ตอนที่ 5 : โดนกดดัน
ครืด...
มือเรียวเล็กเปิดประตูออกจากห้องของรุ่นพี่ด้วยอาการหน้าชา และเดินตรงไปยังห้องพักของตัวเองโดยไม่สนใจคนอื่นที่ยืนอยู่บริเวณนั้น
"หมอฟ้าใส..." ริทชี่เรียกชื่อหมอคนสนิทแต่ต้องสงบปากเพราะหมอเดินดุ่มๆเข้าห้องไม่สนใจใคร
ฟ้าใสโยนซองสีน้ำตาลที่ถือออกจากห้องนั้นลงบนโต๊ะทำงานของตัวเอง ร่างเล็กนั่งลงบนเก้าอี้ก่อนจะใช้นิ้วชี้และนิ้วโป้งนวดคลึงกลางหว่างคิ้ว
เรื่องมันไม่จบแค่ฉันเห็นแผ่นเอกซเรย์ รุ่นพี่หมอด่าลากยาวเกือบครึ่งชั่วโมง และฉันทำได้แต่ยืนฟังด้วยท่าทางสงบเสงี่ยมทั้งที่อยากจะระเบิดอารมณ์เต็มทีแต่ทำอะไรไม่ได้ในเมื่อผลการตรวจออกมาแบบนั้น ฉันยังยืนยันในการวินิจฉัยของตัวเองว่าไม่มีทางผิดพลาด ทดสอบกดและบีบในจุดที่คิดว่าจะหักทุกส่วนระหว่างที่ตรวจเขาแล้ว และภาพที่เขาเดินมาหาเรื่องฉันยังชัดเจนเสมอ
แต่ไม่มีใครรู้ไงว่าในห้องนั้นเกิดอะไรขึ้น มีเพียงฉันกับเขาที่รู้ และเขาคงไม่บอกใครว่าตัวเองปกติ ถ้าบอกคงไม่มีแผ่นเอกซเรย์ร่อนมาที่หน้าฉันแบบนี้
พอนึกถึงตอนที่โดนเขวี้ยงซองนี้ใส่หน้ายิ่งจุกอก
'สิ่งที่หมอควรทำคือไปขอโทษคุณไฟซะ ต่อให้ทางนั้นไม่ยอมยกโทษให้แต่อย่างน้อยได้ทำ มันอาจกลายเป็นโทษเบาลงจนถึงยอมความ ถ้าเกิดฝั่งนั้นฟ้องพวกเราได้จบกันหมดแน่'
'มาทำงานแค่ไม่กี่วันสร้างเรื่องราวใหญ่โต คงต้องพิจารณาตัวเองแล้วล่ะ ควรทำงานในด้านนี้ต่อหรือยุติทุกอย่างออกไปทำอย่างอื่นคิดเอาเอง'
'เป็นแค่หมอจบใหม่อย่าทำตัวเก่งจนเกินกำลังตัวเอง พวกหัวรั้นจบไม่ดีสักราย'
คำพูดของรุ่นพี่หมอหลั่งไหลเข้ามาในหัวไม่รู้จบ ทั้งคำดูถูก คำว่ากล่าว ถาโถมใส่ฉันราวกับเกลียดกันมาเป็นสิบปี การมีหัวหน้าดีมีชัยไปกว่าครึ่ง จะช่วยรุ่นน้องทุกอย่าง ผิดกับฉันที่โดนด่าทุกอย่าง เชื่อว่าคนเป็นหมอต้องมองออกว่าเขาเจ็บหนักหรือเบา เพราะวันนั้นหมอนาถได้เข้าไปหาเขาเหมือนกัน แต่ทำไมถึงมองไม่ออกว่าเขาไม่เป็นอะไรเลย
"คนที่มีอำนาจ มีเงิน สามารถทำได้ทุกอย่างจริงๆ ที่คุณบอกว่าเราจะได้เจอกันอีกให้ฉันเตรียมคำพูดสวยหรูไว้วันนี้ฉันเข้าใจแล้วล่ะ เพราะคุณจะกัดไม่ปล่อยสินะ"
ครืด...
เสียงประตูเปิดออกทำให้ฉันหยุดความคิดและมองบุคคลที่เข้าใหม่ รอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมาเบาๆที่เห็นเป็นผู้ช่วยพยาบาลคนสนิท นึกว่ารุ่นพี่หมอจะตามมาด่าถึงห้องฉันอีก
"คนไข้มาแล้วเหรอคะ เดี๋ยวหมอไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ" ริมฝีปากบางฉีกยิ้มให้กับริทชี่ ใช้น้ำเสียงที่เหมือนไม่เป็นอะไรพูดคุย ฉันเป็นคนที่แยกแยะได้ไม่อยากให้คนใกล้ชิดต้องเป็นห่วง เชื่อว่าการที่ริทชี่เข้ามาคงเป็นห่วงฉัน เพราะสีหน้าบ่งบอกทุกอย่างหมดแล้ว
"หมอโอเคไหมครับ"
คำถามของริททำให้ฉันชะงักไปชั่วขณะ คำถามสั้นๆแต่ทำให้ฉันรู้สึกดี อย่างน้อยเพื่อนรุ่นน้องคนนี้ก็ไม่เคยทิ้งฉัน ต่อให้คนทั้งโรงพยาบาลเกลียดฉันไปแล้ว
"โอเคสิ ได้คำอวยพรแต่เช้าใครจะไม่รู้สึกดีล่ะ"
"หมอก็มองโลกเป็นสีชมพูอยู่ได้ เสียงด่าออกมานอกห้องขนาดนั้นยังบอกเป็นคำอวยพรอีก ขอโทษที่มาบอกหมอไม่ทัน"
ฟ้าใสระบายยิ้ม ไม่แปลกที่ทุกคนด้านนอกจะได้ยิน เพราะรุ่นพี่ของฉันด่าลั่นห้องขนาดนั้น
"อย่าโทษตัวเองเลย อย่างน้อยหมอก็ได้รู้ว่าริทอยู่ข้างหมอและยังเชื่อว่าหมอไม่เคยละเลยการตรวจคนไข้ เป็นทั้งรุ่นน้อง เป็นทั้งเพื่อนของหมอขอบคุณนะ...ว่าแต่พอจะรู้ไหมว่าบ้านคุณไฟอยู่ที่ไหน ถ้าเขามาโรงพยาบาลนี้ได้แสดงว่าเขาคงอยู่ไม่ไกลจากที่นี่"
ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำตามคำแนะนำของหมอรุ่นพี่ ฉันไม่ได้ยอมเขา แต่เพื่อความอยู่รอดของโรงพยาบาลเลยจำเป็นต้องทำ ยังเชื่อมั่นใจการตรวจของตัวเองแต่อีกคนใช้อำนาจของเงินจัดการความถูกต้อง เงินซื้อได้ทุกอย่างจริงๆ
"เดี๋ยววันนี้ริทชี่พาไป แต่เจ้าของบ้านจะอยู่ไหมนั่นอีกเรื่อง เท่าที่รู้มาคุณไฟไม่ได้อยู่ที่โคราชถาวร อยู่กรุงเทพซะส่วนใหญ่ มีบ้านพักตากอากาศอยู่ที่นี่และเห็นว่ากำลังทำรีสอร์ทแถวนี้ด้วย น่าจะไปดูงานก่อสร้างเลยเกิดอุบัติเหตุ"
ฟ้าใสพยักหน้าด้วยความเข้าใจและส่งยิ้มบางๆให้คนที่บอกกล่าวก่อนจะแยกย้ายกันไปทำงาน
ตกเย็นของวัน
รถยนต์ของริทชี่มาจอดอยู่บริเวณทางเข้าบ้านพักตากอากาศ ดวงตากลมโตมองไปรอบๆบริเวณที่กว้างใหญ่ ก่อนจะจดจ้องมองบ้านหลังโตที่ตั้งเด่นเป็นสง่า แค่ขนาดของบ้านและพื้นที่ใช้สอยก็รู้ว่าเขาคงมีเงินที่ใช้ชาตินี้ไม่หมด เพราะความรวยทำให้คนที่ต่ำต้อยกว่าจำยอมทุกอย่าง ไม่แปลกที่ทุกคนในโรงพยาบาลจะยินดีต้อนรับเขาแทบถอนสายบัวต้อนรับ
"ดูท่าคุณไฟจะไม่อยู่นะหมอ"
"ขอหมอลงไปดูหน่อยละกัน เผื่อมีคนให้ถาม" ทันทีที่ฉันบอกริทชี่มือเรียวเล็กเปิดประตูลงจากรถทันที โดยให้ริทชี่รออยู่ในรถไม่ต้องลงตาม
หญิงสาวร่างเล็กเดินเข้ามาในพื้นที่บ้านพักตากอากาศที่เปิดโล่งไม่ได้มีกำแพงสูงและประตูปิดกั้น เขาคงเชื่อใจคนแถวนี้จริงๆว่าจะไม่เข้ามาลักขโมยของ เลยกล้าเปิดโล่งแบบนี้
"มาหาคุณไฟเหรอครับ"
เสียงทักทายทำให้ฉันหันไปหาต้นเสียงได้เจอกับลุงคนหนึ่งที่ดูท่าทางจะเฝ้าดูแลบ้านหลังนี้
"สวัสดีค่ะคุณลุง หนูเป็นหมอจากโรงพยาบาลชุมชนนะคะ คุณไฟไม่อยู่เหรอคะ"
"ตั้งแต่คุณไฟกลับไปเมื่อหลายวันก่อนก็ไม่ได้มาที่นี่เลยครับ เอ่อ...แต่เห็นว่าจะมาคืนนี้นะครับ ถ้าหมอมีอะไรจะคุยกับคุณไฟลองมาตอนเช้าพรุ่งนี้"
"ขอบคุณที่บอกนะคะคุณลุง หล่อแล้วยังใจดีอีก" มือเรียวเล็กยกขึ้นพนมเพื่อไหว้ขอบคุณลุง พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มแซวนิดแซวหน่อยให้คนแก่ยิ้มได้
"ปากหวานจริงๆหมอคนนี้ ลุงไปโรงพยาบาลบ่อยไม่เคยเห็นหน้าพึ่งมาใหม่เหรอครับ"
"ใช่ค่ะ แต่อย่าไปบ่อยเลยค่ะ ไปโรงพยาบาลบ่อยๆไม่ดีเลย สู้แข็งแรงอยู่บ้านดีกว่า งั้นหมอไปก่อนนะคะ พรุ่งนี้เช้าหมออาจจะเข้ามาใหม่"
ฉันร่ำลากับลุงจบก็เดินออกมาขึ้นรถของริทชี่ทันที แต่ครั้งหน้าฉันคงไม่ให้ริทชี่ต้องมาลำบากเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องอีกแล้วล่ะ ไม่อยากให้โดนหางเลขไปด้วย เรื่องมันเกิดเพราะฉัน ก็ควรเป็นฉันคนเดียวที่แก้ปัญหา
ช่วงเช้าตรู่ของวันใหม่
จักรยานคันเก่าถูกขี่ออกมาตั้งแต่เช้ามืดพอมาถึงบ้านหลังนี้ก็สว่างพอดี เมื่อวานได้จำทางมาที่นี่เลยทำให้วันนี้ฉันมาถูก และที่มาเช้าตรู่ขนาดนี้เพราะฉันต้องขี่จักรยานไปโรงพยาบาลเพื่อทำงานต่อ
"อ้าวคุณหมอมาแต่เช้าเลย"
"สวัสดีค่ะคุณลุง คุณไฟมาหรือยังคะ"
"ลุงกำลังจะบอกหมอพอดี คุณไฟว่าจะมาตอนเย็นนะ ลุงไม่มีเบอร์หมอกะจะออกไปโรงพยาบาลแล้วบอกไม่คิดว่าหมอจะมาเช้าตรู่แบบนี้"
"เหรอคะ ขอบคุณที่บอกนะคะ แต่เย็นนี้หมอติดอยู่เวรคงไม่ได้มา" ใบหน้าหวานแสดงอาการผิดหวังออกมาอย่างชัดเจนถึงกับถอนหายใจออกมาเบาๆ
สุดท้ายไม่มีทางเลือกอื่นทำให้ฉันต้องขี่จักรยานคันเก่ากลับ ชะเง้อมองเข้าไปในบ้านอีกครั้งแต่นิ่งสงบ เขาคงยังไม่มาจริงๆ
ชั้นสองของห้องนอน มีสายตาคมลอดมองผ่านกระจกบานใหญ่ ใช้ผ้าม่านปิดบังตัวเองเอาไว้ ริมฝีปากหนายกยิ้มมุมปากด้วยความชอบใจ มองจนหญิงสาวคนนั้นขี่จักรยานออกไปจนลับสายตาก่อนจะหันหน้ากลับมายังในห้องนอนมองอุปกรณ์ใส่เฝือกที่วางไว้บนเตียง และเดินด้วยท่าทางปกติพร้อมกับผิวปากเข้าห้องน้ำอย่างอารมณ์ดี
"ลุงไม่อยากโกหกเลย แต่ทำไงได้เจ้านายบอกมาแบบนี้ลูกน้องอย่างลุงต้องทำตาม"
ช่วงสายของอีกวันหลังจากออกเวร
หญิงสาวร่างเล็กปั่นจักรยานมาที่บ้านหลังเดิมด้วยสภาพที่อิดโรยเพราะต้องอยู่เวรทั้งคืน ถึงจะได้พักสายตาบ้างแต่หลับไม่สนิทอยู่ดี เช้านี้เลยตั้งใจมาบ้านของเขาอีกครั้ง
เมื่อวานตลอดทั้งวันฉันถูกกดดันด้วยสายตาอย่างหนัก และเรื่องนี้เริ่มแพร่งพรายไปถึงชาวบ้าน มีหลายคนพูดกันว่าฉันเป็นหมอที่ไม่ได้เรื่อง ไม่รู้แม้กระทั่งคนไข้กระดูกเคลื่อน ตรวจผ่านๆ หลายคำครหาถาโถมเข้ามาหาฉันภายในวันเดียว จากเรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่เพราะเขาคนเดียว
ดวงตากลมโตมองสอดส่องเข้าไปในพื้นที่บ้านหลังใหญ่ ต้องหยุดชะงักสายตาเมื่อเจอกับชายหนุ่มร่างสูงที่ยังอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำสีขาว นั่งจิบกาแฟอยู่บริเวณด้านหน้าระเบียงเพื่อรับลมเย็นในช่วงเช้า ขาฝั่งที่ฉันตรวจในวันนั้นตอนนี้ใส่เฝือกให้เห็นอย่างชัดเจน ถึงการแต่งตัวของเขาจะไม่เหมาะกับการพบเจอแต่ไม่มีทางเลือกอื่น ทำให้ฉันตัดสินใจจอดรถจักรยานไว้ด้านหน้าและเดินเข้าไปใกล้กับเขาอีกนิด
วันนี้แปลกที่ไม่เจอคุณลุงคนที่เคยพูดคุยด้วย แต่ไม่มีอะไรน่าสนใจเท่ากับได้เจอเขา
ริมฝีปากหนายกยิ้มมุมปากและจิบกาแฟเล็กน้อย รับรู้ว่ามีใครบางคนกำลังเดินเข้ามาแต่ไม่หันไปมอง สายตายังทอดมองวิวในยามเช้าคล้ายกับว่าไม่สนใจคนที่มาใหม่