ตอนที่3

1747 Words
คล้อยหลังร่างสูงออกไปจากห้องพร้อมสีหน้ามึนงง คนป่วยในห้องก็ปล่อยลมหายใจพรูแล้วหลับตาพริ้มด้วยความรู้สึกโล่งใจ ก่อนเจ้าตัวจะลืมตาขึ้นอีกครั้งอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นนัยน์ตาสีน้ำตาลใสทอประกายแวววาว แพขนตา ดกหนากะพริบถี่ๆ ก่อนเจ้าตัวจะหันไปยังประตูที่เพิ่งปิดสนิทอีกครั้ง คราวนี้ หญิงสาวค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียงช้าๆ มือเล็กดันกับที่นอนนุ่มเพื่อพยุงร่างตนเองให้ลุกขึ้นนั่งจนสำเร็จ อาการเคล็ดขัดยอกไปทั้งตัวทำให้เธอถึงกับเผลอสูดปากเพราะเจ็บ แต่แผลที่หนักที่สุดนั้นดูเหมือนจะเป็นที่หัวซึ่งคงจะแตกเพราะเธอกระแทกพื้นจนสลบเมื่อพบว่าตนเองกำลังถูกรถชน มากกว่าจะแตกเพราะแรงชนของคนขับ นั่นแหละ นั่งทำใจอยู่ไม่ถึงห้านาทีเธอก็ตวัดขาลงจากเตียงช้าๆ แล้วยันกายขึ้นยืนได้ในที่สุด สายตายังคงจ้องมองประตูอย่างระมัดระวัง แล้วขยับพาร่างกายตนเองให้เดินตรงไปยังอีกประตูภายในห้องที่ปิดสนิท คนละด้านกับที่ผู้ชายคนนั้นออกไป แล้วก็ไม่ผิดจากที่คาดว่ามันคือห้องน้ำนั่นเอง และแล้วหญิงสาวก็ต้องเบิกตาโต เธอถึงกับก้าวสะดุดขาที่อ่อนแรงของตนเองจนแทบจะล้มหัวฟาดพื้นอีกรอบเมื่อเห็นใบหน้าของตนเองชัด ภาพดวงหน้าซีดเผือดที่มีผ้าพันแผลพันรอบศีรษะนั้นไม่น่าสยองเท่ากับที่โหนกแก้มข้างขวาของเธอนั้นช้ำเป็นรอยเขียวจ้ำใหญ่ตัดกับดวงหน้าขาวเผือด มันทำให้เธอดูน่ากลัวมากยิ่งขึ้น หญิงสาวถอนใจยาว...แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับเรื่องที่เธอเพิ่งบอกกับผู้ชายคนนั้นไปก่อนหน้านี้ ‘ความจำเสื่อม’ หญิงสาวอยากจะหัวเราะตัวเองนักที่คิดแผนตื้นๆโง่ๆเพื่อหาทางให้ตนเองได้ฉวยโอกาสพักอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ชั่วคราว ทั้งเป็นแหล่งหลบภัยและยังได้อยู่ฟรีกินฟรีในระหว่างที่เธอคิดหาทางไปให้ตนเองไม่ออก ซึ่งเธอก็ได้แต่หวังว่าตนเองจะปกปิดเรื่องนี้จากผู้ชายคนนั้น...ที่แนะนำว่าตนเองชื่อนิโคลัส ได้ตลอดรอดฝั่งไม่ให้ถูกจับได้ด้วยเถิด เพราะจากการประเมินแล้วผู้ชายคนนั้นไม่ได้ดูท่าทางเหมือนเป็นคนโง่เลยสักนิดเดียว! ‘วรรษา’ ได้แต่ภาวนาอยู่ในใจ เธอไม่ได้ตั้งใจจะใช้วิธีนี้เลย แต่เพราะความคิดชั่ววูบบวกกับเธอยังไม่อยากถูกเชิญให้ออกไปผจญเวรผจญกรรมอีกรอบทั้งที่ตัวเองก็บาดเจ็บทำให้คิดโกหกเขาขึ้นมา ซึ่งดูจากสภาพการณ์ทั้งหลายประกอบกัน ไม่ว่าจะเป็นลักษณะท่าทางการแต่งตัว ห้องที่เธอพักอยู่ในยามนี้นั้น เธอพอจะสรุปได้ว่านิโคลัส ธอร์นตันต้องมีฐานะเข้าขั้นเศรษฐีแน่ๆ ฉะนั้น...การเลี้ยงผู้หญิงยากจนไร้หนทาง ไร้ที่ไปสักคนหนึ่งเป็นการชั่วคราวและเป็นคนที่เขาทำให้บาดเจ็บคงไม่หนักหนาสาหัสและไม่สิ้นเปลืองมากมายนักหรอกนะ หญิงสาวที่โกหกว่าตนเองความจำเสื่อมถอนใจเฮือก แล้ววักน้ำขึ้นมาลูบใบหน้าตนเองพอให้สดชื่นขึ้นบ้างและให้สมองที่กำลังปวดตุบๆ ในขณะนี้ได้รู้สึกโล่งขึ้นมาบ้าง วรรษาเดินกลับไปนอนบนเตียงอีกครั้ง อาการปวดตุบๆ ข้างขมับยังไม่ได้ทุเลา แต่ความอ่อนเพลียก็ทำให้เธอเลือกที่จะหลับตา...แล้วเธอก็เข้าสู่ห้วงนิทราไปในที่สุด กว่าวรรษาจะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง...นี่ก็เป็นเวลาเที่ยงกว่าแล้ว หญิงสาวเดินเข้าไปล้างหน้าให้ตนเองสดชื่น อาการเมื่อยขบตามตัวเหมือนจะดีขึ้นนิดหน่อย เธอเดินตรงไปยังหน้าต่างบานกว้างแล้วแหวกม่านหนาหนักนั้นเปิดออกดู ก็เห็นสายฝนกำลังโปรยปรายต้องรดสนามหญ้าสีเขียวสดของคฤหาสน์แห่งนี้ ให้ความรู้สึกสดชื่น สวยงาม หากขณะเดียวกัน อากาศที่ทั้งหนาวทั้งเย็นก็ทำให้เธอรู้สึกหนักอึ้งในหัวใจ ปัญหาเดิมของเธอก็ไม่ได้แก้ไข ทว่าตอนนี้เธอกลับเอาปัญหาใหม่ใส่ตัวเองเรียบร้อยแล้ว ไม่รู้ว่าเรื่องที่โกหกไปเมื่อคืนนี้...ผู้ชายคนนั้นจะเชื่อถือแค่ไหนกันนะ? หญิงสาวครุ่นคิด “เธอรู้สึกเป็นยังไงบ้าง” เสียงห้าวทุ้มที่ดังขึ้นจากทางด้านหลังทำให้วรรษาหันไปมองตามทิศทางนั้นก็พบว่าชายหนุ่มร่างสูงสง่าที่เป็นคนช่วยเธอเอาไว้เมื่อวานนี้เป็นคนเอ่ยถามขึ้น ในมือของเขากำลังประคองถาดสีเงินเดินตรงเข้ามาหาเธอ ทำให้เธอต้องรีบสาวเท้าตรงไปหาเขาอย่างรวดเร็ว ยื่นมือหมายจะรับถาดจากเขามาถือไว้เองด้วย ความเกรงใจ ทว่าเขากลับเบี่ยงหลบ แล้วนำมันไปวางบนเก้าอี้ชุดที่ตั้งอยู่มุมห้องอันใหญ่โตหรูหราราวกับโรงแรมห้าดาวก็ไม่ปาน “ฉันดีขึ้นมากแล้วค่ะมิสเตอร์ คิดว่าอีกไม่กี่วันคงจะหายดี” หญิงสาวตอบด้วยความสบายใจ...ก็คราวนี้เธอไม่ได้โกหกนี่นา “อืม...ดีแล้ว” นิโคลัสพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “งั้นตอนนี้เธอพอจะจำอะไรได้บ้างหรือเปล่า” เขาถาม ยังคงมองเธอด้วยสีหน้าเป็นห่วงเป็นใย สงสัยที่คิดว่าเขาชนเธอนิดหน่อยนั้นอาจไม่เป็นจริงเสียแล้ว เพราะตอนนี้ผลของมันกำลังแสดงให้เห็นแล้วว่าเขาทำเธอบาดเจ็บหนักเสียแล้ว “ฉะ...ฉัน...” เธอค่อยๆ ยกมือขึ้นแตะขมับด้วยท่วงท่าปวดหัวอย่างหนัก สีหน้าขมวดมุ่นราวกับคนกำลังคิดหนัก ชายหนุ่มยกมือห้าม สีหน้าห่วงใย “เลิกคิดเถอะ ถ้าเธอยังคิดอะไรไม่ออก งั้นรีบกินอาหารเช้า แล้วฉันจะพาเธอไปโรงพยาบาล” ชายหนุ่มเสนอ แล้วกดตัวหญิงสาวให้นั่งลงบนเก้าอี้ พลางเลื่อนถาดอาหารให้เธอ “ฉัน...” เธออึกอัก “ฉันรู้สึกไม่ดีเลยเวลาคุณพูดถึงโรงพยาบาล มะ...ไม่ไปได้ไหมคะ?” หญิงสาวละล่ำละลักปฏิเสธ ให้ตายอย่างไรเธอก็ไม่ยอมไปโรงพยาบาลเด็ดขาด “ไม่ได้” คราวนี้นิโคลัสไม่ยอมแล้วเช่นกัน “ครั้งนี้ฉันเห็นจะตามใจเธอไม่ได้ เพราะผลกระทบทางสมองของเธอค่อนข้างน่าเป็นห่วง ตรวจอย่างละเอียดจะดีกว่า” ชายหนุ่มพูดอย่างเป็นกังวล นั่นทำให้วรรษาใจสั่น สมองคิดเร็วจี๋หาทางออก “ตะ..แต่ว่า โอ๊ย พูดเรื่องนี้แล้วฉันปวดหัวจริงๆ ค่ะ นะคะ...นะ ฉันไม่อยากไป ฉันขอร้องล่ะ” เธออ้อนวอนเขาด้วยท่าทีและสีหน้าน่าสงสาร “อืม...เธอทานซุปที่ฉันยกมาให้ก่อนแล้วกัน แล้วเราค่อยมาพูดเรื่องนี้กันอีกที” นิโคลัสคล้อยตาม ขณะที่หยิบเอาช้อนซุปใส่ในมือหญิงสาวด้วยกริยาอ่อนโยน “ค่ะ...” วรรษาได้แต่พยักหน้ารับเบาๆ เริ่มตักซุปที่เขายกมาให้ทานแต่โดยดี เธอฝืนทานซุปไปได้ไม่เท่าไหร่ก็ทำท่าจะวางช้อน แม้จะรู้สึกหิวแต่กลับทานอะไรไม่ค่อยลง แล้วพอถูกสายตาบังคับของนิโคลัสที่มองมาเหมือนจะบังคับให้ทานให้หมด เธอเลยฝืนทานไปได้เพียงครึ่งเท่านั้น สุดท้ายเลยหันไปมองหน้าผู้คุมจำเป็นราวกับจะอ้อนวอน ทำให้เขาซึ่งนั่งตรงข้ามเธอ กอดอกและจ้องมองมาเขม็งถอนใจยาวก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ ให้หญิงสาวเลิกทานได้ นิโคลัสกดกริ่งที่วางอยู่แถวนั้น ไม่นานก็มีคนรับใช้ในชุดเสื้อสีน้ำเงินเข้ม คาดเอวด้วยผ้ากันเปื้อนสีขาวก็เข้ามาในห้อง ชายหนุ่มสั่งให้คนรับใช้เก็บถาดอาหารของวรรษากลับไป พร้อมกับให้นำชุดที่เตรียมไว้ให้เธอเข้ามาได้ ก่อนจะสั่งให้ไปตามเฟรดเดอริกแล้วบอกให้เขาไปรอที่ห้องทำงาน พอสั่งทุกอย่างครบถ้วนนิโคลัสก็โบกมือให้คนรับใช้ออกไป เมื่ออยู่กันตามลำพังอีกครั้ง วรรษาก็ทำตัวไม่ถูก เธอไม่รู้จักเขามาก่อน ไม่คุ้นเคยกับเขา อันที่จริงแล้ว เธอไม่คุ้นเคยกับผู้ชายคนไหนเลยแม้แต่คนเดียว หญิงสาวออกจะซาบซึ้งใจที่ชายหนุ่มดูแลเธอเป็นอย่างดี หากเป็นคนอื่นเธอเชื่อว่าเขาคงจะไม่สนใจเธอด้วยซ้ำ หรือไม่ก็คอยแต่จะคิดว่าเธอคือตัวสร้างหายนะเปล่าๆ ที่ทำให้ต้องตกที่นั่งลำบากแบบนี้ หญิงสาวแอบเหลือบตาพินิจผู้ชายที่นั่งตรงกันข้าม...นิโคลัส ธอร์นตัน เขามีเส้นผมสีทองเปล่งประกายราวกับแสงตะวัน ดวงตาสีน้ำทะเลคู่นั้นดูคมกริบ บ่งบอกว่าเป็นคนฉลาดทันคน ทว่าเธอกลับเห็นเค้าของความอ่อนโยนและใจดีอยู่ในนั้น จมูกโด่งเป็นสันสวย รับกับริมฝีปากบางเฉียบนั้นส่งให้เขาเป็นชายที่มีรูปลักษณ์โดดเด่นโดยแท้ แต่รูปลักษณ์สวยงามของเขาคงสู้จิตใจอันแสนดีที่เขย่าหัวใจเธอให้สั่นไหวในยามนี้ไม่ได้กระมัง “เอาล่ะ...” นิโคลัสพูดขึ้นเมื่อปล่อยให้หญิงสาวจ้องมองเขาจนพอใจ ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนแล้วจึงพูดว่า “เดี๋ยวจะมีคนนำเสื้อผ้ามาให้เธอ แล้วอีกหนึ่งชั่วโมงฉันจะเข้ามาใหม่ คิดว่าตอนนั้นเราคงมีเรื่องต้องพูดกันอีกยาว” “ค่ะ” หญิงสาวตอบ หลุบตาลงมองมือตัวเองที่วางประสานบนหน้าตัก เธอบีบมือตนเองแน่นเสียจนเล็บแทบจะจิกลงไปในเนื้อ...เพื่อห้ามไม่ให้ตัวเองสารภาพทุกอย่างออกไป นิโคลัสพยักหน้ารับน้อยๆ กับคำตอบของหญิงสาว แล้วชายหนุ่มก็ก้าวเดินออกไปจากห้อง ทิ้งความปั่นป่วนใจและความรู้สึกผิดให้เกาะกุมจิตใจหญิงสาวต่อไป วรรษากำลังรู้สึกผิด...เธอไม่อยากโกหกผู้ชายที่แสนดีคนนี้ เขาช่วยเหลือเธอ ซ้ำยังดูแลอย่างดี ...แต่เธอก็กลัวเหลือเกินว่าหากพูดความจริงออกไป เธอจะต้องกลับไปอยู่ในสภาพเดิมแบบนั้น เธอทนมันต่อไปไม่ไหวแล้วจึงคิดหลบหนีออกมาเช่นนี้ 'ขอโทษด้วยนะคะ...มิสเตอร์ธอร์นตัน ฉันสัญญาว่าจะหาทางตอบแทนคุณให้ได้เลยค่ะ'
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD