ตอนที่ 6 : ยอมรับข้อเสนอ
"เอ่อ...คือ ขอโทษที่เสียมารยาทเข้ามานะคะ"
ทันทีที่ฉันเข้ามาใกล้กับจุดที่เขานั่งอยู่เลยพูดขึ้นเพื่อเรียกให้เขาสนใจ ขนาดฉันยืนอยู่ตรงนี้เขายังไม่ปรายตามองเลยด้วยซ้ำ ดวงตากลมโตจับจ้องชายหนุ่มร่างสูงไม่วางตา มองขาที่ถูกใส่เฝือกอีกครั้งเพื่อย้ำเตือนความผิดพลาดของตัวเอง ไม่คิดว่าเขาจะอยู่ในสภาพนี้
คงไม่มีใครเอาขาใส่เฝือกเล่นๆหรอกมั้ง ฉันมองเขาผิดไปอย่างนั้นเหรอ
ไฟปรายตามองหญิงสาวตัวเล็กที่ยืนจ้องอยู่ก่อนแล้ว มองใบหน้าหวานด้วยสายตาไร้ความรู้สึก ริมฝีปากหนายกยิ้มมุมปาก และส่งสายตาไปที่ขาของตัวเองเพื่อให้เธอได้รับรู้ว่าขาต้องใส่เฝือก เป็นเพราะเธอวินิจฉัยสะเพร่า
คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงคำถามว่าเธอมาทำไม ใช้สายตากดดันโดยที่ไม่พูดอะไรออกจากปากทั้งสิ้น รู้อยู่แล้วว่ายังไงวันนี้เธอต้องมาอีกหลังจากออกเวร และบอกให้ลุงคนสวนไม่ต้องออกมารับหน้า เพราะเขาจะจัดการเอง เมื่อวานลุงคนสวนรายงานเขาหมดทุกอย่างรวมถึงรู้ว่าเธอเข้าเวรที่โรงพยาบาลยันเช้าวันนี้
แลดูเป็นหมอจบใหม่ที่สู้ชีวิต แต่เผอิญสิ่งที่เธอทำและความมั่นใจทำให้เขาอยากเอาชนะ ไม่มีความรู้สึกสงสารเลยแม้แต่นิดเดียว มันไม่จบแค่นี้หรอกนะหมอฟ้าใส
เมื่อความเงียบเข้ากดดันและสายตาคมคู่นั้นจดจ้องไม่วางตาทำให้ฟ้าใสตัดสินใจพูด
"ฉันอยากจะมาขอโทษคุณไฟค่ะ ที่วันนั้นทำกิริยาไม่สมควร และไม่กระตือรือร้นในการตรวจร่างกายคุณไฟ"
"หึ...วันนี้น้ำเสียงเธอฟังรื่นหูกว่าวันนั้นนะ แต่เผอิญฉันจำน้ำเสียงวันนั้นจนฝังใจไปแล้วสิ ทำไมหมอฟ้าใสวันนี้ไม่เหมือนวันนั้นเลยล่ะ ไม่เก่งแล้วเหรอ ไม่เชิดหน้ามั่นใจหน่อยเหรอ เสียบุคลิกภาพหมดนะ"
"ฉันไม่ได้มีเจตนาที่จะทำแบบนั้นค่ะ คุณไม่จำเป็นต้องยกโทษให้ฉันแต่ช่วยบริจาคเงินให้กับโรงพยาบาลเหมือนเดิมได้ไหมคะ คุณไม่พอใจฉันควรลงที่ฉันไม่ใช่ลงคนอื่นด้วย ไม่ใช่แค่บุคลากรการแพทย์แต่มันรวมถึงชาวบ้านแถวนี้ด้วย"
"เพราะถ้าฉันเล่นงานเธอคนเดียวมันคงไม่สนุกน่ะสิ" มือหนาวางแก้วกาแฟในมือลงก่อนจะยัดการลุกขึ้น หันมาจดจ้องหญิงสาวตัวเล็กด้วยท่าทางผู้ชนะ
"เดินมายืนตรงหน้าฉัน"
ฟ้าใสรอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่มองร่างกายกำยำที่มีเพียงชุดคลุมปกปิดร่างกายเท่านั้น เห็นรอยสักบนแผงอกแกร่งอย่างชัดเจน คนที่อายควรเป็นเขา แต่ทำไมฉันถึงรู้สึกร้อนผ่าวที่หน้า เท้าเรียวเล็กตัดสินใจก้าวเข้าไปใกล้เขากว่าเดิม
กึก
จนในที่สุดฉันได้มายืนอยู่ตรงหน้าเขาและเว้นระยะห่างอยู่ประมาณสองก้าว
"หรือเธออยากให้ฉันส่งหมายศาลให้โรงพยาบาลพรุ่งนี้เลย"
เขายังพูดไม่ทันจบฉันเลือกที่จะก้าวไปหาเขาอีกครั้งจนตอนนี้ตัวฉันกับตัวเขาอยู่ห่างกันเพียงหนึ่งก้าวเท่านั้น
"พอใจหรือยังคะ"
"ดูเธอหงุดหงิดนะ"
"ฉันมาที่นี่เพื่อมาขอโทษในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป ขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ขอร้องอย่าเอาคนอื่นที่ไม่รู้เรื่องมาเกี่ยวด้วย คุณจะป่าวประกาศให้ชาวบ้านรับรู้ว่าฉันเป็นหมอไม่ได้เรื่องยังไงฉันไม่ว่าให้ผลกระทบนั้นมาลงที่ฉันคนเดียว แต่อย่าทำให้เพื่อนอาชีพเดียวกันกับฉันต้องเดือดร้อน"
ฟ้าใสพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น คงมากพอที่จะรับผิดชอบในความผิดของตัวเอง ต่อให้โดนด่า โดนข้อครหาต่างๆนานาแต่ฉันจะไม่ล้มเลิกการเป็นหมอ ยังทำหน้าที่ตัวเองต่อไป ถือว่าครั้งนี้เป็นประสบการณ์เอาไว้เตือนตัวเอง
"คิดว่าแค่ออกรับแทนคนอื่นแล้วฉันจะใจอ่อนอย่างนั้นเหรอ ใช้ความสงสารเพื่อให้ฉันเห็นใจ"
"แล้วคุณต้องการอะไรจากฉัน ฉันทำให้คุณได้ทุกอย่าง ขอแค่บริจาคให้โรงพยาบาลเราเหมือนเดิม อย่าฟ้องร้องโรงพยาบาลเหตุที่ฉันไม่สนใจคนไข้ ถ้าคุณจะฟ้องร้องให้ทำแค่ฉัน"
"มั่นใจแค่ไหนว่าเธอจะชนะคดี หมอจบใหม่อย่างเธอแถมยังอยู่ในช่วงใช้ทุน ปัญญาจ่ายค่าเสียหายหลักล้านมีเหรอ ค่าตัวฉันแพงนะรู้หรือเปล่า" ไฟยกยิ้มมุมปากอย่างเหนือกว่า
คำพูดของเขาบาดลึกไปจนถึงหัวใจ เขารู้เรื่องราวของฉันมาบ้างแล้วสินะถึงได้บอกเต็มปากว่าฉันไม่ปัญญาจ่ายค่าฟ้องร้อง นัยส์ตาที่สั่นไหวยังมองคนตรงหน้าไม่วางตา
สายตาคมกริบมองลึกเข้าไปในดวงตากลมโตคู่นั้น จนเห็นแววตาสั่นระริก
"มาดูแลฉันระหว่างที่ขาของฉันเข้าเฝือก ฉันต้องการอะไรเธอต้องคอยหยิบจับทำให้ ถ้าเธอทำให้ฉันพอใจและเห็นว่าเธอรู้สึกผิดจริง ฉันอาจจะยกโทษให้เธอก็ได้"
"อาจจะเหรอคะ" เขาใช้คำว่าอาจจะ แต่ไม่ได้ความว่าถ้าฉันทำตามคำสั่งของเขาแล้วจะยกโทษให้ ฉันจะมั่นใจผู้ชายคนนี้ได้ยังไงกัน
"เลือกเอาระหว่างจะรับผิดชอบคนเดียว หรือจะให้เพื่อนร่วมงานเธอรับผิดชอบด้วย เงินบริจาคที่ครอบครัวฉันบริจาคไม่ใช่น้อยๆ คิดว่าเธอคงรู้แล้วว่าแต่ละปีฉันบริจาคเท่าไหร่" ไฟพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง โน้มใบหน้าเข้าไปใกล้คนที่ยืนอยู่พร้อมกับยกยิ้มมุมปากเมื่อเธอรีบหันหน้าหนี
"อย่าใสซื่อไปหน่อยเลย อายุไม่ใช่น้อยๆ"
"ฉันขอคิดดูก่อนได้ไหมคะ" ฟ้าใสพูดทั้งที่ใบหน้าหันออกไปทางอื่นแทนการมองหน้าเขาตรงๆ เพราะใบหน้าคมคายยื่นเข้ามาใกล้จนรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ไม่รู้ว่าคำว่าใสซื่อเขาหมายถึงอะไร ฉันไม่เคยโดนผู้ชายทำแบบนี้มาก่อนแต่ไม่จำเป็นต้องบอกให้เขารู้
"หนึ่งชั่วโมงฉันต้องได้คำตอบ"
"หนึ่งชั่วโมง!" ดวงตากลมโตเบิกตาโพลงและหันมาประจันหน้ากับเขาอีกครั้ง
แต่ต้องหยุดความคิดเมื่อปลายจมูกของฉันชนกับปลายจมูกเขาพอดี ทำให้ขาหลังก้าวถอยหนึ่งก้าวอย่างรวดเร็ว
ไฟมองปฏิกิริยาของหญิงสาวและกระตุกยิ้มมุมปากด้วยความเจ้าเล่ห์
เป็นหมอไม่กลัวเลือด ไม่กลัวเข็ม แต่ดันกลัวผู้ชาย มารยาร้อยเล่มเกวียนยังใช้ได้กับผู้หญิงสมัยนี้อีกเหรอไง แต่ทำให้ไฟรู้สึกชอบใจ ยิ่งเธอแสดงอาการหวาดผวาเขายิ่งรุกหนัก เหมือนได้เห็นจุดอ่อนของเธอแล้วสินะ
"เธอจะนั่งคิดทบทวนอยู่แถวนี้ก็ได้ฉันไม่ถือ แต่ถ้าเธอตัดสินใจกลับนั่นแปลว่าเธอเลือกแล้ว" ไฟพูดจบได้ลงไปนั่งที่เดิม และทอดสายตามองวิวอย่างสบายอุรา ไม่สนใจคนที่ยืนอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว
ฟ้าใสเม้มปากเข้าหากันแน่น มองชายหนุ่มที่นั่งสบายใจอยู่ตรงหน้า การที่เขาพูดแบบนี้ก็คือกดดันให้ฉันยอมทำ เวลาหนึ่งชั่วโมงที่ตั้งขึ้นมาไม่จำเป็นเลยด้วยซ้ำ
"ก็ได้..."
ไฟปรายตามองและเลิกคิ้วขึ้นหนึ่งข้าง ถึงจะเข้าใจในคำตอบแต่เลือกที่จะยียวนเธอ "ฉันไม่เข้าใจสิ่งที่พูด ก็ได้ อะไรของเธอ"
เขากำลังกวนประสาทฉัน กำลังทำให้ฉันอกแตกตาย ทั้งที่พึ่งพูดคุยกันไปไม่ถึงสองนาทีเลยด้วยซ้ำ
"ฉันยอมดูแลคุณจนกว่าขาคุณจะหาย ฉันจะคอยทำตามคำสั่งคุณ แต่ฉันขอทำหลังเลิกงานนะคะ ฉันต้องอยู่โรงพยาบาล ถ้าวันไหนมีเข้าเวรฉันจะแจ้งให้คุณทราบล่วงหน้าและจะมาที่นี่หลังจากออกเวร"
"งั้นก็เริ่มงานสิ เธอออกเวรแล้วไม่ใช่เหรอ"
"คะ?"
ไฟทำหน้าเรียบนิ่งไม่ได้สะทกสะท้านกับสีหน้าตกใจของเธอ
"กางเกงในฉันยังไม่ได้ซัก เอามาซักด้วย"
"คุณว่าอะไรนะคะ ไหนคุณบอกให้ฉันดูแลคุณ"
"อะไรที่ฉันสั่งให้เธอหยิบจับนั่นแปลว่าเธอต้องทำ ฉันบอกเธอแล้ว"
'มาดูแลฉันระหว่างที่ขาของฉันเข้าเฝือก ฉันต้องการอะไรเธอต้องคอยหยิบจับทำให้' คำพูดของเขาลอยเข้ามาในหัวทันที
"ฉันต้องการให้เธอหยิบเสื้อผ้าออกมาซัก นั่นคือความต้องการของฉัน"
"ได้ค่ะ แล้วฉันต้องไปซักผ้าให้คุณตรงไหนคะ"
"ตะกร้าผ้าอยู่หลังบ้านแล้ว ซักด้วยมือไม่ใช้เครื่อง และอย่าแปรงละ เสื้อผ้าของฉันราคาแพง"
มือเรียวเล็กกำหมัดแน่นและเดินกระทืบเท้าไปตามนิ้วแกร่งที่ชี้บอกทางคล้ายกับฉันเป็นทาสรับใช้
นี่มันบ้าอะไรกัน ทำไมหมออย่างฉันต้องมานั่งซักผ้า มารับหน้าที่คนรับใช้แบบนี้ด้วย การซักผ้าด้วยมือไม่ได้ยากเกินความสามารถแต่ฉันไม่เต็มใจทำให้เขาต่างหาก
หนึ่งชั่วโมงต่อมา...
พรึบ
เสื้อเชิ้ตสีดำถูกสะบัดกลางสายลมและแสงแดดก่อนจะจับใส่ไม้แขวน สิ่งที่เขาพูดไม่เกินจริงฉันต้องมาซักกางเกงในให้เขาด้วย คนบ้าอะไรไม่อายเลยที่ให้ผู้หญิงซักกางเกงในให้ ไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัวด้วยซ้ำ เหลือเชื่อในความหน้าด้าน ฉันทำตัวไม่ถูกที่ต้องมาซักกางเกงในผู้ชายแบบนี้
"เสร็จสักที"
หญิงสาวร่างเล็กเดินอ้อมจากหลังบ้านไปหน้าบ้าน ถึงแม้หลังบ้านจะมีประตูเชื่อมเดินผ่านในบ้านได้แต่ฉันไม่อยากเข้าบ้านคนที่ไม่รู้จัก และเมื่อเดินออกมายังจุดที่ฉันกับเขาคุยกัน กลับไม่เจอเขาแล้ว แต่ยังมีแก้วกาแฟวางไว้อยู่ที่เดิม
"หยิบแก้วกาแฟไปล้าง"
"อะไรนะ แล้ว?" นิ้วเรียวยาวชี้ไปที่ชายหนุ่มที่ตะโกนลงมาจากชั้นสองที่เป็นระเบียงยื่น เขาเดินขึ้นบันไดได้คล่อง พาตัวเองเดินเหินไปไหนมาไหนได้สะดวกขนาดนั้น แล้วจะให้ฉันมาช่วยดูแลเขาทำไม