ตอนที่ 1 โง่จริงๆรัญลฎา

2498 Words
ตอนที่ 1 โง่จริงๆรัญลฎา สายฝนที่เริ่มโปรยปรายลงอย่างหนักตั้งแต่ห้าโมงเย็น ทำให้การจราจรติดขัดหนักกว่าปกติเล็กน้อยกลุ่มเพื่อนที่นัดกันมาสังสรรค์ตั้งแต่ช่วงเย็นเริ่มทยอยกันเดินเข้ามาในร้าน ภัทรกฤชหรือเชฟพอร์ชทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพเหมาโซนพิเศษนี้ไว้รอต้อนรับเพื่อนๆสมัยเรียนมหาวิทยาลัยที่ไม่ได้เจอกันนานร่วมปี ชายหนุ่มใช้สิทธิพิเศษในการเป็นหุ้นส่วนร้านอาหารชื่อดังจองโซนวีไอพีไว้รอต้อนรับเพื่อนๆที่เริ่มทยอยกันเข้ามาในร้าน พร้อมกับอาหารที่จัดวางไว้อย่างเรียบร้อยพร้อมทาน โดยไม่ต้องเสียเวลาสั่ง แต่ถ้าหากอยากจะทานอะไรพิเศษเพิ่มก็สามารถสั่งได้ในตอนหลัง ธาราเพื่อนสนิทของเขาเดินควงแฟนสาวที่คบหากันมานาน และตัวเขาเองก็เองก็รู้จักมักคุ้นสนิทสนมกับอีกฝ่ายพอสมควร เพราะเป็นเพื่อนสนิทของมุกรดา อดีตคนรักของเขาที่เลิกรากันไปเกือบสี่ปีเต็ม ร่างสูงยืนมองเพื่อนสนิทที่ควงแฟนสาวเข้ามา ริมฝีปากหยักหนายกยิ้มบางๆก่อนจะค่อยๆเลือนหายไปเมื่อได้เห็นใครบางคนไม่ได้พบเจอกันมาเนิ่นนาน เดินตามหลังแฟนสาวของธาราเข้ามาด้วยรอยยิ้มหวานละมุนน่ามองจนสะกดสายตาเขาให้อยู่ที่เธอคนนั้นนานหลายนาที “อ้าวเห้ย!! ไอ้พอร์ช อึ้งไปเลยเหรอวะ” ธาราหัวเราะร่วน เอ่ยเย้าเพื่อนสนิทด้วยความขับขัน ยิ่งเห็นสีหน้าท่าทางของอีกฝ่ายยืนอ้าปากค้าง นิ่งอึ้งราวกับถูกผีหลอกกลางห้องอาหารหรูชื่อดังอย่างไรอย่างนั้น “คิกคิก พี่พอร์ชคะ...พี่พอร์ช” แคทแฟนสาวของธารา ร้องเรียกซ้ำพร้อมกับท่าทีขบขัน หัวเราะคิกคักด้วยความชอบใจกับการเซอร์ไพรส์ที่เธอเตรียมมาให้กับเพื่อนสนิทของแฟนหนุ่ม “อะ...เอ่อครับ...ว่าไงนะน้องแคท” “เปล่าค่ะ แคทแค่เรียกพี่พอร์ชเฉยๆ” หญิงสาวว่าพลางยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะออกมาเบาๆอย่างมีจริต “เอ่อ...มุก กลับมาไทยนานแล้วเหรอ” หลายนาทีกว่าที่เชฟหนุ่มจะหาเสียงตัวเองเจอเอ่ยถามหญิงสาวอีกคนที่ยืนยิ้มหวานมองเขาอยู่เช่นกัน “ค่ะ กลับมาได้สักพักแล้วค่ะพี่พอร์ช....พี่พอร์ชสบายดีนะคะ” “ครับ...สบายดี มุกล่ะสบายดีไหม” “สบายดีค่ะ” “หึหึ พอๆมัวแต่ถามกันอยู่นั่น ไปนั่งคุยกันดีกว่า อ้าวเห้ยไอ้น็อตมึงมาแล้วเหรอวะ” ธาราเอ่ยแทรกคนทั้งคู่ด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม ก่อนจะหันไปทักทายเพื่อนคนอื่นๆที่มาถึงกันก่อนหน้านี้แล้ว เสียงทักทายพูดคุยดังขรม กับบรรยากาศที่ดูคึกคักขึ้นมาทันทีเมื่อธารามาถึง โดยไม่ลืมโอบเอวคนรักให้เดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะ ทิ้งมุกรดาให้ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น จนหล่อนวางสีหน้าไม่ถูก เพราะงานในวันนี้เธอแทบไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วยเลยซ้ำ เป็นงานเลี้ยงรุ่นพบปะสังสรรค์กลุ่มเพื่อนของธารา เธอเพียงแค่ถูกเพื่อนสนิทมัดมือชก อยู่ๆขับรถไปรับที่บ้านให้มาด้วย บอกเพียงว่ามารับประทานอาหารมื้อเย็นด้วยกันเพราะไม่ได้เจอกันนานแล้ว เธอจึงไม่ได้อิดออดหรือคิดมากอะไร แต่ก็ไม่นึกว่าร้านที่เพื่อนเธอบอกจะเป็นร้านอาหารของอดีตแฟนเก่าเธอเอง และยังเป็นงานรวมรุ่นที่มีเพื่อนฝูงเขามามากมายอีกต่างหาก “ไปนั่งก่อนไหม เดี๋ยวพี่สั่งอะไรให้ทาน” กว่าเขาจะหาเสียงตัวเองเจออีกครั้งก็นานหลายนาที สายตาที่จ้องมองใบหน้าของหญิงสาวอดีตคนรักเป็นประกายแวววาวขึ้นจนคนถูกมองแสร้งหันมองทางอื่นด้วยความเก้อเขินที่ถูกอีกฝ่ายจ้องมองสายตาไม่ลดละ “ค่ะ” ร่างสูงพาหญิงสาวมานั่งเก้าอี้อีกด้านของโต๊ะยาวที่ห่างไกลจากกลุ่มเพื่อนสนิทปากมากของเขาเล็กน้อย เพราะรู้ว่าเธอไม่ชอบเสียงดังและความวุ่นวายแต่ยังไม่วายเจอสายตาล้อเลียนที่ทุกคนใช้มองแต่เขาก็แสร้งทำเมิน สั่งอาหารและเครื่องดื่มแยกเข้ามาเพิ่ม ล้วนแล้วแต่เป็นเมนูโปรดที่เธอชอบทั้งสิ้น “ขอบคุณนะคะ...ที่จำได้ว่ามุกชอบอะไร” “จำได้สิ พี่ไม่เคยลืม” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยอย่างอ่อนโยน แววตาสีนิลคู่นั้นแฝงความนัยบางอย่างที่ทำให้อีกฝ่ายต้องก้มหน้าลง ตักอาหารทานแก้อาการประหม่า เชฟหนุ่มคนดังนั่งจ้องมองอดีตคนรักแววตาทอประกายสดใส ตื่นเต้นดีใจ ที่ได้เจอกับอดีตคนรักที่เขาคิดถึงและไม่เคยลืมเลือนเธอได้เลยตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทั้งสองพูดคุยถามไถ่กันไปมา ในขณะที่เพื่อนรอบข้างเริ่มลุกเดินตั้งใจอ้อมมาหาเพื่อมาแซว หยอกล้อกันแต่ก็ไม่ได้วุ่นวายอะไรมากนัก เพราะอยากปล่อยเวลาให้คนทั้งคู่ได้มีโอกาสพูดคุยกันหลังจากที่ไม่เจอกันนาน “พี่พอร์ชคะ” “ครับ” ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นสูงหันมองหน้าคนรักของเพื่อนแววตาเป็นเชิงคำถาม หลังจากอีกฝ่ายที่เพิ่งควงเพื่อนเขาให้ลุกย้ายเดินมานั่งฝั่งเดียวกันกับเขาและมุกรดา “ตอนนี้พี่พอร์ชโสดหรือเปล่าคะ” คำถามทีเล่นทีจริง แววตาหยั่งเชิงทำให้ภัทรกฤชนิ่งไปทันที ก่อนจะเหลือบสายตามองหน้าหญิงสาวอดีตคนรัก สีหน้าเงียบขรึมขึ้นพลอยทำให้ทั้งธาราและแฟนสาว รวมไปถึงมุกรดาแทบจะกลั้นหายใจ รอฟังคำตอบออกจากปากของเขา “อือ โสด” “อิอิ นั่นไงแคทว่าแล้ว ว่าพี่พอร์ชยังโสดอยู่” แคทเอ่ยด้วยรอยยิ้มน้ำเสียงสดใส ก่อนจะหันไปสบตาแฟนหนุ่ม เพราะในใจนั้นลุ้นอยากให้เพื่อนสนิททั้งสองคนได้กลับมาคืนดีและคบหากันดังเดิม เมื่อได้ยินคำตอบเช่นนี้ยิ่งรู้สึกยินดีมากขึ้น ในขณะที่มุกรดานั้นเมื่อได้ยินว่าเขายังโสดก็ไม่ได้พูดหรือสีหน้าอะไรนอกจากนิ่งเฉยไปแค่นั้น แสร้งตักอาหารทานใส่ปาก ไม่ยอมเงยหน้าสบตาชายหนุ่มอดีตคนรัก “ข้างนอกฝนตกหนักเลยนะ” บทสนทนาเรื่อยเปื่อยดำเนินมาได้ระยะหนึ่ง ธาราที่เหลือบสายตามองออกไปด้านนอกหน้าต่างเปรยออกมาเบาๆ มองเห็นสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาอย่างหนักร่วมชั่วโมงด้วยสีหน้ากังวล “นั่นสิ รถติดน่าดู นี่จะสองทุ่มแล้วด้วย” แคทเอ่ยสำทับคนรักด้วยความรู้สึกเดียวกัน ฝนตกหนัก น้ำท่วมขัง การจราจรติดขัดทำให้หงุดหงิดพอสมควร เวลาล่วงเลยมาจนดึก ฝนข้างนอกก็ยังโปรยปรายมาไม่ขาดสาย แขกในร้านก็เริ่มพาทยอยกลับ รวมถึงเพื่อนๆของเขาหลายๆคนก็เริ่มแยกย้ายขอตัวกลับกันไปก่อนก็มี “แล้วมุกล่ะกลับยังไง ขับรถมาหรือเปล่า” เชฟหนุ่มเอ่ยถามขณะที่ทั้งสองย้ายมานั่งรวมกันกับคนอื่นๆ เอ่ยเสียงเบาให้ได้ยินกันแค่สองคน สายตาทอดมองด้วยความห่วงใย “เปล่าค่ะ พี่ธารากับแคทขับรถไปรับมุกมาจากที่ร้าน” “งั้น...เดี๋ยวพี่ไปส่งนะ” ร่างเล็กหันมองสบตาเขานิ่ง ก่อนจะหันไปมองเพื่อนสนิทตัวเองที่นั่งอยู่ตรงข้ามข้างคนรัก โดยที่อีกฝ่ายเองก็หันมาสนใจมองคนทั้งคู่อยู่เกือบตลอดเวลา “อืม....ได้ค่ะ มุกรบกวนพี่พอร์ชด้วยนะคะ” เสียงหวานเอ่ยด้วยความเกรงใจเล็กน้อย “ครับ” ในเวลาเดียวกันร้านอาหารที่กลุ่มของรัญลฎามานั่งรับประทานอาหารพูดคุยเรื่องสัพเพเหระทั่วไปเรื่อยมาจนถึงเวลาที่ร้านใกล้ปิดทำการ ทั้งสามจึงเตรียมตัวที่จะแยกย้ายกันกลับ “แน่ใจนะบัวว่าจะไม่ให้เราไปส่ง ฝนยังตกหนักอยู่เลยแบบนี้ แกจะรอรถคนเดียวได้ยังไง” “ไม่เป็นไรหรอก พี่พอร์ชเขาบอกว่าจะมารับเรา เดี๋ยวเขาคงมาแหละ” “งั้นแกโทรหาเขาเดี๋ยวนี้เลย ว่าตอนนี้เขาอยู่ไหนแล้ว พวกฉันจะได้อยู่รอเป็นเพื่อน” ปั้นแก้มน้ำเสียงติดเหวี่ยงเล็กน้อย ตามปกตินิสัยที่ชอบโวยวาย อีกทั้งยังเริ่มไม่พอใจชายหนุ่มคนรักของเพื่อนที่รับปากว่าจะมารับตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ จนถึงตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยดึกมากแล้ว รถราก็หายากอีกทั้งพายุฝนก็ยังโปรยปรายลงมาอย่างหนักอีก เธอจึงอดเป็นห่วงเพื่อนไม่ได้ หญิงสาวร่างเล็กรับคำในลำคอ หยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากดโทรหาชายหนุ่ม แต่ก็ต้องนิ่วหน้าด้วยความแปลกใจเพราะเขาไม่รับสายเธอเลย “ส่งข้อความอีกสิ” “อืม” หญิงสาวถอนหายใจออกมาเบาๆ เพราะก่อนหน้านี้ที่เธอโลเคชั่นไปหาเขา จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้กดอ่านหรือตอบกลับอะไรเธอมา “พี่เขาว่าจะมารับแกกี่โมง” “สามทุ่มน่ะ” “อืม งั้นคงใกล้มาละรถคงติดแหละ” ไอลดาพยายามปลอบเพื่อนที่เริ่มหน้าเสียลงทุกที ในขณะที่ปั้นแก้มยังคงโวยวายไม่เลิก เริ่มโกรธและไม่พอใจคนรักเพื่อนมากขึ้นเรื่อยๆ “จะบ้าเหรอนี่จะสี่ทุ่มแล้วนะ” “เอาน่า รถมันคงติดแหละ แกก็รู้นี่กรุงเทพน่ะฝนตกรถติดอยู่แล้ว” “อ้าวแล้วทำไมไม่รับโทรศัพท์ล่ะ รับสิจะได้รู้ว่าอยู่ตรงไหน หรือว่าใกล้ถึงหรือยัง” “โอ้ยแกจะโวยวายทำไมล่ะ...พี่เขาอาจจะปิดเสียงไว้เลยไม่ได้ยินก็ได้” “แล้วเอาไง จะทิ้งบัวไว้แบบนี้เหรอ ถนนมันเปลี่ยวนะ” ปั้นแก้มหันมาถาม สีหน้ากังวลและเป็นห่วงเพื่อนชัดเจน “งั้นเดี๋ยวเรารอเป็นเพื่อนดีกว่า” “อย่าเลยลดา เราเกรงใจพี่บีม เขามานั่งรอนานแล้วด้วย แกกับแก้มกลับไปเถอะ เดี๋ยวพี่พอร์ชคงใกล้มาแล้วล่ะ” “เอางั้นเหรอ งั้นฉันกับแก้มจะนั่งรอเป็นเพื่อนแกแปบนึงแล้วกัน” ไอลดากับปั้มแก้มที่ยังคงเป็นห่วงเพื่อนตัดสินใจนั่งรอด้วยกัน แต่ว่ารัญลฎากลับไม่เห็นด้วย “ไม่ต้องหรอก ร้านเขาจะปิดแล้วด้วย ฉันว่าจะไปนั่งรอที่ป้ายรถเมล์ตรงนี้แหละ ไฟก็สว่างดี แถมยังมีคนนั่งอยู่ตลอด คงไม่มีไรหรอก พวกแกกลับกันเถอะ” เมื่อถูกคะยั้นคะยอกอปรกับคำพูดหนักแน่นของรัญลฎาทำให้ทั้งสองที่มีท่าทีลังเล ลำบากใจละล้าละหลังพอสมควร แต่สุดท้ายทั้งสองจึงแยกตัวไปขึ้นรถของบีมแฟนไอลดาที่จอดรถรออยู่นานแล้ว ส่วนรัญลฎาตัดสินใจเดินตากฝนมานั่งรอที่ป้ายรถเมล์แทน เพราะคาดการณ์ว่าอีกไม่นาน เขาก็คงจะขับรถใกล้มาถึงแล้ว บรรยากาศภายในรถคันหรูเย็นฉ่ำด้วยอุณหภูมิรถ กอปรกับสภาพอากาศที่ค่อนข้างเย็นเพราะฝนตกหนัก เขาถึงหันไปหยิบเสื้อแขนยาวที่แขวนอยู่ด้านหลัง มาคลุมให้กับหญิงสาวที่นั่งกอดอก ตัวสั่นเล็กน้อยเพราะโดนละอองฝนระหว่างวิ่งจากตัวร้านขึ้นมานั่งในรถ “ขอบคุณนะคะ” “ครับ” เขาตอบรับสั้นๆด้วยน้ำเสียงโทนอบอุ่น มองเสี้ยวหน้าของอดีตคนรักที่เขาไม่ได้พบเจอมานาน ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความคิดถึง “พี่ดีใจนะที่พี่ได้เจอมุกวันนี้” นัยน์ตาคมจ้องมองสบตาหญิงสาวอดีตคนรักตาเป็นประกาย จนเธอต้องเอียงหน้า เมินหลบตาคู่นั้นที่ทำให้หัวใจเธอสะท้านสั่นไหวขึ้นมา “ค่ะ กลับเถอะนะคะ ดึกมากแล้วมุกอยากกลับบ้านไปอาบน้ำสระผมแล้วค่ะพี่พอร์ช” หญิงสาวแสร้งตัดบท เพราะรู้สึกเก้อเขินหากจะต้องพูดคุยอะไรกับเขามากไปกว่านี้ การไม่ได้เจออดีตคนเคยรักมานาน มันก็แอบทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงเร็วได้อย่างไม่น่าเชื่อ เชฟหนุ่มยกยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะหันไปเปลี่ยนเกียร์รถ เหยียบคันเร่งฝ่าสายฝนไปยังถนนเส้นคุ้นเคย เพราะเมื่อก่อนต้องใช้เส้นนี้รับส่งคนที่อยู่ข้างๆมาโดยตลอด ถนนสี่เลนที่ไม่ใช่ถนนสายหลัก รถราในเวลากลางคืนจึงมีไม่มากนัก ชายหนุ่มขับรถมาเรื่อยๆตามเส้นทางช่วงจังหวะหนึ่งที่หางตาของเขาเหลือบให้เห็นใครบางคนที่คุ้นตากำลังนั่งตากละอองฝนอยู่ใต้หลังคาเล็กๆของป้ายรถเมล์ที่นานๆจะมีรถเมล์ประจำทางขับผ่านมาสักคัน หางคิ้วหนากระตุกวูบ หัวใจเขาแทบหล่นเพราะเขาลืมรัญลฎาไปจนสนิทใจ! ว่าเธอได้โทรมาขอให้เขามารับในเวลาสามทุ่ม แต่ตอนนี้เวลาใกล้ห้าทุ่มแล้ว เธอก็ยังคงนั่งกอดตัวเองเนื้อตัวหนาวสั่นไม่ยอมหารถนั่งกลับไปรอเขาที่คอนโด...เธอนี่โง่จริงๆรัญลฎา! ชายหนุ่มอดรู้สึกหงุดหงิดเล็กๆไม่ได้ เมื่อได้เห็นเธอยังนั่งอยู่ตรงนั้นทั้งที่มันก็ดึกและนานพอสมควรแล้วที่เขาลืมนัดเธอ ในใจนั้นแอบลังเลว่าควรวนรถกลับไปรับตอนนี้ แล้วให้เธอนั่งร่วมทางไปกับเขาและมุกรดา หรือควรไปส่งมุกรดาก่อนดี ระหว่างครุ่นคิดอยู่นั้น ฝีเท้าเขาก็เหยียบคันเร่งมาเรื่อยๆ สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะมาส่งอดีตคนรักก่อน เมื่อรถคันหรูขับมาจอดบริเวณหน้ารั้วบ้านที่คุ้นเคย หญิงสาวที่คราแรกทำทีเร่งเขาเหมือนอยากกลับบ้านเสียเต็มประดากลับดูอิดออดไม่ยอมลงจากรถ จนเขานึกแปลกใจหันมามองสบตาเธอ แววตามีคำถามเล็กน้อย ครั้นมองสบตาเธอนั้นขึ้นอะไรบางอย่างที่มันเรียกร้องอยู่ในส่วนลึกเรียกร้องให้ขยับเข้าหากันเรื่อยๆ มุกรดาระบายยิ้มมุมปากอย่างพึงใจ ก่อนจะเอียงหน้ารับริมฝีปากหนาที่ยื่นมาใกล้จนเกือบประกบแนบชิดกัน ทว่าเขากลับชะงักนิ่งไปด้วยความรู้บางอย่าง ใบหน้าของใครบางคนลอยเข้ามาในความคิดของเขา จึงทำเพียงจุ๊บที่แก้มของหญิงสาวเบาๆ เธอมองหน้าเขาด้วยความแคลงใจแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมานอกจากเพียงยิ้มให้แล้วก้าวลงจากรถไปเท่านั้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD