ตอนที่ 3 : กวนประสาทตั้งแต่เจอ
ฟ้าใสมองใบหน้าคมคายด้วยสายตาเรียบนิ่งและเขาเองก็จ้องเธอกลับไม่วางตาเช่นกัน แววตาไร้ซึ่งความเป็นมิตร
"เท่าที่หมอประเมินคนไข้ บาดแผลไม่ได้ลึกจนเส้นเอ็นขาดหรือกระดูกหัก ไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรง ดังนั้นรบกวนตามคิวนะคะ หมอขอตัวเพราะชาวบ้านต่อคิวกันตั้งแต่เช้าแล้ว หมอจะเลือกปฏิบัติให้ก่อนเฉพาะเคสที่หนักจริงๆ แต่เคสนี้ยังสามารถรอได้" ฉันพูดย้ำให้เขาเข้าใจอีกครั้งและเดินออกจากห้องปฐมพยาบาลทันที
"หึ" ไฟหัวเราะในลำคอเบาๆ มองใบหน้าของพยาบาลที่ยืนอยู่ตรงนั้นกำลังแสดงสีหน้ากระอักกระอ่วน
หมอคนใหม่ออกไป หมอคนเก่าเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นตกใจเมื่อรู้เรื่องจากพยาบาลคนสนิท
"ตายแล้ว คุณไฟเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ หมอรีบปลีกตัวจากคนอื่นมาหาคุณไฟเลยเมื่อรู้เรื่อง ให้หมอตรวจร่างกายให้นะคะ" หมอวัยกลางคนที่เป็นรุ่นพี่และหัวหน้าของหมอฟ้าใสเข้ามาด้วยสีหน้าตกใจ ยอมละเคสผู้ป่วยมาเพียงเพราะรู้ว่าผู้ชายคนนี้คือคนสำคัญของโรงพยาบาล
ครอบครัววชิรวรกุลบริจาคให้โรงพยาบาลทุกปี ไม่ว่าจะติดเคสยุ่งแค่ไหนต้องรีบละมือมาช่วยเหลือคนสำคัญ
"ดูคุณหมอจะสนใจผมมากกว่าหมอใหม่คนเมื่อกี้นะครับ"
"หมอใหม่คนเมื่อกี้เหรอคะ?...อ่อ หมอฟ้าใสสินะเดินสวนกันพอดี หมอฟ้าใสพึ่งมาทำงานวันนี้วันแรกค่ะ ถ้าเกิดหมอฟ้าใสทำอะไรผิดพลาดไปต้องขอโทษด้วยนะคะ งั้นเดี๋ยวหมอให้พยาบาลเข็นไปที่ห้องตรวจเลยนะคะ เคสของคุณไฟหมอจะเป็นเจ้าของเคสเอง ได้รับการดูแลแบบดีที่สุดค่ะ"
"ผมต้องการให้หมอฟ้าใสมาตรวจตอนนี้ครับ เพราะหมอฟ้าใสคือคนแรกที่เจอผมในห้องนี้" ไฟออกคำสั่งเรียบนิ่ง จ้องมองทุกคนด้วยแววตาไร้ความรู้สึกแต่สร้างความกดดัน
ฟ้าใสกลับมาทำงานในห้องตรวจของตัวเอง แต่รู้สึกหงุดหงิดไม่น้อยทั้งที่พึ่งเคยเจอผู้ชายคนนั้นครั้งแรก อาจเป็นเพราะเธอไม่ชอบให้คนที่มีเงินหรืออำนาจเหนือกว่าคนอื่นเอาเปรียบคนที่มารออยู่ก่อน เหตุการณ์คล้ายกับตอนนั้น...
อุบัติเหตุในครั้งนั้นพ่อของฉันได้เสียชีวิตคาที่ภาพที่พ่อฟุบหน้าเข้ากับพวงมาลัยรถยนต์ใบหน้าและลำตัวอาบไปด้วยเลือดสีแดงสดยังชัดเจนเสมอ แต่แม่ของฉันได้ถูกส่งตัวมาที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดพร้อมกับฉัน สิ่งที่จำได้ดีคือระหว่างที่แม่กำลังถูกเข็นเข้าห้องผ่าตัดดันมีเคสอุบัติเหตุคนสำคัญเข้ามาพอดี แต่เป็นเพียงอุบัติเหตุเล็กๆเท่านั้น ฉันไม่รู้ว่าเขาคนนั้นคือใคร แต่ไปได้ยินหมอคุยกันว่าเขาคือคนสำคัญต่อโรงพยาบาลต้องการทำแผลและตรวจร่างกายโดยด่วน ด้วยที่ตอนนั้นโรงพยาบาลต่างจังหวัดขนาดเล็กมีห้องฉุกเฉินเพียงห้องเดียว หมอที่เก่งสามารถผ่าตัดได้เพียงคนเดียว หมอคนนั้นเลยเลือกที่จะรักษาคนไข้คนนั้นก่อนเพียงเพราะเขามีเงินและมีอำนาจ ปล่อยให้แม่ต้องนอนรอความตายมีเพียงพยาบาลมาปฐมพยาบาลเบื้องต้น สุดท้าย...แม่ทนความเจ็บปวดไม่ไหว จากไปอย่างสงบ
ฉันเลยเลือกที่จะให้โอกาสคนมาก่อนเสมอ เขามารอคิวก่อน ควรได้ตรวจก่อน ฉันประเมินความเสี่ยงแล้วผู้ชายคนนั้นสามารถนั่งรอได้
ก๊อก ก๊อก...
เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้งทำให้ฟ้าใสหลุดออกจากภวังค์ความคิดและมองผู้ช่วยพยาบาลหนุ่มคนเดิม
"คุณไฟต้องการให้หมอฟ้าใสรับเคส และต้องเป็นหมอฟ้าใสที่ตรวจให้ครับ ไม่ยอมให้หมอนาถเป็นเจ้าของไข้"
"ถ้าเขาอยากให้หมอตรวจ นั่นแปลว่าเขาต้องรอได้ค่ะ รบกวนเรียกคิวต่อไปเข้าพบหมอได้เลยค่ะ ฝากกดคิวให้เขาด้วยนะคะ"
ผู้ช่วยพยาบาลทำสีหน้ากระอักกระอ่วน สุดท้ายต้องยอมทำตามคำบอกกล่าวของหมอฟ้าใส
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป
ครืด...
เสียงประตูเปิดออกทำให้ฉันเงยหน้ามองคนไข้ที่เข้ามาใหม่รอยยิ้มฉายขึ้นบนใบหน้าหวานก่อนที่จะรู้ว่าเป็นใคร ทันทีที่เห็นเป็นชายหนุ่มคนนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าหายไปทันที
"ให้คนไข้นั่งบนเตียงตรวจได้เลยค่ะ" เสียงหวานบอกผู้ช่วยพยาบาลที่เข็นรถเข็นมาส่ง
สายตาคมมองหญิงสาวในชุดหมอด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ไม่เคยคิดเลยว่าต้องมารอคิวตรวจเป็นชั่วโมง ทั้งที่มีเวลามากพอที่จะออกไปตรวจในโรงพยาบาลตัวเมือง แต่เพียงต้องการอยากเล่นงานเธอกลับเลยต้องอดทนรอ หมอใหม่แบบเธอยังไม่เคยเจอของจริง และเขาจะจัดการให้เธอรับรู้ว่าควรปฏิบัติตัวแบบไหน
มันไม่จบแค่วันนี้แน่ ‘หมอฟ้าใส’ ชื่อนี้คงอยู่ในสมองเขาไปอีกนาน หมออินเทิร์นจบใหม่ที่พึ่งมาที่นี่ได้เพียงวันเดียว
ไฟขึ้นนั่งบนเตียงตรวจยังจดจ้องหมอสาวที่เดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และส่งสายตาให้ผู้ช่วยพยาบาลออกไปจากห้อง
ฟ้าใสทำสีหน้าเรียบนิ่งตรวจดูแผลอย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมกับสอบถามอาการเพิ่มเติม
"รู้สึกเจ็บหรือปวดตรงไหนบ้างคะ"
"ทุกตรง"
"ระบุจุดปวดให้หมอด้วยค่ะ"
"ระบุไม่ได้เพราะปวดทั้งตัว"
คำตอบเรียบนิ่งของไฟทำให้ฉันเงยมองหน้าเขาอีกครั้ง แต่กลับได้รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งกลับมา นั่นแปลว่าเขากำลังกวนประสาทฉัน ฉันต้องนับหนึ่งถึงล้านเพื่อสงบอารมณ์กับคนไข้แบบนี้ ในระหว่างที่ตรวจมือเรียวเล็กพยายามกดจุดที่คาดว่าจะปวดแต่เขากลับนิ่งเฉยราวกับไม่รู้สึก แสดงว่าก่อนหน้านี้ที่บอกปวดทุกส่วนคงไม่ใช่เรื่องจริง
ไม่ถึงห้านาทีฉันเลยผละออกจากตัวเขาและเข้าไปนั่งที่เดิมพร้อมกับสั่งจ่ายยาไปที่แผนกยาเสร็จสรรพ
"เรียบร้อยค่ะ เชิญ"
"บริการโคตรห่วย ฉันเจ็บขาแทนที่จะพยุงฉันลง"
"หมอลองจับทุกส่วนที่คาดว่าคุณจะปวดแต่คุณยังนิ่งเฉย แสดงว่าคุณไม่ได้ปวดจริง กับแค่ลงจากเตียงนอนคงไม่ยากเกินความสามารถ เชิญค่ะ คนไข้คนอื่นกำลังรอตรวจ"
ไฟหัวเราะเบาๆในความรู้ทันของเธอ เธอเก่งในเรื่องพวกนี้อยู่พอสมควร ร่างสูงกระโดดลงจากเตียงราวกับไม่มีบาดแผลทั้งที่ขาถูกพันผ้าก๊อซไว้แน่นหนา แต่ความเจ็บปวดไม่น่าสนใจเท่าเอาคืนผู้หญิงคนนี้ ร่างสูงเดินมาตรงหน้าหญิงสาวมีเพียงโต๊ะคั่นกลาง สายตาคมจับจ้องใบหน้าหวานไม่วางตา มองลึกเข้าไปในดวงตากลมโตคู่นั้น
ปัง!
มือหนาทุบลงบนโต๊ะจนเกิดเสียง ร่างแกร่งโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อให้ใกล้กับเธอเข้าไปอีก และก็เป็นไปตามความคาดหมายที่เธอไม่กลัวและไม่หลบสายตาไปไหน จ้องเขากลับมาเช่นกัน แบบนี้ค่อยสนุกหน่อย อยากรู้เหมือนกันว่าเธอจะแน่สักแค่ไหน
คนอื่นอาจหลบสายตาเขาเพราะความกลัว แต่ฉันไม่กลัว จับจ้องไปที่ใบหน้าคมคายไม่วางตา จ้องลึกเข้าไปในสายตาคมกริบสีน้ำตาลเข้มคู่นั้น
"เราคงได้เจอกันอีกเร็วๆนี้ เตรียมคำพูดที่สวยหรูไว้ด้วยล่ะ" ริมฝีปากหนากระตุกยิ้มก่อนจะดันตัวเองออกจากโต๊ะทำงานของเธอ แต่ยังยืนจ้องหญิงสาวอยู่แบบนั้นไม่วางตานานนับนาที
ในที่สุดร่างแกร่งได้ก้าวออกจากห้องตรวจโดยไม่จำเป็นต้องนั่งรถเข็น
"ฟู่ว..." ฟ้าใสเป่าลมออกจากปากเบาๆราวกับก่อนหน้านี้กลั้นหายใจเอาไว้ และแสดงอาการโล่งอกที่เขาออกไปจากห้องนี้สักที
ช่วงเย็นของวัน
หญิงสาวร่างเล็กกำลังนั่งเคลียร์งานภายในห้องพักส่วนตัว หลังจากฉันตรวจคนไข้คนสุดท้ายเสร็จก็ออกจากห้องนั้นเพื่อมาเคลียร์งานและดูแผนงานที่จะทำในห้องพักส่วนตัว เป็นครั้งแรกที่หมอจบใหม่แบบฉันมีห้องทำงานส่วนตัวแบบนี้ ถึงจะอยู่ในสภาพแบบฉบับโรงพยาบาลชุมชนแต่รู้สึกดีที่ได้มีพื้นที่ส่วนตัว
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังมาก่อนที่จะมีคนเปิดประตูเดินเข้ามา ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มเมื่อเจอกับผู้ช่วยพยาบาลคนเดิม และดูเหมือนพอไม่มีคนไข้ความเป็นสาวจะฉายแววขึ้นมากกว่าเดิม
"ทำงานด้วยกันมาทั้งวันพึ่งจะมีโอกาสได้แนะนำตัวกับหมอ ผมชื่อริท แต่ถ้าให้ดีเรียกเราว่า ริทชี่ ครับ"
ฟ้าใสหัวเราะออกมาเมื่อเห็นท่าทางของริทชี่ ตอนแรกเข้ามาด้วยบุคลิกเคร่งขรึม แต่พอเอ่ยประโยคสุดท้ายกลายเป็นสาวหวานทันที รู้สึกดีเมื่อได้เจอเพื่อน LGBTQ ที่ดูจริงใจกว่าผู้ชายคนนั้น
"ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะริทชี่"
"เลิศครับคุณหมอ แต่ระหว่างเวลางานขอแมนๆนะครับ"
"รับทราบค่ะ"
"ที่เข้ามาเพราะอยากจะมาเตือนเรื่องคุณไฟนิดหน่อย คุณหมอฟ้าใสคงยังไม่ทราบว่าทำไมโรงพยาบาลเราถึงต้องเข้ารับการดูแลคุณไฟเป็นอันดับแรก ด้วยที่ทางครอบครัวคุณไฟบริจาคให้โรงพยาบาลทุกปี ทุกคนเลยต้องทำแบบนั้น และอยากให้คุณหมอทำเหมือนพวกเราเหมือนกันครับ อีกอย่างบรรยากาศข้างนอกก็ไม่ค่อยดี กลิ่นตุๆ"
ฟ้าใสฟังคำพูดของริชชี่และคิดตาม แบบนี้สินะเลยทำให้ทุกคนวางมือจากทุกอย่างเพื่อมารับใช้เขาอย่างกับราชา แม้แต่รุ่นพี่หมอของฉันยังแทบถวายชีวิตวิ่งตาลีตาเหลือกสวนฉันไปแบบนั้น