ตอนที่ 2-1 ไม่เห็นเธอแล้ว

1630 Words
ตอนที่ 2 ไม่เห็นเธอแล้ว สายตาหวาดระแวงคอยมองชายหนุ่มแปลกหน้าสองคนที่ขี่รถมอเตอร์ไซน์เวียนวนไปมาอยู่แถวนี้หลายครั้ง หญิงสาวนั่งกอดกระเป๋าสะพายตัวเองไว้แน่น เวลาห้าทุ่มเช่นนี้สายฝนเริ่มซ่างซาตกลงมาปรอยๆ โทรศัพท์มือถือเธอก็แบตเตอรี่หมดทำให้เธอติดต่อกับคนรักของเธอไม่ได้ ข้อความสุดท้ายที่ทักไปถามเขาว่าอยู่ที่ไหนแล้ว เขาก็ยังไม่อ่าน ขณะที่เธอกำลังนั่งหวาดกลัวอกสั่นขวัญแขวน รถมอเตอร์ไซค์คันนั้นไม่รู้ว่าจอดซุ่มอยู่ตรงไหน รู้ตัวอีกทีก็ถูกชายฉกรรจ์สูงใหญ่สองคนมายืนและนั่งประกบขนาบข้างฝั่งละคน “ลุกขึ้นยืนดีๆ อย่าส่งเสียงกรีดร้องไม่งั้นกูแทงมึงแน่คนสวย” เสียงกระซิบแหบๆดังใกล้หู พร้อมกับแรงกดของวัตถุของมีคมข้างตัว ปลายเหล็กแหลมผ่านเนื้อผ้าสัมผัสผิวเนื้อเจ็บแปลบจนร่างเล็กถึงกับสะดุ้ง หยดน้ำตาเอ่อคลอหน่วยตา ใบหน้าซีดขาวดวงตาสั่นไหวหวาดกลัวจนเนื้อตัวสั่นเทา ร่างเล็กค่อยๆลุกขึ้นยืนตามคำบอกของฝ่าย ในขณะที่สายตาสอดส่ายมองหาช่องทางหนีและใครสักคนให้มาช่วยเหลือ จังหวะนั้นสายตาของเธอเหลือบเห็นใครบางคนเพิ่งเดินออกมาจากร้านสะดวกซื้อที่เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง หัวใจและสมองของเธอครุ่นคิดอย่างหนัก ถ้าเธอไม่หนี เธอก็ต้องตายอยู่ดี คิดได้แบบนั้นหญิงสาวก็หันไปส่งสายตาวิงวอน ต้องการความช่วยเหลือจากเขาที่มองสบตาเธอเข้าพอดีเช่นกัน ชายหนุ่มร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีกรมกางเกงสแล็คสีดำ ในมือถือเครื่องดื่มชูกำลัง สีหน้าแม้จะอิดโรยเล็กน้อย แต่เมื่อได้ดื่มเครื่องดื่มก็เริ่มรู้สึกดีขึ้น สายตาของเขาจ้องมองหญิงสาวท่าทางแปลกๆ ขณะเดินไปกับชายสองคนแต่งกายด้วยชุดเสื้อผ้ามอซอสกปรก ดูขัดนัยน์ตาเกินกว่าจะมาด้วยกันกับผู้หญิงคนนั้น กอปรกับนัยน์ตาเว้าวอนที่จ้องมองมาคล้ายกับกำลังร้องขออะไรบางอย่าง เพียงชั่ววินาทีเขาก็สามารถประเมินสถานการณ์และตัดสินใจได้ทันที “เห้ย! ทำไรอะ จะพาแฟนกูไปไหน” “อะไร ใครแฟนมึง นี่เมียกู!” หนึ่งในสองคนนั้นหันมาเถียง พร้อมกับฉุดแขนเธอไว้ ร่างเล็กที่อยู่ในอาการตระหนกตกใจสุดขีด ส่ายหน้ารัว น้ำตาพรั่งพรูไหลรินอาบแก้ม “มะ...ไม่ใช่น่ะคะ มันมีมีด...” สิ้นคำหญิงสาวก็รู้สึกตัวลอยหวือด้วยแรงกระชาก โดนเหวี่ยงไปอีกด้านจนล้มลงอย่างไม่ทันตั้งตัว ก่อนที่สมองและสติแตกกระเจิงจะรวมรวบกลับมา ก็เห็นภาพของผู้ชายคนนั้นกำลังชกต่อยกับอีกสองคน คราแรกยังแอบหวั่นเพราะอีกฝ่ายมีอาวุธและจำนวนคนที่มากกว่า แต่ไปๆมาๆ เธอกลับเห็นสองคนนั้นล้มไปคนละทิศละทาง สีหน้าเหยเก เพราะโดนทั้งมัดทั้งเข่าจนร่วงนอนกองกับพื้น มีดที่หนึ่งในสองใช้จี้ตัวเธอกระเด็นไปไกล “คุณโทรเรียกตำรวจเลย” ชายหนุ่มที่กำลังรัวหมัดใส่หนึ่งในสองนั้น หันมาตะโกนบอกหญิงสาวที่ยังอยู่ในอาการลนลานตกใจ “มือถือฉันแบตหมดค่ะ” ตอบไปตามที่สมองคิดได้นาทีนั้น ก่อนจะลุกวิ่งเข้าไปในร้านสะดวกซื้อชื่อดังทันทีเพื่อขอให้พนักงานในร้านที่กำลังยืนมองดูเหตุการณ์ด้วยความตกใจ รีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจทันที “น้องๆช่วยโทรเรียกตำรวจทีค่ะ” น้ำเสียงสั่นเครือ หัวใจเต้นถี่แรงด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะรีบวิ่งกลับไปดูสถานการณ์ด้านนอกทุกอย่างก็เหมือนจะสงบลงอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อหนึ่งในสองล้มตัวลงนอนบิดตัวไปมาส่งเสียงโอดครวญ ในขณะที่อีกคนกลับถูกเขาจับมือไพล่หลัง ไว้กดหน้าแนบกับพื้นซีเมนต์ส่งเสียงร้องดังไม่ต่างกัน ไม่นานพลเมืองดีที่สังเกตการณ์อยู่เมื่อครู่ก็มาช่วยจับตัวชายวัยรุ่นทั้งสองระหว่างรอตำรวจมารับตัว รัญลฎาที่พอได้สติ จึงเดินกลับเข้าไปในร้าน ซื้อน้ำดื่มกับผ้าเย็นมายื่นให้กับชายหนุ่มร่างสูงโปร่งหน้าตาดีที่ยืนเท้าเอวหายใจหอบอยู่ตรงนั้น “ขอบคุณนะคะ ถ้าไม่ได้คุณฉันคงแย่” “ไม่เป็นไร ผมเองก็ไม่ชอบอะไรแบบนี้เหมือนกัน” เสียงทุ้มห้าวเอ่ยตอบ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นรับผ้าเย็นกับน้ำเปล่าที่อีกฝ่ายยื่นให้ นัยน์ตาคมจ้องมองดวงหน้าหวานตรงหน้าลมหายใจสะดุดไปเล็กน้อย ก่อนจะแสร้งกระแอมไอออกมาเบาๆ ไม่นานรถตำรวจก็มาถึงสถานที่เกิดเหตุ รัญลฎากับพลเมืองดีคนนั้นจะต้องไปให้ปากคำที่โรงพักซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้มากนัก ท่าทางตระหนกกับท่าทีหันซ้ายแลขวาคล้ายกับกำลังลังเลกังวลอะไรบางอย่างทำให้เขาจำต้องเดินกลับมาถาม “แล้วคุณจะไปสถานีตำรวจยังไง” รัญลฎาหันมองซ้ายทีขวาทีอย่างชั่งใจ ครุ่นคิดลังเล จนป่านนี้แล้วคนรักของเธอก็ยังไม่มารับสักที ครั้นจะไปก็กลัวว่าจะสวนทางกัน แต่เธอจะไม่ไปก็คงไม่ได้ คิดแล้วก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ ในใจนั้นเริ่มเป็นห่วงว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์ไม่ดีกับเขาหรือเปล่า ฝนก็ตก ถนนก็ลื่น “ว่าไงคุณ” “เอ่อ...นั่งแท็กซี่ไปมั่งคะ” “เวลานี้เนี่ยนะ...งั้นคุณนั่งรถไปกับผมแล้วกัน ตกลงไหม” หญิงสาวเจ้าของใบหน้าสวยหวาน ดวงตากลมโตของกะพริบถี่ขณะมองหน้าเขา “ไปเถอะ จะได้จบๆ ผมเพลียมากละอยากกลับไปนอน” เสียงเข้มปนหงุดหงิดเล็กๆเอ่ยบอก พลางโคลงศีรษะสีหน้าที่มองคล้ายระอา ก่อนจะหมุนตัวเดินนำหญิงสาวไปยังรถจิ้ปสีเขียวมะกอก จอดเทียบชิดริมถนนไม่ไกลจากจุดที่เกิดเหตุเมื่อครู่มากนัก ร่างเล็กที่ตอนแรกเหมือนจะลังเลก็รีบเร่งฝีเท้าไปขึ้นรถเขาด้วยท่าทีเกร็งๆเล็กน้อย เพราะต้องมาขึ้นรถคนที่ไม่รู้จักแถมตนเองยังเพิ่งผ่านเหตุการณ์เฉียดตายมาเมื่อครู่ ครั้นจะคิดว่าเขาจะทำอะไรเธอแบบที่นึกกังวลก็คงจะเป็นไปไม่ได้หรอก เพราะท่าทางของเขาแล้วนั้นดูสุภาพไม่มีท่าทีคุกคามเลยสักนิด ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ควรวางใจเขา สายตาหวาดระแวง กับท่าทางระมัดระวังตัวของหญิงสาวทำให้เขานึกขัน เออเน๊อะคนเรา...เขาเพิ่งช่วยเธอจากไอ้โจรวัยรุ่นนั้นมาหยกๆ กลับกลายเป็นเธอมานั่งหวาดระแวงเขาเสียอย่างนั้น แต่เขมกรก็ไม่ได้คิดสนใจหรือถือสาอะไรกลับยิ้มขำเธอ ขับรถมาจนถึงสถานีตำรวจ ซึ่งใช้เวลาสอบปากคำอยู่นานพอสมควร กว่าจะเสร็จเรียบร้อยก็เล่นเอาเกือบรุ่งสาง “คุณกลับยังไงเดี๋ยวผมไปส่ง” “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่นี้ก็รบกวนคุณมากแล้ว คุณกลับไปพักเถอะนะคะ” “ขึ้นรถเถอะ ผมจะไปส่งคุณจะได้จบๆไป มันจะเช้าแล้วด้วยคุณ ผมง่วงแล้ว” ปลายน้ำเสียงคล้ายหงุดหงิดเล็กน้อย จนเธอไม่กล้าเอ่ยขัด “อ๋อค่ะๆ ขอบคุณนะคะ” ร่างเล็กรีบรับคำทันที ทั้งๆที่เกรงใจเขาไม่อยากรบกวนไปมากกว่านี้ แต่เธอก็ไม่อยากดื้อขัดน้ำใจของอีกฝ่าย ยอมเดินไปขึ้นรถกับเขา “คุณชื่ออะไร” “เอ่อ...ชื่อบัวค่ะ” “ครับ ผมเขมกร...หรือเขมก็ได้” “ค่ะคุณเขม...วันนี้ขอบคุณมากนะคะ ถ้าไม่ได้คุณช่วยไว้ ฉันคงแย่” “ไม่เป็นไรหรอกครับ...รอบหน้าคุณก็ระวังหน่อยละกัน ไปอยู่ที่เปลี่ยวๆแบบนั้นเวลากลางค่ำกลางคืนมันอันตราย...แล้วคุณอาจจะไม่โชคดีแบบวันนี้ด้วย” “ค่ะ ฉันจะระวังตัวนะคะ” รอยยิ้มจืดเจื่อนปรากฏบนใบหน้าสวยของเธอ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ จนรถเลี้ยวเข้ามาจอดบริเวณด้านหน้าอาคารสูงที่เป็นที่พักของเธอ หญิงสาวจึงหันมามองหน้าเขาอีกครั้งเอ่ยคำขอบคุณ “วันนี้ต้องขอบคุณคุณเขมจริงๆนะคะ ถ้าไม่รังเกียจฉันขอเบอร์ติดต่อคุณไว้ได้ไหมคะ ฉันอยากเลี้ยงขอบคุณคุณ” ชายหนุ่มชะงักไปเล็กน้อย ไม่คิดว่าบทพูดดังกล่าวหญิงสาวจะชิ่งพูดออกมาเสียก่อน ลมหายใจร้อนระบายออกมาเบาๆ ก่อนจะหยิบนามบัตรจากกระเป๋าเก็บนามบัตรที่ทำจากหนังอย่างดียื่นให้ “ครับ เอาเป็นว่าผมรอคุณโทรมาละกัน” “ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” “เดี๋ยวครับ” “คะ” “ผมขอเบอร์คุณไว้ด้วยดีกว่า” “ทำไมคะ กลัวฉันเบี้ยวเลี้ยงข้าวคุณเหรอคะ” เจอเหตุการณ์หนักขนาดนี้เธอยังมีใจพูดติดตลกกับเขา พร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆ “หึหึ...คงงั้นมั่งครับ” รอยยิ้มหวานปรากฏขึ้นก่อนจะเปิดกระเป๋าหยิบนามบัตรของตนเองยื่นให้เขา “ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวเอ่ยคำขอบคุณกับเขาอีกครั้ง ก่อนจะเปิดประตูรถก้าวลงไป สีหน้าสดใสขึ้นเล็กน้อย ยืนส่งยิ้มมองจนรถคันดังกล่าวเคลื่อนตัวออกห่างไปเรื่อยๆจึงได้หมุนตัวเดินไปเข้าลิฟต์ไปยังชั้นที่เธออาศัยอยู่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD