ตอนที่ 3 เลิกกันเถอะ
รถยุโรปคันหรูขับเลี้ยวเข้ามาจอดในรั้วบ้านหลังใหญ่รายล้อมด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ที่เจ้าของบ้านชื่นชมนิยมนำมาปลูกเวลาว่าง ชายร่างสูงใหญ่ท่าทางน่าเกรงขามละมือจากพรวนที่กำลังพรวนดินเตรียมสำหรับลงไม้ดอกที่เพิ่งให้คนไปซื้อมาจากตลาดต้นไม้ หันมารถคันหรูของลูกชาย ใบหน้าคร้ามแดดปรากฏรอยยิ้มขึ้นด้วยความดีใจ
“ทำไรอยู่ครับพ่อ”
“ต้นแก้วน่ะ พ่อว่าจะลงเพิ่ม แม่เขาชอบ”
“ดีเลยครับ ให้ผมช่วยไหม”
“หึหึ ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวเสื้อผ้าดีๆจะเลอะหมด เรานั่นล่ะเข้าไปในบ้านเถอะ แม่เขามีไรจะอวดเราอยู่น่ะ”
“อวดเหรอครับ”
“อืม เข้าไปเถอะ เดี๋ยวพ่อลงต้นนี้เสร็จจะตามเข้าไป” พลโทพัชระ พยักพเยิดหน้าให้ลูกเดินเข้าไปในบ้านส่วนตัวเองหันกลับไปสนใจพรวนดินต่อ
ภัทรกฤชเดินเข้ามาในตัวบ้านที่มีกลิ่นหอมของอาหารบางอย่างที่คุ้นเคยจึงเดินเลยเข้ามาในครัวซึ่งอยู่บริเวณด้านหลังของบ้าน
“ทำอะไรอยู่ครับแม่ อ้าว...น้องมุก” ร่างระหงในชุดกระโปรงยาวสีฟ้าอ่อนสวมเสื้อยืดสีขาวหันมาส่งยิ้มหวานให้เขา
“ทำแกงเขียวหวานค่ะ เที่ยงนี้ทานขนมจีนเขียวหวานนะคะเชฟ”
“หึหึ ตกลงครับ” ริมฝีปากหยักยกยิ้มอบอุ่นให้กับหญิงสาวที่ดูตั้งอกตั้งใจทำอาหารสุดฝีมือ ในขณะสายตาคมสอดส่ายมองหามารดาตนเอง
“พี่พอร์ชออกไปรอข้างนอกก่อนสิคะ มายืนกดดันมุกแบบนี้ มุกเกร็งนะคะ” หญิงสาวทำทีกระเง้ากระงอดใส่ แสร้งต่อว่าเอ่ยปากไล่เขา ใบหน้าหล่อคมคายผุดรอยยิ้มก่อนจะมายืนชิดด้านหลังเธอ
“หึหึ ตกลงจ้ะงั้นพี่ไปรอข้างนอกนะ...ว่าแต่แม่พี่อยู่ไหนครับ”
“อ๋อคุณน้าบอกว่าจะขึ้นไปเอาของบนห้องน่ะค่ะ เดี๋ยวคงลงมา”
“โอเคจ้ะ งั้นพี่ออกไปรอข้างนอกนะ” ร่างสูงเดินยิ้มกลับออกไปปล่อยให้หญิงสาวได้มีเวลาทำอาหารได้อย่างเต็มที่ส่วนเขาก็เดินเข้ามาในนั่งห้องรับแขกด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มนิดๆมุมปากแทบจะลืมไปจนสนิทใจว่าวันนี้มีนัดกับใครในช่วงเย็น
รัญลดาเลือกเสื้อผ้าให้ตัวเองใส่สำหรับวันนี้ด้วยช่วยชุดเดรสพิมพ์ลายสีชมพูอ่อนยาวถึงพื้น สวมคาร์ดิแกนสีครีม รองเท้าผ้าใบสีขาวสะพายกระเป๋าเดินมารอรถที่เรียกไว้จากแอพพลิเคชั่นดังเพื่อไปยังห้างสรรพสินค้าที่อยู่ไม่ไกลจากคอนโดมากนัก
เธอเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าโรงภาพยนตร์เพื่อที่จะซื้อตั๋วไว้รอล่วงหน้า คิดเอาไว้ว่าถ้าเขามาถึงจะได้ไม่ต้องมาพะวงเดินไปเดินมาอีก ทานข้าวเสร็จแล้วจะได้เดินเข้ามาดูได้เลย
อาทิตย์นี้มีภาพยนตร์เข้าใหม่น่าสนใจอยู่หลายเรื่อง หญิงสาวดูจะตื่นเต้นดีใจอยู่ไม่น้อยเพราะเธอไม่ได้เข้ามาดูหนังในโรงภาพยนตร์นานมากแล้ว ยิ่งเขาเป็นคนเอ่ยปากชวนด้วยตัวเองเธอยิ่งดีใจมีความสุข
รัญลฎาตัดสินใจกดโทรศัพท์หาเขารอสายอยู่นานพอสมควรสุดท้ายก็ถูกเขาตัดสายพร้อมกับส่งข้อความตอบกลับมา
‘พิมพ์มาๆ พี่ไม่สะดวกคุยโทรศัพท์’
“เราจะดูหนังรอบกี่โมงดีคะ บัวกำลังจะซื้อตั๋วหนังไว้ก่อน” เวลาตอนนี้บ่ายสี่โมงครึ่ง กว่าเขาจะเดินทางมาถึง กว่าจะได้ทานข้าวเย็นด้วยกัน
‘แล้วแต่บัวเลย’
“พี่จะเสร็จธุระกี่โมงละคะ บัวจะได้คำนวณเวลา”
‘ห้าโมงกว่า’
หญิงสาวก้มอ่านข้อความแล้วยิ้มออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ ส่งสติกเกอร์หมีกอดไปให้เขา
เห็นเขาอ่านแต่ไม่ตอบกลับเหมือนเช่นทุกครั้ง เธอถอนหายใจออกมาเบาๆใบหน้ายังเปื้อนรอยยิ้ม เดินตรงไปยังตู้กดบัตรอัตโนมัติที่เราสามารถเลือกดูรอบและเวลาที่ต้องการคือหนึ่งทุ่มยี่สิบห้านาที แล้วกดซื้อผ่านทางนี้ได้เลยโดยไม่ต้องไปต่อแถว
บรรยากาศภายในบ้านอิทธิธนนกุลเต็มไปด้วยความอบอุ่นชื่นมื่น บนโต๊ะอาหารมีเมนูง่ายๆพื้นๆแต่กลับดูพิเศษเพราะเป็นฝีมือจาก มุกรดาอดีตคนรักของลูกชาย ที่วันนี้ตั้งใจมาทำเมนูแกงเขียนหวานปลากรายให้ทาน พร้อมกับขนมจีนเส้นสดที่ลงมือทำตั้งแต่ช่วงบ่าย ชายหนุ่มนั่งยิ้ม มองอาหารตรงหน้าด้วยความพอใจ
“ลองชิมหน่อยสิคะพี่พอร์ช ไม่รู้ว่ารสชาติพอได้ไหม”
“ได้สิจ๊ะ เมื้อกี้แม่ลองชิมรสชาติกำลังดีเลย” คุณหญิงชมเปาะอย่างชอบใจ ในขณะที่ท่านนายพลพัชระได้แต่ส่ายหัวไปมา ทว่าใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ชายหนุ่มตักน้ำแกงจากในชามใส่ช้อนตัวเอง ก่อนจะแตะที่ปลายลิ้นเล็กน้อย ระหว่างคิ้วย่นกัน สีหน้าครุ่นคิดพลอยทำให้คนในโต๊ะลุ้นไปด้วย
“ว่าไงตาพอร์ช อย่าลีลาได้ไหม แม่รำคาญ”
“ครับ รสชาติดีจริงๆด้วย สงสัยมื้อนี้น้ำหนักผมต้องขึ้นแน่ๆ”
“พูดเว่อไปแล้วค่ะพี่พอร์ช ฝีมือมุกอย่างห่างไกลจากเชฟโรงแรมดังอย่างพี่แน่ๆ”
“หึหึ” ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆในลำคอ ก่อนจะหยิบแก้มน้ำขึ้นจิบ ระหว่างนั้นโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นครั้ง พลอยทำให้ทุกสายในโต๊ะอาหารต่างจ้องมองเขาเป็นตาเดียว
“งานน่ะครับ แต่ไม่มีอะไรด่วนหรอก” เขาหันไปบอกทุกคน ก่อนตัดสินใจปิดเสียงโทรศัพท์