โดยหลังจากที่ได้สติ ร่างบางก็ค่อย ๆ ลุกเดินออกจากห้องทำงานหรู ซึ่งทันทีที่ลูกหว้าเดินออกไป
“หว้า คุณท่านว่ายังไง” ยุพินถามหลานด้วยโทนเสียงเต็มไปด้วยความอยากรู้ปนห่วงใย ลูกหว้าที่ได้ยินแบบนั้นจึงยกยิ้มบาง ๆ ตอบกลับยายตัวเอง
“ไม่มีอะไรหรอก คุณท่านแค่ถามอะไรนิดหน่อย ไม่ได้ว่าอะไรเลยยาย เรากลับห้องกันเถอะ” ว่าแล้ว คนตัวเล็กก็ยิ้มพาร่างยายตัวเองเดินกลับไปยังบริเวณห้องพัก ทว่าทันทีที่เดินไปถึง
พรึบ!
เสียงเดือนดาวที่กำลังถือกระเป๋าอยู่โยนใส่ลูกหว้าด้วยท่าทีดูสะใจ
“เก็บของซะสิ แล้วก็รีบออกไป”
“ออกไป? …พี่หมายถึงอะไรเหรอคะ”
“ก็แกสองคนยายหลาน โดนคุณท่านไล่ออกแล้วสินะ” เดือนดาวพูดด้วยสีหน้าดูเย้ยหยันขั้นสุด ต่างจากลูกหว้าที่นิ่ง
“เราไม่ได้โดนคุณท่านไล่ออกนะคะ”
“หึ อย่ามาสะตอ!”
“จริง ๆ ค่ะ เรา…ไม่ได้โดนคุณท่านไล่ออก” ลูกหว้ายืนยันในสิ่งที่ตัวเองพูด ทำเอาเดือนดาวชะงักก่อนจะหันไปมองแม่ของตัวเองที่กำลังสาวเท้าเดินเข้ามา
“แม่! พวกมันโดนไล่ออกแล้วใช่ไหม”
“…” นงฤดีก็เงียบพลางหันมองสองยายหลานที่ยืนอยู่ หลังจากที่ลูกหว้าเดินออกมาจากห้องทำงานธัญญา นงฤดีก็ไม่รอช้าที่จะเดินเข้าไปหมายจะได้ยินคำสั่งการไล่ออก ทว่ากลับผิดคาด ไม่มีคำสั่งใด ๆ มาจากธัญญาเลยแม้แต่น้อย
“แม่!”
“กลับห้องได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นไปตลาดแต่เช้า” พูดจบ นงฤดีก็สาวเท้าเดินตรงไปยังห้องพักของตัวเอง เดือนดาวที่เห็นแบบนั้นก็รู้สึกหงุดหงิดใจเป็นอย่างมากแต่ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ นอกจากเดินฟึดฟัดออกไปด้วยความโมโห
“เข้าห้องกันนะยาย” เสียงลูกหว้าบอกยุพินพร้อมกับร่างทั้งสองที่จะพากันตรงเข้าไปด้านใน
“ไม่มีอะไรแน่ใช่ไหม” หญิงสูงวัยมองหน้าถามหลานสาวของตัวเอง
“ไม่มีอะไรน่าห่วงจริง ๆ ค่ะ” ลูกหว้าตอบกลับด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ก่อนจะเอาแต่จ้องมองยังใบหน้าของยายตัวเองอยู่อย่างนั้น
“ยาย…”
“หือ?”
“อยากให้หว้าเรียนต่อเหรอ” คำถามจากเรียวปากสีหวานทำเอาคนที่ได้ยินชะงักมอง
“อืม ใช่”
“ทำไมล่ะ ทำไมยาย…ถึงอยากให้หว้าเรียนต่อ”
“เพราะมันคือความฝันของแกไม่ใช่หรือ…” ยุพินเอ่ยด้วยความรู้ว่าหลานนั้นตั้งใจเล่าเรียนมาอยู่เสมอ เธอมีความฝันอยากที่จะเรียนให้จบปริญญาให้ได้ ทว่าเส้นทางของลูกหว้านั้น…มันไม่ได้ง่ายเอาซะเลยจากพฤติกรรมต่าง ๆ ของมัทนา
“…ยายรู้ว่าหว้ามีความฝันอยากใส่ชุดเรียนจบให้ยายให้แม่ได้เห็น หว้าเป็นเด็กดี แล้วก็เรียนเก่ง เวลาไปโรงเรียนจะถูกครูพูดชมอยู่ตลอด ไหนจะลายมือที่เคยได้รับรางวัลนักเรียนลายมือสวยมาอีก ยายรู้ว่าหว้ามีความสุขทุกครั้งที่ได้เล่าเรียน มันเป็นความฝันของหว้าที่มาจากความฝันของยาย…” หญิงสูงวัยพูดพลางยกมือขึ้นลูบเข้าที่หัวเล็กของหลานสาว
“…ยายอยากให้หว้าเรียนจบสูง ๆ จะได้ไม่ต้องลำบาก ไม่ต้องมาเป็นคนรับใช้ มาใช้ชีวิตแบบยาย แต่สุดท้าย มัทมันก็ใจร้ายกับหลานยายอยู่ดี…จนวินาทีสุดท้ายของชีวิต” คำพูดของยุพินทำเอาลูกหว้าที่ได้ยินอดไม่ได้ที่จะมองยายน้ำตาคลอ ความคิดไม่ตกยิ่งเกิดขึ้นอยู่ในหัวของร่างเล็ก
ข้อเสนอที่อาจจะเปลี่ยนชีวิตของเธอได้…
“ไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ต้องไปตลาดกับเขาแต่เช้าไม่ใช่รึ” เสียงยุพินบอกหลานของตัวเอง ก่อนที่ลูกหว้าจะพยักหน้ารับรู้เดินไปอาบน้ำตามที่คนเป็นยายบอก พร้อมกับความคิดมากมายที่ยังคงถาโถมเข้ามา
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป…
“ฟู่ว…” ร่างเล็กที่กำลังนั่งถางหญ้าอยู่พ่นลมถอนหายใจออกมากับข้อเสนอจากธัญญาที่ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเธออยู่ตลอด เธอยังคงคิดไม่ตก…จนกระทั่ง
“อ๊ะ!!” เสียงร้องคุ้นเคยของใครบางคนดังขึ้นมาจากบริเวณในครัว ทำให้ลูกหว้าที่ได้ยินรีบลุกขึ้นวิ่งตรงเข้าไปด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะเห็นภาพของของยุพินกำลังถูไถอยู่ที่แขนตัวเอง ความแดงเถือกนั้นทำเอาลูกหว้าใจไม่ดี
“ยาย…” เธอรีบวิ่งเข้าไปดูยายตัวเองด้วยความรวดเร็ว ขณะที่นงฤดีนั้นไม่รอช้าที่จะต่อว่ายุพิน
“ฉันบอกแล้วไงว่าให้ยกระวัง ๆ โง่หรือไง! เห็นไหม เสียข้าวเสียของหมด…แก่แล้วทำงานก็ไม่ได้เรื่อง น่ารำคาญจริง ๆ ดูสิ ข้าวต้มของพวกคุณท่าน แกนี่มัน! โอ๊ย ไม่รู้จะหาคำไหนมาด่า รีบ ๆ ออกไปให้พ้นหน้าฉันเลย ไป!! แล้วพวกค่าเสียหายทั้งหมด ฉันจะหักจากเงินเดือนของแก!!” นงฤดีที่เป็นคนให้ยุพินยกหม้อข้าวต้มจนเกิดอุบัติเหตุยังคงพูดจาด่าทอใส่หญิงสูงวัยไม่หยุด ขณะที่ยุพินก็ได้แต่ก้มหน้ากล่าวขอโทษ
“ขะ…ขอโทษค่ะ…” ลูกหว้าที่เห็นก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก
“ยาย ไปล้างแผลก่อนเถอะ มันเริ่มแดงมากแล้ว”
“รีบ ๆ ออกไปสักที อีพวกตัวปัญหา!” เดือนดาวที่เดินเข้ามาสมทบบอก ทำให้ลูกหว้าค่อย ๆ พยุงยายตัวเองพาเดินออกจากห้องครัวตรงไปยังบริเวณห้องน้ำเพื่อทำการเอาน้ำเย็นลูบเข้าที่แผลโดนข้าวต้มร้อน
“แสบมากไหมยาย” ลูกหว้ามองหน้าถามยายตัวเอง
“ไม่เท่าไรหรอก” ยุพินยิ้มบาง ๆ ตอบกลับหลาน ก่อนที่ลูกหว้าจะพายายตัวเองเข้ามานั่งพักภายในห้องพักของเธอและยาย ดวงตากลมโตเอาแต่จ้องมองรอยแดงที่แขนยายตัวเองด้วยความรู้สึกจุกจนแทบพูดไม่ออก เธอรู้สึกสงสารยายของตัวเองเป็นอย่างมากที่จะต้องพบเจอกับสถานการณ์แบบนี้อยู่บ่อยครั้ง…
บางครั้งยายเธอไม่ได้ทำผิดอะไรด้วยซ้ำ แต่ถ้านงฤดีอารมณ์ไม่ดีหรืออะไรขึ้นมา
เธอก็จะสามารถหาเรื่องพูดจาไม่ดีใส่ยุพิน ทั้งด่าทอต่อว่า บางครั้งก็ใช้ให้ทำงานอะไรที่เกินกว่าคนอายุเท่านี้จะทำได้
แน่นอนว่ายุพินนั้นก็อยู่ในสถานการณ์ที่ยากจะปฏิเสธได้
นั่นจึงทำให้ลูกหว้าที่รับรู้ยิ่งรู้สึกเจ็บปวด เพราะมันทำให้เธอคิดย้อนกลับไปว่า ยายเธอทำงานที่นี่มานานเท่าไร แล้วจะต้องพบเจอกับเรื่องพวกนี้มานานเท่าไรแล้ว…
“เป็นอะไรไป ทำไมเงียบ” ยุพินมองหน้าถามหลานสาวที่เอาแต่นั่งจ้องหน้าของเธอ ลูกหว้าที่ได้ยินจึงเอ่ย
“ยาย…”
“ว่าไง”
“หว้าจะเรียนต่อ”
“หืม?” หญิงสูงวัยชะงักมองยังใบหน้าเรียวใสของหลานตัวเอง ขณะที่ลูกหว้าตัดสินใจดีแล้ว
บางทีการรับข้อเสนอจากธัญญาอาจจะสามารถเปลี่ยนชีวิตของเธอกับยายก็ได้
หากเธอได้เรียนจบมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังขนาดนั้น…
เธอจะต้องมีหน้าที่การงานที่ดี ที่จะสามารถพายายออกไปจากที่นี่เพื่อไปคอยดูแลและอยู่ด้วยกันเป็นอย่างดีก็ได้
เพียงแค่ยายของเธอจะไม่ต้องพบเจออะไรแบบนี้อีกแล้ว
“จริง ๆ วันนั้นคุณท่านยื่นข้อเสนอบางอย่างมาให้หว้า”
“ข้อเสนองั้นหรือ?”
“อืม ท่านบอกว่า จะส่งเสียหว้าเรียนให้เอง รวมถึงเราไม่ต้องใช้หนี้ให้ท่านแม้แต่บาทเดียว เพียงแต่ว่า…หว้าจะต้องไปคอยดูแลคุณชายอีริค”
“จริงหรือ ท่านจะ…ส่งเสียหว้าเรียนจริง ๆ หรือ” ยุพินถามด้วยความรู้สึกดีใจปนตื้นตัน แน่นอนว่าลูกหว้าเองก็ไม่กล้าพอที่จะบอกข้อเสนอที่รับมาทั้งหมดให้ยายตัวเองได้รู้
“จริง ๆ” คนตัวเล็กยิ้มตอบกลับ ทำเอารอยยิ้มดีใจสุด ๆ นั้นฉายขึ้นมาบนใบหน้าของหญิงสูงวัย
“คุณท่านช่างใจดีจริง ๆ หว้า…เรียนนะ หว้าไปเรียนต่อนะ โอกาสมาถึงแล้ว อย่าทำให้คุณท่านแล้วก็หว้าเองต้องผิดหวัง” ยุพินบอกด้วยรอยยิ้มน้ำตาคลอ ลูกหว้าที่เห็นถึงความดีใจจนไม่อาจกลั้นเอาไว้ได้ของยายตัวเองก็ยิ่งรู้สึกหนักแน่นในการตัดสินใจ
เธอ…ตัดสินใจแล้ว
หลังจากที่พูดคุยกับยายของตัวเองเสร็จ สองเท้าเล็กก็ไม่รอช้าที่จะค่อย ๆ เดินตรงเข้าไปภายในบ้านหลังใหญ่ด้วยท่าทีนอบน้อมทว่าแววตาก็มีความหมายมั่นอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
“คะ…คุณท่านคะ…” เสียงหวานเอ่ยเรียกหญิงวัยกลางคนที่กำลังเดินเข้ามาด้วยโทนเสียงสุภาพมีความเกรงขามเหมือนทุกครั้ง ท่าทีนอบน้อมนั้นแสดงออกมาต่อผู้ใหญ่อยู่ตลอด ธัญญาที่เห็นก็จ้องมองร่างบางที่เดินเข้ามานิ่ง
“มีอะไร”
“เรื่องข้อเสนอของคุณท่าน…” ลูกหว้าเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะค่อย ๆ เงยหน้าสบสายตากับผู้มีพระคุณตรงหน้า
“…หนูทำค่ะ หนู…จะทำค่ะ”