บทที่5-1

1691 Words
สหทรรศค่อยๆ หันมาตามเสียงเรียก บนใบหน้าคมคายมีรอยยิ้มจุดอยู่บนนั้น เมื่อภวิกาเห็นว่าเป็นเขาอย่างแน่นอน ไม่ใช่คนร้ายอย่างที่เธอหวาดกลัวตั้งแต่ทีแรก เท้าเล็กจึงขยับไปจนถึงประตูไม้ระแนงค่อยๆ เลื่อนเปิดมันออก แล้วพาร่างแบบบางของตัวเองออกมาด้านนอก โดยมีมือหนาช่วยดันประตูปิดให้ คนตัวสูงอยู่ในชุดเสื้อยืดคอกลมสีขาวพอดีตัวกับกางเกงกีฬาสีดำยาวแค่เข่าอย่างที่นักฟุตบอลชอบใส่ เท้าหนาคีบรองเท้าแตะเอาไว้ การแต่งตัวที่ดูธรรมดา แต่เมื่อเป็นเขา ภาพที่เห็นจึงไม่ธรรมดา คนตัวสูงดูดีได้อย่างไม่น่าเชื่อ ใบหน้าคมคายที่ขยันโปรยยิ้มมาให้เธอนั่นก็ด้วย ทำให้ภวิกาใจเต้นแรงจนตัวเธอเองยังตกใจเพราะไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน กลิ่นหอมสดชื่นคล้ายกับคนที่เพิ่งจะอาบน้ำมาใหม่ๆ จากร่างสูงโชยเข้าจมูกของเธอ ยิ่งทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นแรงเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว จนภวิกาต้องรีบข่มอาการประหลาดนั้นเอาไว้ “พี่เท็น มีอะไรรึเปล่าคะ” “ไม่มีอะไรหรอกครับ พี่นอนไม่หลับก็เลยลงมาเดินเล่น เห็นว่าแยมกำลังจะเข้าเวรดึกเลยกะว่าจะเดินไปเป็นเพื่อน แยมจะได้ไม่เหงา” “งั้นเหรอคะ” “ครับ” เมื่อร่างสูงพยักหน้ารับคำ ภวิกาจึงส่งยิ้มบางๆ ไปให้เขา ทั้งคู่เดินเคียงข้างกันไป และก็ไม่รู้ว่าทำไมเพียงแค่ได้เดินเคียงข้างเขาหัวใจของเธอต้องเต้นแรงขนาดนี้ด้วย แรงเสียจนภวิกาเกรงว่าคนตัวสูงข้างกายจะได้ยิน หญิงสาวจึงขยับตัวให้ห่างจากเขาอีกนิด และก็แน่นอนว่าคนช่างสังเกตอย่างสหทรรศก็รับรู้ได้ทันที “ทำไมเดินห่างจังครับ หรือว่าเหม็นกลิ่นตัวพี่” แพทย์หนุ่มแสร้งยกแขนกำยำข้างหนึ่งขึ้นมาสูดกลิ่น “ก็ไม่เหม็นนะครับเพราะว่าพี่เพิ่งจะอาบน้ำมาใหม่ๆ ถ้าไม่เชื่อแยมลองพิสูจน์ดูก็ได้” สหทรรศไม่ได้พูดเปล่า เขายื่นแขนกำยำข้างนั้นไปตรงหน้าเธอ ภวิกาชะงักแทบจะทันที เพราะไม่เช่นนั้นปลายจมูกเชิดรั้นของเธอต้องสัมผัสกับท่อนแขนของคนตัวสูงไปแล้ว ภวิกากลั้นหายใจแต่มันก็ไม่ทันเสียแล้ว เมื่อกลิ่นกายหอมสดชื่นของร่างสูงกระแทกเข้าโสตประสาทการรับกลิ่นของเธออีกโครมใหญ่ ใจดวงน้อยเต้นรัวแรง เลือดในกายเริ่มสูบฉีดไปที่ใบหน้า ใบหน้านวลเนียนจึงเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำขึ้นมาทันควันอย่างช่วยไม่ได้ “เปล่าค่ะ ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ” ภวิกาปฏิเสธเสียงสั่น เท้าเล็กขยับไปทางด้านหลังเล็กน้อยเพราะเกรงว่าปลายจมูกของเธอจะชนท่อนแขนแข็งแรงเข้า เมื่อเห็นคนตัวเล็กดูตื่นตระหนก สหทรรศจึงค่อยๆ ลดแขนลงข้างลำตัว ใบหน้าหล่อเหลายังคงมีรอยยิ้มจุดอยู่บนนั้น ก่อนที่ริมฝีปากหยักลึกจะขยับบอกอย่างเย้าแหย่อีกครั้ง “ลองพิสูจน์ดูไหม หอมดีนะครับ” สหทรรศเดินมาส่งภวิกาแค่ชั้นล่างเท่านั้น เขารอจนร่างแบบบางหายเข้าไปในลิฟต์จึงเดินกลับมาที่ห้องพัก ใบหน้าคมคายยังคงระบายยิ้มอยู่ตลอดเวลา และเขาก็มั่นใจว่าคืนนี้เขาคงนอนหลับฝันดี “นี่เธอ เธอเห็นพนักงานเปลคนใหม่ป้ะ หน้างี้หล๊อหล่อ หน้าตาโอปป้ามากๆ เลยแหละ” เสียงของผู้ช่วยเหลือคนไข้สาวที่กำลังคุยกันอย่างออกรสออกชาติลอยเข้ามาในหูของภวิกาที่กำลังตรวจสอบความเรียบร้อยแฟ้มประวัติของผู้ป่วยเพื่อเตรียมส่งต่ออาการของผู้ป่วยให้แก่พยาบาลในเวรถัดไป ภวิกาอมยิ้มนิดๆ ก่อนใบหน้าเรียวสวยจะส่ายเบาๆ กับสิ่งที่สองสาวคุยกัน และเธอก็ค่อนข้างมั่นใจว่าพนักงานเปลที่ถูกพูดถึงนั่นก็คือสหทรรศ ที่เธอคิดแบบนั้นก็เพราะรู้จักหน้าตาพนักงานเปลทุกคน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้สนิทกับใครเป็นพิเศษ แต่ค่อนข้างแน่ใจว่าคนที่เพื่อนร่วมงานของเธอกำลังกล่าวถึงนั้นต้องเป็นคนตัวสูงอย่างแน่นอน เพราะเขาดูโดดเด่นกว่าคนอื่นๆ อย่างไม่ต้องสงสัย “ว่าแต่เธอรู้จักชื่อเล่นเขาไหม ฉันน่ะรู้จักแต่ชื่อจริง ชื่ออะไรนะ อ้อ...นึกออกแล้วเขาชื่อสหทรรศ ชื่อจริงยังเพราะขนาดนี้ ชื่อเล่นคงต้องเพราะไม่ต่างกันแน่ๆ ว่าไหมเธอ” สองสาวหัวเราะคิกคัก ภวิกาที่ได้ยินทั้งคู่คุยกันถึงกับยิ้มขำอย่างเอ็นดู เป็นจังหวะเดียวกับที่หนึ่งในนั้นหันมาเห็นเธอเข้าอย่างพอดิบพอดี “ยิ้มอะไรกันคะน้องแยม” หนึ่งในสองสาวกระเซ้ากลับเมื่อเห็นภวิกาอมยิ้ม ซึ่งเจ้าตัวเดาเอาว่าภวิกาอาจจะรู้อะไรดีๆ ก็ได้ “เปล่าค่ะ แยมก็แค่...อยากยิ้ม” ภวิกาตอบกลับอย่างอารมณ์ดี หญิงสาวและผู้ร่วมงานค่อนข้างสนิทสนมจนสามารถหยอกล้อกันได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ “แต่พี่รู้ว่าทำไมน้องแยมถึงได้อมยิ้ม” รสรินที่ดูจะเป็นพี่ใหญ่มากกว่าคนอื่นๆ ที่เพิ่งจะมาถึงเพื่อจะเริ่มปฏิบัติงานเวรเช้า พาร่างเจ้าเนื้อหน่อยๆ เดินมาหยุดตรงบริเวณเคาน์เตอร์พยาบาลตรงหน้าภวิกา “ทำไมคะพี่รส” สองสาวที่คุยกันอย่างออกรสออกชาติก่อนหน้านี้รีบพาตัวเองมาใกล้รสริน ซึ่งตอนนี้ทั้งหมดก็มารวมตัวกันอยู่ตรงหน้าภวิกาอย่างจงใจ “น้องแยมน่ะรู้จักกับพนักงานเปลหนุ่มรูปหล่อคนนั้น เพราะเมื่อวานนี้ตอนที่เขามาส่งคนไข้สองคนนี้เขาทักทายกันด้วยล่ะ และพี่ก็ได้ยินน้องแยมเรียกพ่อหนุ่มรูปหล่อนั่นว่า…คุณเท็น” ฮัดชิ้ว! สหทรรศอยู่ในชุดฟอร์มสำหรับปฏิบัติงานในตำแหน่งพนักงานเปล แพทย์หนุ่มสวมเสื้อสีขาวคอจีนแซมปกและปลายแขนสั้นสีฟ้าซึ่งเป็นยูนิฟอร์มสำหรับพนักงานเปลของโรงพยาบาลวรกุลอินเตอร์เนชันนอล กางเกงเป็นการเกงสแล็กขายาวสีดำ ส่วนรองเท้าอนุญาตให้สวมเป็นรองเท้าผ้าใบสีสุภาพ ซึ่งสหทรรศเลือกที่จะสวมรองเท้าผ้าใบสีดำเชือกผูกสีเดียวกัน ร่างสูงกำลังเดินไปตามทางเพื่อตรงไปยังศูนย์เปล นิ้วชี้มือขวางอขึ้นขยี้ปลายจมูกเบาๆ เพราะจู่ๆ อาการคัดจมูกก็จู่โจมจนเขาจามติดกันหลายครั้ง ยังเหลือเวลาอีกสิบห้านาทีกว่าจะถึงเวลาเริ่มปฏิบัติงาน ร่างสูงจึงเปลี่ยนเส้นทางจากที่ตั้งใจจะตรงดิ่งไปที่ศูนย์เปล และตอนนี้เขาก็ก้าวเข้ามาในลิฟท์และกดไปที่ชั้นเก้า ร่างสูงก้าวออกมาจากลิฟท์เป็นจังหวะเดียวกับที่ภวิกาที่กำลังยืนจัดแฟ้มประวัติคนไข้อยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์พยาบาลหันมองมาทางนั้นอย่างพอดิบพอดี ดวงตาคู่คมประสานสายตากับดวงตากลมโตสีดำขลับเป็นเวลานานเกือบนาที ร่างสูงขยับเท้าเข้ามาใกล้เธอเรื่อยๆ แต่ภวิกายังคงอยู่ในท่าเดิมเพราะไม่คิดว่าคนที่เพื่อนร่วมงานของเธอกำลังกล่าวถึงจะขึ้นมาบนนี้ อาการที่ภวิกานิ่งงันไปและมองไปทางประตูลิฟท์ทำให้เพื่อนร่วมงานของเธออีกสามคนมองตามสายตาของเธอไปด้วย เห็นร่างสูงที่มีใบหน้าหล่อเหลาราวกับซุป’ตาร์เกาหลีและเป็นคนที่พวกเธอกำลังพูดถึงอย่างสนุกปาก “พูดถึงก็มาพอดีเลย” รสรินยิ้มกริ่มและแสร้งกระซิบกระซาบกับสองสาวที่พูดถึงพนักงานเปลหนุ่มสุดหล่ออย่างที่พวกเธอเข้าใจว่าเขาเป็นอย่างนั้น แต่เสียงก็ดังจนภวิกาและสหทรรศได้ยิน และแน่นอนว่าที่รสรินทำแบบนั้นก็เพราะอยากจะแซ็วเพื่อนร่วมงานอย่างภวิกา “สวัสดีครับ” สหทรรศกล่าวทักทายโดยรวม แต่ก็แน่นอนว่าสายตาคู่นั้นจ้องมองไปที่ใบหน้าเนียนใสของภวิกาและยังคงจ้องอยู่แบบนั้นจนคนถูกจ้องหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อเพราะความขัดเขิน ส่วนสามสาวที่เหลือมองหน้าทั้งคู่สลับกันไปมา และเป็นรสรินที่เอ่ยกระเซ้า “ไปกันเถอะสาวๆ พวกเราคือส่วนเกิน” “ส่วนเกินอะไรกันคะพี่รส” ภวิกาบอกอ้อมแอ้มและเจ้าตัวก็เคอะเขินอยู่ไม่น้อยที่โดนแซ็วแบบนั้น ใบหน้าที่แดงระเรื่อก่อนหน้านี้ค่อยๆ เข้มขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ “ไม่ต้องไปหรอกครับ ผมแค่แวะมาทักทายเฉยๆ” สหทรรศเบนสายตาไปที่เพื่อนร่วมงานของภวิกา แพทย์หนุ่มขยับยิ้มยามที่เอ่ยออกไป ก่อนจะเบนสายตากลับมาที่ร่างแบบบางอีกครั้ง “พี่ไปก่อนนะครับแยม ไว้เจอกัน” “อะ…อ๋อ…ค่ะ ไว้เจอกัน” กล่าวจบสหทรรศก็ส่งยิ้มให้เธอและยังมีน้ำใจเผื่อแผ่ไปให้ผู้ร่วมงานของเธอด้วย จากนั้นก็หมุนตัวเดินจากไป ปล่อยให้ภวิกาเผชิญกับสายตาของผู้ร่วมงานราวกับเธอกำลังตกเป็นผู้ต้องสงสัย สงสัยความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับสหทรรศ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมันก็ไม่มีอะไรเลยสักนิด เขาก็แค่แวะมาทักทายเธอตามมารยาทก็เท่านั้น รสรินที่ดูเป็นตัวตั้งตัวตีทำท่าจะซักฟอกภวิกาชุดใหญ่ถึงเรื่องความสัมพันธ์ของเธอและเขา แต่ต้องถูกขัดจังหวะเมื่อพยาบาลที่ปฏิบัติงานเวรเช้าได้มาพร้อมแล้ว และภวิกาต้องทำหน้าที่ส่งต่ออาการของผู้ป่วยและแผนการดูแลรักษาให้พยาบาลในเวรถัดไป เธอจึงรอดตัวจากการถูกซักฟอกไปได้อย่างหวุดหวิด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD