5 ข้อเสนอจาก…

2200 Words
“นั่นไงลูกอีมัท หนอย!! นี่มาซุกหัวอยู่ที่นี่กันเองสินะ!!…” “อย่านะคะ” เสียงลูกหว้ารีบเดินเข้าไปขวางไม่ให้หนึ่งในหญิงสามคนเดินเข้ามาทำอะไรยายตัวเอง ยุพินที่เห็นและพอจำหญิงกลุ่มนั้นได้ก็เอ่ย “สมใจ มีอะไรกัน” “ยังจำฉันได้อีกเหรอ” “ทำไม มีอะไรก็ค่อย ๆ พูด ค่อย ๆ จากันเถอะ” “จะให้ค่อย ๆ พูดจาอะไรกับคนที่หนีหนี้มา” “หนีหนี้เหรอ” “ก็เออน่ะสิ! เห็นอีแจ๋วมันบอกว่าป้าใช้หนี้ที่อีมัทมันหลอกลงทุนไปหมดแล้ว แล้วของพวกฉันล่ะ เคยคิดจะแยแสบ้างไหม ฉันต้องไปกู้หนี้นอกระบบมาให้มัน ฉันต้องจ่ายดอกเบี้ยแทนมันที่เอาตัวเองไปสบายแล้ว อีสารเลวนั่น!!” “ฉันก็ด้วย!” “ฉันด้วย!” สองคนที่ยืนอยู่สมทบด้วยความมีความโกรธเคืองไม่ต่าง ยุพินที่เห็นก็มองดูทั้งสามด้วยความหนักใจกับหนี้สินที่ดูเหมือนจะไม่จบง่าย ๆ ไหนจะสายตาไม่พอใจขั้นสุดของนงฤดีที่มองมาอย่างโกรธจัดกับสิ่งที่เกิดขึ้นบริเวณหน้าบ้านหลังใหญ่ของเจ้านาย “ป้าไม่มีเงินจะคืนให้แล้วละ ตอนนี้ป้าก็ทยอยใช้ให้คนที่มันไปกู้ยืมเขามาอยู่เหมือนกัน” หญิงสูงวัยบอกอย่างไม่สามารถที่จะชดใช้อะไรได้อีกแล้ว หากเธอต้องชดใช้แทนลูกสาวไปแบบนี้ ก็ไม่รู้ว่าหลานสาวจะได้เรียนเมื่อไหร่ แน่นอนว่าคำพูดของยุพิน ทำเอาสามคนที่ได้ยินของขึ้น “พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง รู้ไหมมันเอาของฉันไปเท่าไร! ทีกับอีแจ๋วทำไมใช้ได้ แล้วกับพวกฉันทำไมหน้าด้าน!” “ก็พวกเอ็งไปลงทุนกันเองมิใช่รึ กับแจ๋ว ป้าไม่ได้เป็นคนคืน หว้ามันเป็นคนจัดการทุกอย่าง” “ถ้างั้นก็มาชดใช้แทนแม่แกให้พวกฉันด้วยสิ!” สมใจหันบอกกับลูกหว้า ยุพินก็ไม่รอช้า “ทำแบบนั้นไม่ได้หรอก หว้ามันเองก็ต้องมีชีวิตของมัน…” “พูดแบบนี้ก็คือจะไม่ชดใช้ใช่ไหม ฮะ!! ฉันไม่ยอมหรอกนะ ยังไงวันนี้ฉันก็ต้องได้เงินคืน ถ้าไม่ได้จากป้า ฉันก็จะไปเอามาจากเจ้านายป้าเอง!!” พูดจบ สมใจและเพื่อนอีกสองคนก็ทำท่าจะเดินเข้าไปภายในบ้านหลังใหญ่ แน่นอนว่านงฤดีที่เห็นก็รีบเอ่ย “เอกอยู่ไหน ไอ้เอก!! มาเอาตัวคนพวกนี้ออกไป หยุดนะ!! ห้ามเข้าไปข้างในเด็ดขาด…” นงฤดีพยายามห้ามพร้อมกับอดไม่ได้ที่จะหันมองยุพินกับหลานสาวด้วยความโกรธมาก ๆ “พวกบ้า!! สร้างแต่ปัญหา!!” และพยายามช่วยกันห้ามคนนอกไม่ให้เข้าไปวุ่นวาย จนสถานการณ์ด้านหน้าบ้านหลังใหญ่นั้นดูวุ่นวายเป็นที่สุด กระทั่ง… “ตายแล้ว…แม่! คุณหญิงมา” เสียงเดือนดาวหันไปบอกนงฤดีกับเสียงรถคันหรูที่ค่อย ๆ ขับเข้ามาจอด และร่างดูดีของธัญญาที่เดินลงมาจากรถ ทำให้ทุกอย่างนั้นนิ่งสงบในทันที “มีเรื่องอะไรกัน” หญิงวัยกลางคนทรงอิทธิพลถามทั้งหมดที่ยืนอยู่ แน่นอนว่าสามคนที่มาทวงเงินที่ไม่รู้สึกเกรงกลัวอะไรก็ไม่รอช้า “คุณนายเป็นเจ้านายป้าพินใช่ไหมคะ” “อยะ…อย่านะสมใจ อย่าไปอะไรกับคุณท่าน…คุณท่านคะ เดี๋ยวดิฉันจัดการเองค่ะ” ยุพินรีบหันไปบอกเจ้านายตัวเองด้วยความนอบน้อมรู้สึกเกรงขามเกรงใจ ทว่าสามคนที่เห็นแบบนั้นก็ยิ่งรู้สึกได้ใจ “จะคุยอะไร! ฉันไม่คุยกับคนไม่คิดชดใช้อะไรอย่างป้าหรอกนะ คุณนายคะ ลูกน้องคุณนายมันติดเงินฉันแต่ไม่ยอมชดใช้ค่ะ ลูกมันมาหลอกเงินพวกฉันไปเป็นแสน ๆ” สมใจบอก ตามด้วยเสียงสมทบของหญิงอีกคน “ใช่ค่ะ พวกฉันก็เลยอยากมาคุยกับคุณนายค่ะ ว่าจะยังไง รบกวนด้วยนะคะ พวกฉันเองก็ลำบาก” “หยุดนะ” นงฤดีพยายามห้ามปราม แต่แล้ว… “จริงอย่างที่พวกเขาบอกหรือเปล่า” ธัญญาหันมองหน้าถามยุพินที่ยืนอยู่ด้วยใบหน้านิ่งเรียบ หญิงสูงวัยที่ได้ยินก็ชะงักอย่างไม่รู้จะตอบกลับยังไง ลูกหว้าที่เห็นจึงเอ่ย “จริงที่แม่ของหนูเคยทำค่ะ แต่ว่าในเรื่องนี้ยังไม่มีการพิสูจน์ความจริง…” “งั้นก็มาดูนี่สิ!” ว่าแล้ว สมใจก็จัดการเอาหลักฐานที่มียื่นให้ลูกหว้าตรวจสอบ เจ้าของใบหน้าเรียวใสก็จ้องมองหลักฐานพวกนั้นด้วยความพูดไม่ออก เพราะมันเป็นเรื่องจริง และจำนวนยอดก็เกือบสองแสนเลยก็ว่าได้รวมทั้งสามคน “ตกลงว่าไง” ธัญญาถาม ทำให้ร่างบางจำต้องค่อย ๆ หันไปก้มหน้าตอบกลับ “ค่ะ” สิ้นเสียงหวานเอ่ย ทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบชั่วครู่ พร้อมกับสีหน้าไม่สู้ดีของยุพินที่เกรงกลัวเจ้านายและหน้าที่การงานของตัวเอง ด้านลูกหว้าเองที่เห็นยายตัวเองดูเป็นกังวลชัดเจน ถึงตัวเองจะกังวลไม่ต่างแต่ก็ค่อย ๆ เคลื่อนมือเข้าไปจับสัมผัสมือยายเพื่อเป็นการให้กำลังใจและเคียงข้าง “หลักฐานก็ให้ดูแล้ว ตกลงว่าจะเอายังไง” สมใจมองหน้าถามสองยายหลานท่าทีไม่ยอมจบลงง่าย ๆ นงฤดีที่เห็นแบบนั้นจึงเอ่ย “คุณท่าน เข้าบ้านก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวทางนี้ ดิฉันจะ…” “หนี้มันทั้งหมดเท่าไร” ธัญญาเอ่ยถามสมใจกับหญิงอีกสองคน “รวม ๆ กันแล้วประมาณแสนแปดค่ะคุณนาย” “ฉันจะจ่ายให้” “ค…คะ?” นงฤดีที่ได้ยินหันมอง เช่นเดียวกับทุกคนที่ยืนอยู่ต่างมองไปยังธัญญาสีหน้าตื่นตกใจ ซึ่งหญิงวัยกลางคนตระกูลดังก็ไม่รอช้าที่จะเดินเข้าไปจัดการหยิบเช็คที่มีจัดการเซ็นยื่นให้กับสามคนที่ยืนอยู่ “แค่นี้ก็คือจบแล้วใช่ไหม” ธัญญาถาม ขณะที่สมใจนั้นยังคงยืนตกตะลึงกับความอยู่ ๆ ก็ง่ายขึ้นมา แต่เมื่อได้สติ “ค่ะ ถ้าจัดการง่ายแบบนี้ตั้งแต่แรก ก็จบแล้ว” สมใจบอก “ถ้างั้นก็อย่ามาสร้างปัญหาที่นี่อีก” “ค่ะ ถ้าเช็คไม่มีปัญหาอะไร ก็ไม่มาอยู่แล้ว” พูดจบ สามคนที่ได้เงินคืนแล้วก็เดินตรงไปยังรถของตัวเองด้วยท่าทีอารมณ์ดี ยุพินที่เห็นแบบนั้นก็แทบก้มกราบเจ้านายตัวเองด้วยความรู้สึกอยากขอโทษสำหรับเรื่องวุ่นวาย ทว่ายังไม่ทันที่จะได้ทำอะไร “ไปคุยกับฉันที่ห้อง” ธัญญาก็เอ่ยออกมาด้วยสีหน้าเรียบนิ่งปกติพร้อมกับเดินกลับขึ้นรถหรูไปภายในบ้านหลังใหญ่ของตัวเอง “หึ สร้างแต่ปัญหา คุณท่านไม่เอาไว้แน่” นงฤดีบอกหญิงสูงวัยด้วยความเย้ยหยันกับสิ่งที่เกิดขึ้น ขณะที่ยุพินเองก็รู้สึกเป็นกังวลขั้นสุด โดยมีลูกหว้าที่คอยอยู่เคียงข้างยายตัวเองอยู่ไม่ห่าง “ไม่เป็นไรนะยาย ไปกัน” เรียวปากสีหวานบอกยายของตัวเองพร้อมกับทั้งสองที่พากันเดินตรงไปภายในบ้านหลังใหญ่ ซึ่งทันทีที่เดินเข้าไป ร่างของธัญญาก็เดินนำเข้าไปภายในห้องทำงานหรูประจำของเธอ พรึบ และเมื่อหญิงวัยกลางคนทรงอิทธิพลนั่งลง “คุณท่านคะ ดิฉันขอโทษนะคะ ขอโทษด้วยจริง ๆ” ยุพินไม่รอช้าที่จะนั่งคุกเข่าเอ่ยบอกกับร่างสวยที่นั่งอยู่บนโซฟาราคาแพง ธัญญาก็จ้องมองหญิงสูงวัยนิ่ง “รู้ใช่ไหม ว่าฉันไม่ชอบคนสร้างปัญหา” “มันเกิดจากลูกสาวของดิฉันค่ะ ดิฉันขอโทษนะคะ ดิฉันสัญญาว่าจะไม่ให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก” “ยังมีหนี้ที่ไหนอีกไหม” ธัญญาถาม ทำเอายุพินชะงักไปเล็กน้อย ลูกหว้าที่เห็นจึงตัดสินใจตอบกลับแทน “ยังมีที่บ้านอยู่อีกค่ะ แต่พูดคุยกันแล้ว เราส่งให้พวกเขาอยู่ตลอดทุกเดือน รายนั้นไม่มีปัญหา หรือผลกระทบอะไรมาอย่างแน่นอนค่ะคุณท่าน” “งั้นเหรอ มันเท่าไร” “สะ…สองล้านห้าแสนค่ะ แต่ตอนนี้ยายส่งไปแล้วเหลือสองล้าน…” “ฉันจะจัดการจ่ายที่เหลือให้” ธัญญาเอ่ย ทำเอาสองยายหลานที่ได้ยินเงยหน้าขึ้นมองหญิงวัยกลางคนด้วยความตกใจตะลึง “ฉันไม่ชอบให้คนของฉันมีปัญหามาค้างคาแบบนี้ มีหนี้อยู่ที่ไหนบ้าง ฉันจะจัดการจ่ายแทนให้ทั้งหมด แต่…พวกเธอต้องสัญญาว่าจะไม่มีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นที่หน้าบ้านของฉันอีก” เสียงราบเรียบบอก “คะ…คุณท่าน…” ยุพินเอาแต่เงยหน้ามองเจ้านายตัวเองด้วยความรู้สึกเกรงใจปนตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก เธอคิดว่าตัวเองจะถูกไล่ออกแล้วซะอีก แต่กลับ… “…ค่ะ ดิฉันสัญญาด้วยชีวิตว่าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก ฮึก ขอบคุณนะคะคุณท่าน ขอบคุณที่ให้ความช่วยเหลือ” หญิงสูงวัยยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณเจ้านายผู้มีพระคุณของตัวเองอยู่อย่างนั้น พลางเอ่ย “ขอบคุณที่คุณท่านเมตตา แล้วดิฉันกับหลานจะทยอยคืนให้คุณท่านทั้งหมดเลยนะคะ” ยุพินเอ่ยด้วยความอย่างน้อยก็ได้เป็นหนี้แค่กับเจ้านายของตัวเอง ทว่าธัญญาก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ดวงตาคมของเธอกลับจ้องมองไปยังลูกหว้าที่นั่งอยู่ “ฉันขอคุยกับหลานสาวเธอเพียงลำพังหน่อย” คำพูดของธัญญาทำเอายุพินชะงักไปเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็พยักหน้ารับรู้ค่อย ๆ เดินออกจากห้องไป แต่ก็ไม่วายที่จะมองยังลูกหว้าแววตามีความห่วงใย โดยลูกหว้าเองก็ส่งยิ้มบาง ๆ ตอบกลับยายของตัวเอง กระทั่งประตูห้องทำงานหรูปิดลง “คุณท่านมีอะไรกับหนูเหรอคะ” เสียงหวานถามหญิงตรงหน้าด้วยความสุภาพนอบน้อมเหมือนทุกครั้ง “ปีนี้เธออายุเท่าไร” “ค…คะ? เอ่อ…ยี่สิบปีแล้วค่ะ” “ไม่คิดเรื่องเรียนบ้างเหรอ” “…” ลูกหว้าก็ชะงักก้มหน้างุดไม่รู้จะตอบกลับยังไง “ไปหยิบเอกสารบนโต๊ะทำงานฉันมาที เอกสารที่เขียนไว้ว่า ข้อสอบ” สิ้นเสียงธัญญาเอ่ย ร่างเล็กก็เดินไปหยิบมาอย่างว่าง่าย ก่อนที่ธัญญาจะบอก “ทำให้ฉันดู” “คะ?” “ทำสิบข้อแรกให้ฉันดู” สิ้นเสียงหญิงวัยกลางคนเอ่ย ลูกหว้าก็นั่งตั้งใจทำแบบข้อสอบที่อยู่ตรงหน้าไป แต่ด้วยความที่ห่างจากการเรียนมาพอสมควรก็ทำให้มีความติดขัดอยู่บ้าง แต่โดยรวมแล้ว… “ไม่ได้เรียนหนึ่งปี ก็ยังทำข้อสอบใช้ได้อยู่นี่…” อธิการบดีที่นั่งอยู่เอ่ยขึ้นหลังจากตรวจสอบ เธอพอรับรู้ได้ถึงความหัวไวและมีความรู้ของเด็กสาวตรงหน้า ก่อนจะจ้องมองเข้าไปในนัยน์ตาสีหวาน “ไม่คิดอยากเรียนต่อบ้างเหรอ เหมือนยายเธอจะอยากให้เธอเรียนนะ” “…” ลูกหว้าก็เงียบเผลอเม้มปากแน่น “ถ้าอยากเรียน ฉันจะจัดการส่งเสียให้เอง รวมถึงหนี้ทั้งหมดก็ไม่ต้องมาใช้คืนให้ฉัน” คำพูดจากเรียวปากได้รูปสวยนั้นทำเอาลูกหว้าเงยหน้าขึ้นมองยังคุณท่านของบ้านในทันที ทว่า… “แต่มีข้อแม้อยู่เรื่องหนึ่ง ที่เธอ…จะต้องทำ” “ขะ…ข้อแม้เหรอคะ” “อืม นอนกับอีริค” “ค…คะ?” “คอยอยู่เป็นที่ระบายอารมณ์ความต้องการให้กับเขา คอยดูแล แล้วก็อย่าให้ใครรู้” “…” ลูกหว้าที่ได้ยินข้อเสนอก็ชะงักอึ้งแสดงสีหน้าออกมาไม่ถูก ธัญญาที่เห็นก็จ้องมองยังใบหน้าเรียวได้รูปนั้นนิ่ง ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา เธอพอจะรับรู้ได้ถึงความไม่ทะเยอทะยานจนเกินไปของลูกหว้า หญิงสาวที่ดูน่าจะเป็นคนที่เชื่อฟังและว่าง่าย… คนที่เหมาะที่จะมาเป็นคนที่คอยดูแลและคอยเป็นที่ระบายอารมณ์ให้กับลูกชายของเธอ และถ้าวันหนึ่งอีริคเบื่อ เดี๋ยวเขาก็จัดการทิ้งไปเอง เธอรู้จักนิสัยของลูกชายตัวเอง โดยในตอนนี้ที่อีริคกำลังจะเรียนจบ ช่วงเวลาที่สำคัญในทุก ๆ ช่วงของเขา ไม่ควรที่จะมีเรื่องเสื่อมเสียเข้ามา ดังนั้น…การหาของบำเรอให้เขา เป็นสิ่งหนึ่งที่สมควร ยิ่งถ้าเป็นเด็กที่รู้บุญคุณคนแล้วนั้น…มันจะยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ “เธอเก็บไปตัดสินใจก่อนก็ได้ แล้วมาให้คำตอบฉันก่อนสิ้นเดือน แค่สิ้นเดือนนี้” พูดจบ ธัญญาก็ลุกขึ้นจากโซฟาที่นั่งสาวเท้าเดินตรงไปยังโต๊ะทำงานของตัวเองด้วยท่าทีปกติ ผิดกับลูกหว้าที่ยังคงเอาแต่นั่งนิ่งอยู่ที่เดิมด้วยความยังคงตกใจอย่างบอกไม่ถูกกับข้อเสนอที่ได้รับ…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD