“…ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างเลยค่ะ” คนที่เพิ่งวางแกงจืดวุ้นเส้นลงบนโต๊ะอาหารเอ่ยปากขอบคุณคนตัวโตที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“เรื่อง?”
“เรื่องที่พี่ช่วยใจดีกับหม่อนและครอบครัวไงคะ เมื่อก่อนนะคะ ถ้าฝนตกฟ้าร้องแบบนี้ เคยอยู่กันอย่างสงบสุขซะที่ไหน ไปทางไหนฝนก็รั่วแหละ”
“ขนาดมุมไหนก็รั่วยับเยิบขนาดนั้นมนุษย์ป้ายังออกแนวขี้งกเฉยอ่ะนะ” คำพูดคำจาของคนตัวสูงทำคนตัวเล็กกว่ายิ้มกว้าง
“ก็ไม่อยากจะเม้าส์อ่ะนะ แต่จะว่าใช่ก็ใช่แหละ”
“อย่าบอกนะว่าโดนแบบนี้ประจำ”
“ก็ถ้าจ่ายช้าป้าแกก็จะมาโวยวายประมาณนี้ แต่ทุกทีแกก็ไม่ได้ไล่ออกหรอกนะ เหมือนแค่อยากมาทะเลาะกับแม่มากกว่า เถียงจนพอใจแกก็กลับนั่นแหละ ไม่เคยทำรุนแรงอะไร”
“แล้วคำว่าไม่รุนแรงของเธอมันเป็นแบบไหน แล้วไอ้การที่เขาใช้คำพูดเพื่อกระแทกแดกดันทำให้เจ็บใจนี่มันน่าหมั่นไส้ไหม” คำถามส่งผลให้คนฟังนั่งคอตกพร้อมกับกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ
นึกออกทันทีว่าความเป็นไปได้ มันน่าจะมาจากคำพูดประโยคไหน
ก็คงไม่พ้นที่ป้าเจ้าของที่แซะเธอแรงจัดเรื่องที่ครอบครัวพี่เคนไม่ต้อนรับเธอ เหตุผลเพราะเธอและเขามันต่างกันนั่นแหละ
“หรือเธอเป็นยัยชี ไม่เจ็บ ไม่รู้สึก”
“ก็แล้วถ้ารู้สึก แล้วหน้าอย่างหม่อนจะทำอะไรเขาได้”
“หลังมืออ่ะมีไว้ทำไม แค่บอกว่ามือลั่นมันก็ไม่ได้พูดยากเท่าไหร่เลยเหมือนกัน” คนฟังถึงกับห่อปาก กระพริบตาปริบๆ มองใบหน้าหล่อคมของคนเลือดเย็น
“พูดไม่ยาก แต่เดินเข้าคุกก็ไม่น่าจะยากเหมือนกันนะ”
“เธอนี่นะ ไม่ได้ดั่งใจเลย เธอคิดว่าไอ้การทำแค่นั้นมันจะทำให้เธอเข้าคุกเลยเหรอ”
“ก็ถ้าจะไม่ได้เข้าคุก มันก็คงมีเหตุผลและวิธีเดียวนั่นแหละค่ะ”
“วิธีที่ว่านี่คือ?”
“จีบพี่ตำรวจให้ใจอ่อนยอมไม่จับขังไง” ตอบออกไปพลางยิ้มเก๋ แตกต่างจากสีหน้าของคนฟังโดยสิ้นเชิง
“บรรลัยเถอะ ความคิดเธอโคตรบรรลัย”
“พี่ไบรท์แค่ไม่รู้อะไร หน้าแบบนี้พี่ๆ ตำรวจแซวบ่อยจะตาย หม่อนแค่ยิ้มให้ครั้งเดียวเท่านั้นแหละ”
“เหรอ”
“ช่าย~ หน้าตาก็ไม่เท่าไหร่ แต่คุยด้วยแล้วติดใจ”
“เอากระจกไหม?”
“บางคนเขาก็ชอบคนที่ใจไม่ใช่หน้าตาน้า~”
“กูจะบ้าตาย” ไบรอันส่ายหน้ารัวแทนคำตอบ แต่ก็เอาเถอะ เห็นเธอไม่ฟูมฟาย ไม่มีอาการจะเป็นจะตายเพราะความรักมันก็ดีแล้ว เพราะเขาไม่โอเคแน่ๆ ถ้าต้องจ้างเธอมาแล้วไม่ได้อะไรกลับคืนเหมือนแบกภาระไว้เปล่าๆ คนเราก็ต้องหวังผลประโยชน์ให้กับตัวเองด้วยกันทั้งนั้นแหละ เขาก็เหมือนกัน
“…เย็นนี้เธอต้องไปทำงานพร้อมฉัน ต้องไปส่งของให้กับลูกค้า”
“ได้ค่ะ ไปประมาณกี่โมงคะ”
“สามทุ่ม”
“แล้วกลับประมาณกี่โมงคะ” เธอเข้าใจและจำได้ว่า เวลาของเธอมันเป็นของเขาตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง แต่เธอต้องการรู้เพื่อปรับเวลาให้มันเหมาะสม
“ประมาณตีสองก็เสร็จ จากนั้นอาจจะมีดื่มต่อกับเฮียๆ จะเรียบร้อยก็คงตีสี่” ใบหม่อนรับฟังพร้อมกับพยักหน้ารับ
“ถ้าเธอง่วงก่อนฉันมีที่ให้เธอนอน ไม่ปล่อยให้อดหลับอดนอนหรอกน่า ไม่ได้ใจดำขนาดนั้น”
“โอเคค่ะ แล้วในวันที่ต้องทำงานพี่ไบรท์ตื่นมาทานอาหารเช้ากี่โมงคะ หม่อนจะได้ลุกมาเตรียมอาหารไว้ให้ล่วงหน้า”
“ไม่เป็นเวลา แต่เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหา ฉันรอได้ หิวก็จะบอกเอง”
“ถ้าแบบนั้นก็โอเคเลยค่ะ ว่าแต่ที่บอกว่าไปส่งของ ไปส่งอะไรที่ไหนเหรอคะ”
“เดี๋ยวก็รู้เองแหละ”
“…ผิดกฎหมายไหม” เอ่ยถามเสียงอ่อน ทั้งกลัวว่าเขาจะโกรธและไม่พอใจ แต่เธอก็อยากรู้นี่นา ให้แบกรับความอยากรู้เอาไว้โดยไม่ถามอะไรออกไปเธอทนไม่ได้แน่
“ทำไม เธอกลัวฉันค้ายาหรือทำเรื่องผิดกฎหมายงั้นเหรอ”
“ก็หม่อนไม่อยากนอนคุกนี่นา ใช้ชีวิตยังไม่คุ้มเลยนะ ไหนจะพ่อ ไหนจะแม่ ไหนจะน้อง”
“ชีวิตเธอนี่มีคนให้ห่วงใยเยอะจังเลยนะ”
“คนในครอบครัวนี่คะ ก็มีกันแค่นี้นี่นา แต่หม่อนก็คงแค่คิดมากไปเองแหละ พี่คงไม่ทำอะไรหรือยุ่งเกี่ยวอะไรที่มันผิดกฎหมายอยู่แล้ว เพราะถ้าพี่ทำแบบนั้นคนที่รักพี่ก็คงต้องตักเตือนอยู่แล้วแหละ ถูกต้องไหมคะ”
“อะไรที่ทำให้เธอคิดแบบนั้น”
“คนเราถ้ารักกันถ้าเป็นห่วงกันก็ต้องตักเตือนในสิ่งที่อีกคนทำผิดอยู่แล้ว”
“เพราะโลกสวยแบบนี้หรือเปล่า ครอบครัวแฟนเธอเลยมีโอกาสเข้ามากีดกัน ทั้งที่ความเป็นจริง ถ้าผู้ชายคนนั้นมันรักเธอมากพอ มันต้องไม่แคร์สิว่าเธอจะรวยหรือจน ถ้ามันรักเธอมากพอ ต่อให้เธอเป็นขอทาน มันก็ต้องรักเธอและเอาเธออยู่ดี”
“เนี่ย~ แล้วก็พูดให้เศร้า”
“หึ! เศร้าเพราะโดนผู้ชายเท เศร้าเพราะมันรักเธอไม่มากพอน่ะเหรอ”
“เศร้าที่เมื่อกี้เผลอเปรียบตัวเองเป็นขอทานต่างหากล่ะ” เอ่ยออกมาพร้อมกับฉีกยิ้มจนตายี๋
พอแล้วแหละ พอแล้วกับการปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความเศร้าและความผิดหวังแบบนั้น เศร้าไปมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา ยอมรับความจริง อยู่ในโลกของความเป็นจริงแบบนี้ดีกว่า
“เอ่อ แล้วเวลาอยู่ต่อหน้าเฮียๆ หม่อนต้องรับบทคู่หมั้นด้วยไหม”
“เธอเก่งอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ รู้จักสังเกต เดาสถานการณ์เอา อันไหนที่ทำและคิดว่ามันดีต่อฉันเธอก็ทำไปเลย”
“หม่อนจัดให้ค่ะ” ขยิบตาเบาๆ ใส่คนตัวสูงกว่า ตาฝาดหรือเปล่านะที่เห็นว่าคนที่เผลอมองเธอก่อนแล้วหูแดงขึ้นมาเฉย แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เรื่องแค่นั้นมันไม่สามารถระบุอะไรได้หรอก ต่อให้เขาจะหูแดง แต่หน้าหล่อๆ ก็บึ้งตึงใส่เธออยู่ดี
@เวลา 21:00 น.
ไบรอันก้าวขาออกมาจากห้องนอนส่วนตัว เผลอชะงักเล็กน้อยเมื่อพบว่าคนที่นัดหมายกันไว้สามทุ่มนั่งรอเขาอยู่ก่อนแล้ว
แว๊บหนึ่งที่ดวงตาคมกริบไล่มองการแต่งตัวของคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
“แต่งตัวอะไร”
“แต่งตัวเพื่อไปทำงานไงคะ”
“นี่คือชุดไปทำงาน?”
“ใช่ค่ะ จะไปอวดความสดใส”
“อวดใคร?” โดนถามกลับจนใบหน้าของคนฟังร้อนวูบ เลือกชุดตั้งนาน พกความมั่นใจว่าเกินร้อยแล้วแท้ๆ แต่โดนมองจนความมั่นใจหดหาย
“อวด…เฮียของพี่ไบรท์มั้ง”
“มันมีเมียแล้ว”
“เรียกใครว่ามัน” ตกใจมาก ตอนอยู่ต่อหน้าเฮียๆ เขาพูดจาน่ารักมากเลยนี่นา
“อย่ามาเสียงแข็งใส่ เดี๋ยวจะโดน”
************************
วิ่งค่ะ วิ่งๆ วิ่งไปฟ้องเฮียลันกับเฮียเลอร์ พี่ไบรท์เรียกเฮียว่ามัน งานนี้ต้องฟ้อง เอาให้หนัก 555555
พาน้องหม่อนมาอวดความสดใส อ่านแล้วคอมเมนต์ให้เนมหน่อยน้าา~ ปารีวิวให้ด้วยจะขอบพระคุณเป็นอย่างสูง อยากให้อัปบ่อยๆ คอมเมนต์ตามตัวได้เลยน้าาา~ 😜😜🥰🥰