักให้ฟางข้าวเป็นคนแรก
เขาส่งยิ้มให้คนตัวเล็กข้างกายที่เงยหน้าขึ้นสบตา ก่อนจะตักอาหารอีกหลายอย่างใส่จานของเธอ
การกระทำของชายหนุ่มอยู่ในสายตาของทุกคน เกริกไกรและชมนาดต่างก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่เห็น ‘ว่าที่ลูกเขย’ ดูแลใส่ใจและดูท่าทางจะหลงรักลูกสาวบุญธรรมของพวกเขามาก เว้นเพียงพะแพงที่นั่งฝั่งตรงข้าม แววตาริษยาส่งให้พี่สาวของตน
ก่อนที่พะแพงจะพาสายตาของตัวเองไปจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของเหมันต์ พลางคิดในใจว่าอีกฝ่ายนั้นหล่อมาก พะแพงไม่คิดว่า เหมันต์ เดชราชันย์ จะยังหนุ่มยังแน่นแบบนี้ ภาพที่เธอวาดเอาไว้ในหัวคือคนอายุมากไม่ต่างจากบิดาตัวเอง เคยได้ยินแต่ชื่อไม่เคยเห็นหน้า ถ้ารู้ว่าจะหล่อและเพอร์เฟ็คขนาดนี้ พะแพงคงไม่ปล่อยให้ฟางข้าวได้ทำงานนี้หรอก ถ้ารู้ว่าพี่สาวของเธอจะได้ลงเอยกับคนที่ไร้ที่ติทั้งหน้าตารูปร่างและฐานะอย่างเขา พะแพงไม่มีทางโบ้ยให้ฟางข้าวทำ เธอน่าจะขอบิดาทำมันซะเอง แต่คิดตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้
“แล้วงานแต่งจะจัดเมื่อไรดีครับ”
ฉับพลันเกริกไกรก็เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น และประโยคแรกก็พุ่งเป้าไปยังเรื่องสำคัญทันที ฟางข้าวมองหน้าบิดาตัวเองด้วยสายตาสั่นไหว ก่อนเธอจะหันมองคนข้างกายก็พบว่าใบหน้าของเหมันต์ที่คงด้วยรอยยิ้มเอาไว้
“เร็วที่สุด ดีไหมครับ”
“ฮ่าๆๆๆ ดีสิครับ ทำไมจะไม่ดี”
“...”
“ผมเซอร์ไพรส์มากเลยที่คุณจริงจังกับลูกสาวผมขนาดนี้ ยังไงเราก็จะเป็นทองแผ่นเดียวกันแล้ว สิงหโภคินกับเดชราชันย์จะเป็นดองกัน คงจะเป็นข่าวใหญ่กระฉ่อนทั้งวงการว่าไหมครับ ฮ่าๆๆๆ”
เกริกไกรหัวเราะร่า ในใจนึกภาพที่ตระกูลตัวเองจะได้เป็นดองกับตระกูลยิ่งใหญ่อย่างเดชราชันย์ก็รู้สึกขนลุกขนชัน ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง ได้ทั้งของฝั่งลูกเขยและได้จากคุณคนนั้น สิงหโภคินไม่ต้องทำอะไรก็มีกินมีใช้ไปทั้งชาติ
ทว่าต่างกับเหมันต์ที่ยังคงรอยยิ้มไว้บนใบหน้า แต่ภายในใจของเขาที่นึกสมเพชคนโง่เง่าอย่างเกริกไกรที่แก่แต่ตัว สมองไม่แก่ตาม ไม่รู้ว่าคนที่นี่โง่จริงหรือแกล้งโง่ที่ไม่นึกเอะใจอะไรทั้งที่เขารุกพวกมันเร็วขนาดนี้ คงจะมั่นใจมากสินะว่าเขาจะรักลูกสาวของมันจริงๆ
ไม่แปลกใจเลยที่ตระกูลเจ้าของบริษัทค้าน้ำมันปลายแถวอย่างพวกมันกำลังนับเวลาถอยหลังล้มละลาย
“แต่ผมมีบางอย่างจะขอนะครับ”
เหมันต์เอ่ยขึ้น ทุกคนหันมองเขาเป็นตาเดียว
“ผมไม่สะดวกที่จะจัดงานแต่งใหญ่โต ผมอยากทำพิธีกันอย่างเรียบง่าย”
“...”
“จากนั้นก็จดทะเบียนสมรส”
นัยน์ตาราบเรียบจ้องไปที่ดวงตาของเกริกไกร ทุกคนในที่นี้เงียบกันครู่หนึ่ง ก่อนที่เกริกไกรจะยกมือปัดไปมาด้วยสีหน้าผ่อนคลาย
“งานใหญ่โตหรือไม่ ก็ไม่สำคัญหรอกครับ แค่คุณเหมันต์จดทะเบียนสมรสกับฟางข้าวลูกรักของผม ผมก็คิดว่ามันเพียงพอแล้ว”
ชายวัยกลางคนหัวเราะในลำคอ เหมันต์ยกยิ้มและทานอาหารตรงหน้าต่อ ก่อนเขาจะหันมองคนข้างกายที่นั่งก้มหน้าเงียบไม่พูดอะไร นัยน์ตาวาวโรจน์จ้องมองแก้มใสด้านข้างก่อนจะดึงสายตากลับมากวาดมองใบหน้าของทีละคนช้าๆ
และมาเฟียหนุ่มได้คิดจุดจบของพวกมันทุกคนเอาไว้ในหัวสมองเรียบร้อยแล้ว
“ผมกลับก่อนนะครับ สวัสดีครับ”
เกริกไกรและชมนาดยกมือขึ้นรับไหว้เหมันต์ ทุกคนออกมาส่งเขาที่หน้าประตู รถยนต์คันหรูที่ขับโดยกวินมาจอดรอเรียบร้อยแล้ว หลังจากบอกลาผู้หลักผู้ใหญ่เสร็จ มาเฟียหนุ่มก็มองไปที่หญิงสาวตัวเล็ก วันนี้สีหน้าของฟางข้าวไม่ดีนัก เขาเดินเข้าไปใกล้ร่างบอบบางก่อนจะยกมือขึ้นจับเส้นผมที่คลอเคลียบนใบหน้าหวาน ฟางข้าวหลุบสายตาไม่สบตากับเขาเพื่อซ่อนแววตาสั่นระริก
“ผมกลับก่อนนะครับ แล้วจะโทรหา”
“ค่ะ”
ฟางข้าวยอมเงยหน้าขึ้นสบตา นัยน์ตาคมฉายประกายวาบวับก่อนจะดึงมือตัวเองกลับมาและหมุนตัวขึ้นรถยนต์คันหรูที่กวินได้ขับมาจอดรอ ล้อทั้งสี่เคลื่อนตัวช้าๆ แผ่นหลังกว้างเอนพิงพนัก จากที่แววตาราบเรียบคงที่ก่อนหน้านี้ค่อยๆ ฉายความแข็งกร้าวออกมา ในขณะที่มุมปากหยักก็ยกยิ้มร้ายกาจ
“กูอยากให้ไอ้แก่สองคนนั่นตาย...”
ฉับพลันสุ้มเสียงทุ้มก็เอ่ยขึ้น กวินลูกน้องคนสนิทดูกระจกมองหลังมองหน้าผู้เป็นนาย ก็เห็นใบหน้าของเหมันต์เต็มไปด้วยกลิ่นอายของรังสีอำมหิต
“ครับนายท่าน”
“ลูกสาวคนเล็ก เอาไปขายที่ตลาดมืด เรียกเงินมาให้มากที่สุด”
“...”
“ส่วนว่าที่เมียกู...”
“...”
“กูจะเล่นให้สนุก พอเบื่อแล้วก็เอาไปขายที่เดียวกับน้องสาวมัน”
“คุณพ่อคะ หนูมีเรื่องจะคุยด้วยค่ะ”
เกริกไกรที่นั่งจิบกาแฟในห้องนั่งเล่นพลางอ่านหนังสือพิมพ์ก็เงยหน้าขึ้น เห็นลูกสาวบุญธรรมยืนกุมมือตัวเองแน่น ใบหน้าของฟางข้าวเต็มไปด้วยความกังวลและอึดอัด
สองมือเหี่ยวย่นปิดหนังสือพิมพ์ทันที หัวคิ้วเริ่มขมวด
“เรื่องอะไร”
“หนู...หนูไม่อยากแต่งงานค่ะ”
ดวงตาของเธอสั่นไหวเพราะมันเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายอัดแน่นในนั้น เธอยอมรับว่าเหมันต์นั้นดีกับเธอทุกอย่าง ตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่คุยกันมา อีกฝ่ายสามารถทำให้เธอใจเต้นแรงไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ทว่าการแต่งงานไม่ใช่เรื่องเล็กสำหรับฟางข้าว เธอกับเขารู้จักกันเพียงเดือนเดียว
และหญิงสาวค่อนข้างจะสงสัยเกี่ยวกับเบื้องลึกของมาเฟียคนนั้น...
ทว่าเกริกไกรได้ยินแบบนี้ความโกรธก็พุ่งทะยาน ใบหน้าของคนแก่กว่าทมึงถึง สายตากราดเกรี้ยวขึ้นมาฉับพลัน
“คิดว่าตัวเองเลือกได้รึไง?”
“...”
“ทำตามที่ฉันบอก แต่งงานและเอาความลับของมันมาให้ได้ จากนั้นก็ปอกลอกเงินทองของมันมาให้ได้มากที่สุด!”
“คุณพ่อคิดว่ามันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“ฟางข้าว แกเถียงฉันเรอะ!!!”
“หนูกับเขารู้จักกันเดือนเดียว คุณพ่อคิดว่าเขารักหนูจริงๆ —”
“ฉันกับแม่แกแต่งงานกันทั้งที่ไม่เคยเห็นหน้ากันเลยด้วยซ้ำ!!”
“...”
ดวงตาที่คลอด้วยหยาดน้ำมาเนิ่นนาน บัดนี้น้ำตาเม็ดใสก็ไหลบนแก้มเนียนในที่สุด เธอตัวสั่นเพราะความหวาดกลัว เพราะถ้าทำให้บิดาไม่พอใจ สุดท้ายมักจะถูกตวาดด่ากราดหรืออาละวาดและยิ่งพักหลัง ทั้งบิดาและมารดาของเธอก็เปลี่ยนไปมาก เมื่อก่อนยังคิดว่าเธอเป็นลูกอยู่บ้าง แต่หลังจากที่ใกล้จะล้มละลาย ฟางข้าวก็ไม่รู้สึกเลยว่าทั้งคู่ยังรักเธอ ตอนนี้หญิงสาวรู้สึกเพียงอย่างเดียวว่ากำลังถูกขายเพื่อให้กิจการอยู่รอด
ทำไมกันล่ะ...แล้วทำไมต้องเป็นเธอ
“เตรียมตัวให้ดี ถ้าขัดคำสั่ง แกจะไม่ใช่คนของสิงหโภคินอีกต่อไป!!”
“...คุณพ่อ”
“อยากเป็นคนอกตัญญูก็เชิญ”