“ความจำเสื่อมอย่างนั้นเหรอครับ?”
เฟรดเดอริกถามเจ้านายด้วยสีหน้างุนงง ออกจะไม่เชื่อหูตัวเองด้วยซ้ำไปที่ได้ยินเช่นนั้น จนเมื่อนิโคลัสพยักหน้ายืนยันอีกครั้งนั่นแหละเจ้าตัวถึงยอมทำใจเชื่อ
บัตเลอร์ชาวอังกฤษวัยหกสิบกว่าถอนใจผะแผ่ว เริ่มหนักใจแทนเจ้านายแล้วที่จู่ๆ ก็เกิดโชคร้ายเช่นนี้ ทั้งที่หญิงสาวผู้นั้นท่าทางเธอไม่น่าจะได้รับบาดเจ็บมากมายขนาดนั้น...
“แล้วเราจะทำอย่างไรกันดีครับ” เฟรดเดอริกถาม น้ำเสียงส่อเค้ากังวลเสียจนนิโคลัสต้องขยับยิ้มปลอบใจ
“ก็คงต้องรับผิดชอบให้ถึงที่สุดนั่นแหละเฟรด” เขาตอบ อันที่จริงนิโคลัสไม่ได้กังวลมากอย่างที่คิดเสียด้วยซ้ำกับการที่จู่ๆ ต้องมาดูแลผู้หญิงที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าคนนั้น
“แต่ผมว่าเราไปแจ้งความดีกว่าไหมครับ ดูท่าทางเธอจะเป็นคนต่างชาติด้วย...”
เฟรดเดอริกพูดไม่ทันจบประโยคนิโคลัสก็โบกมือขึ้นขัด นัยน์ตาสีน้ำทะเลของชายหนุ่มฉายแววไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่พ่อบ้านซึ่งทำงานมาตั้งแต่สมัยรุ่นบิดามารดาของเขายังอยู่ออกความเห็น
“ไม่เป็นไรหรอก ผมคิดว่าจะให้เธอรักษาตัวอยู่ที่นี่ก่อนก็แล้วกัน ถ้าเธอจำอะไรได้เมื่อไหร่ก็ค่อยให้เธอไป หรือถ้าเธออยากจะไปก็แล้วแต่การตัดสินใจของเธอ” นิโคลัสบอกในสิ่งที่ตนคิด ทำให้เฟรดเดอริกจำต้องพยักหน้ารับ เพราะถึงอย่างไรคำสั่งของนิโคลัส ธอร์นตัน ย่อมถือเป็นคำตัดสินสูงสุดอยู่แล้ว
อีกอย่างคนอย่างเขา ถ้าจะช่วยเหลือใครสักคนก็ไม่ใช่เรื่องลำบากยากแค้นเสียขนาดนั้น
แม้โดยพื้นนิสัยของธอร์นตันคนสุดท้ายของตระกูลออกจะเป็นหนุ่มเจ้าสำราญและออกจะขี้เล่นเสียด้วยซ้ำ ขัดกับเพื่อนสนิทที่สุดของเขาอย่าง ‘มิสเตอร์ฟาวเลอร์’ แต่ก็เป็นคนเอาจริงเอาจังประเภทยอมหักไม่ยอมงอ แต่เฟรดเดอริกก็ออกจะแน่ใจอยู่อย่างว่า...ไม่มีตรงไหนของนิโคลัสที่บ่งบอกว่าเขาเป็นคนใจดี
...และคิดช่วยเหลือใครโดยไม่มีเงื่อนไข
กรณีที่จู่ๆ เขาก็ช่วยผู้หญิงต่างชาติไร้ที่มาคนนั้น แถมดูแลเธอด้วยตัวเองเสียด้วย ก็ออกจะเป็นพฤติกรรมที่แปลกไปสำหรับเจ้าตัว จนเขาเองก็อดไม่ได้ที่จะกังวล
นิโคลัสกำลังคิดอะไรอยู่?
“เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ” เฟรดเดอริกยอมรับในที่สุด “...แล้วอย่างนั้นคุณจะให้เธออยู่บ้านนี้ในฐานะอะไร ผมจะได้จัดเตรียมอะไรๆ ได้ถูกต้อง”
พ่อบ้านสูงวัยถาม ซึ่งเป็นคำถามที่ทำให้นิโคลัสต้องคิด...นั่นสิ เขาจะให้เธออยู่ที่นี่ในฐานะอะไร?
เขาเงียบไปเกือบนาที จนในที่สุดก็ตัดสินใจได้ “ให้เธออยู่บ้านนี้ในฐานะเพื่อน...”
“ครับ” เฟรดยอมรับโดยดุษณีไร้ข้อโต้แย้ง “งั้นผมจะจัดห้องให้เธออยู่ปีกซ้ายของคฤหาสน์แล้วกันนะครับ” พ่อบ้านสูงวัยบอกกับเจ้านายของตน เป็นที่รู้กันว่าปีกซ้ายของคฤหาสน์นั้นคือส่วนของแขกทั้งหมด ขณะที่ปีกขวาเป็นของเจ้าบ้าน ซึ่งขณะนี้เหลือเพียงคนเดียวเท่านั้น
“ไม่เฟรด” นิโคลัสปฏิเสธ ก่อนจะสั่งต่อไปว่า “จัดให้เธออยู่ทางขวา...ตรงข้ามห้องฉัน”
“แต่ว่า...”
“ไม่เป็นไรหรอก ทำตามที่สั่งก็พอ”
นิโคลัสตัดบท ไม่คิดฟังคำทักท้วงใดๆ ของพ่อบ้านเก่าแก่ที่อยู่มานานกว่าเขาเสียอีก และสำหรับเฟรดเดอริก เมื่อเห็นว่าขัดคำสั่งไม่ได้ก็ได้แต่น้อมรับอีกครั้งแต่โดยดี...ไม่เข้าใจจริงๆ ว่านิโคลัสนั้นคิดอะไรอยู่กันแน่
ประหลาดแท้ๆ
พอคล้อยหลังเฟรดเดอริกออกไป นิโคลัสก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมทว่าไม่นานนักชายหนุ่มก็ตัดสินใจลุกขึ้นยืน เพื่อไปหาหญิงสาวเนื่องจากคาดการณ์ว่าตอนนี้เธอน่าจะแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว และเมื่อก้าวออกมาจากห้องทำงานของตนเองซึ่งอยู่ติดกับห้องนอนก็เห็นสาวใช้สองคนที่เขาสั่งให้ไปช่วยหญิงสาวยืนอยู่หน้าห้องพอดี
“เรียบร้อยแล้วเหรอ?”
ชายหนุ่มเข้าไปถามสาวใช้ทั้งคู่ ทำให้หนึ่งในสองหันมาตอบเขาด้วยทีท่าตกใจเล็กน้อย “ค่ะ”
“อืม...งั้นไปได้แล้ว”
นิโคลัสไล่ สองสาวจึงเดินจากไปแต่โดยดี ชายหนุ่มยืนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงตัดสินใจเคาะประตูเป็นสัญญาณบ่งบอกแก่คนข้างในว่าเขาจะเข้าไป เมื่อเธอส่งเสียงอนุญาต นิโคลัสจึงค่อยๆ ผลักประตูเข้าไปแล้วเปิดออกกว้างเพื่อเป็นการให้เกียรติแก่เธอ ถึงแม้ว่านี่จะเป็นบ้านของเขาเอง แต่เขาก็ไม่อยากให้เธอรู้สึกไม่ดีว่าต้องอยู่กับเขาตามลำพังสองต่อสองเช่นนี้
แล้วเมื่อหันมาเห็นหญิงสาวยืนอยู่ตรงหน้าต่างบานกว้าง ซึ่งกำลังค่อยๆหันมาสบสายตาเขา นิโคลัสก็มีอันต้องตะลึงงันไปชั่วขณะ
ผู้หญิงตรงหน้าเขานั้นอยู่ในชุดเดรสสีครีมแบบเรียบๆ เรือนร่างของเธอดูบอบบาง ทว่าในสายตาเขาเธอออกจะผอมเกินไปสักหน่อย ผิวออกขาวเหลืองเนียนละเอียด ผมยาวดำขลับละแผ่นหลัง ดวงหน้าที่เมื่อแรกนั้นดูซีดเซียวนั้น บัดนี้ดูสดใสขึ้นเพราะได้รับการแต่งแต้มสีสัน ไม่ได้ดูหนาเตอะ แต่ดูเบาบางเป็นธรรมชาติ กลบรอยช้ำจนแทบสังเกตไม่เห็นหากไม่ได้ตั้งใจพิศดู เธอไม่ได้สวย ผุดผาดบาดตา...ทว่าเธอกลับตรึงใจเขาได้อย่างน่าประหลาดนัก
เธอสะกดเขาให้นิ่งงันด้วยนัยน์ตาสีน้ำตาลใสวาววับคู่นั้น....ท่วงท่าเธอในยามหันมาสบตาเขาทำเอาหัวใจของชายหนุ่มสั่นคลอนอย่างน่าประหลาด...ราวกับล่องลอยในความฝันไปชั่วขณะ จนมารู้สึกตัวเมื่อหญิงสาวเอ่ยเรียกเขาเสียงแผ่วเบาราวกับล่องลอยจากที่ไกลแสนไกล
“มิสเตอร์ธอร์นตันคะ...”
นิโคลัสกะพริบตาถี่ๆ แววตาในดวงตาสีน้ำทะเลคู่นั้นหันมาจับจ้องที่เธอแล้ว นิโคลัสถึงสลัดศีรษะตนเองอยู่สองสามทีเมื่อรู้สึกว่าตนเองชักจะคิดอะไรเลื่อนเปื้อน...หัวใจก็ดันมาเต้นผิดจังหวะเพราะผู้หญิงตรงหน้า และใช่ว่าเขาจะไม่เคยเห็นเธอมาก่อน แต่ก็ดันทำท่าเหมือนกับว่าเคยพบหน้าเธอครั้งแรกเสียอย่างนั้น
หัวใจเขาก็เป็นบ้าอะไรไม่รู้ที่ดันมาเต้นผิดปกติเอาตอนนี้...ถึงแม้ครั้งแรกที่ได้เจอเธอ หญิงสาวจะไม่สบายและมอมแมวราวกับแมวคราว ซ้ำมาพิศดูเธอตอนนี้ อันที่จริงถึงแม้เธอจะเป็นหญิงสาวที่เรียกได้ว่าหน้าตาดี แต่ก็ไม่ได้ดูสวยจัดจับใจ หรือมีเสน่ห์ดึงดูดให้เขาต้องตกตะลึงได้ดังเช่นเมื่อครู่ที่ผ่านมา
หากว่าเป็นเซเรน่าที่ทำให้เขามีอาการเช่นนี้ นิโคลัสจะไม่แปลกใจเลยสักนิดเดียว...
แต่ก็นั่นแหละ นิโคลัสก็ไม่อาจปฏิเสธความเป็นจริงไปได้ เซเรน่าไม่เคยทำให้เขาใจเต้นได้เลยสักครั้งนับตั้งแต่รู้จักกันจนถึง ณ ตอนนี้
ผิดกับหญิงสาวอีกคน
“เอ่อ...มิสเตอร์คะ?” วรรษาเอ่ยขึ้นอีกครั้ง สำเนียงของเธอแปร่งหู ฟังแล้วรู้ได้ทันทีเลยว่าเธอนั้นคงไม่ชำนาญในภาษาบ้านเกิดของเขานักทว่าก็ยังดีที่สื่อสารกันได้อย่างรู้เรื่อง ทำให้นิโคลัสเลิกหมกมุ่นกับความคิดของตนเองแล้วคลี่ยิ้มเจิดจ้าราวกับแสงตะวันส่งให้หญิงสาวเป็นเชิงขอโทษ
วรรษาหลุบเปลือกตาลง ทีท่าเธอกลับกลายเป็นเงอะงะและเขินอายทันทีที่ได้รับรอยยิ้มอันสดใสราวแสงตะวันที่ฉายในยามอรุณรุ่งหลังจากที่ต้องผจญกับพายุฝนตลอดค่ำคืน
“เห็นจะต้องขอโทษที่ออกจะเสียมารยาทไปสักหน่อย” เจ้าบ้านเอ่ยขึ้น ทำให้หญิงสาวซึ่งก้มหน้าหลบสายตาเขาพยักหน้ารับ จนเมื่อคิดได้ว่าออกจะเป็นการเสียมารยาทหญิงสาวเอ่ยเป็นคำพูด
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“อืม...” นิโคลัสทำเสียงครางในลำคอ ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันคิดว่าเราไปพูดคุยตกลงกันที่ห้องข้างล่างจะดีกว่า พูดคุยกันสองต่อสองในห้องนี้เห็นจะไม่เหมาะสมเสียเท่าไหร่” นิโคลัสเสนอขึ้น
เป็นอีกครั้งที่หญิงสาวตอบตกลงแต่โดยดี “ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นไปกันเถอะ”
พูดจบนิโคลัสก็ขยับตัวเป็นเชิงให้เธอเดินนำออกมาก่อน แล้วเมื่อ หญิงสาวก้าวเดินชายหนุ่มก็เดินตามประกบ แต่อย่างไรหญิงสาวก็รู้สึกได้ถึงสายตาคมปลาบที่มองสำรวจร่างกายเธออยู่ดี ทว่าเธอกลับไม่ได้รู้สึกเลยว่าเขามองอย่างจาบจ้วงหยาบคาย ดูเหมือนว่าเขาจะมองดูว่าเธอสบายดีหรือเปล่าเพียงเท่านั้นเอง
ตลอดทางที่เดินตามนิโคลัสมา วรรษาแทบกลั้นหายใจในทุกย่างก้าวที่เหยียบย่างลงบนพื้นหินอ่อนของคฤหาสน์หลังนี้ บ้านของนิโคลัสนั้นลักษณะการตกแต่งนั้นสวยงามราวกับปราสาทที่เธอเคยเห็นผ่านการชมภาพยนตร์ ทุกสิ่งดูสวยงามรับกับอย่างเหมาะเจาะ และส่งเสริมให้ชายเจ้าของบ้านนั้นมีทีท่าทรงอำนาจอย่างประหลาด บัดนี้เธอเหลือบตามองคนที่คล้ายกับจะเดินนำไปครึ่งก้าวด้วยดวงตาฉายแวววิตกกังวล
ทุกสิ่งรอบตัวเขาดูราวกับจะส่งเสริมให้ชายที่เดินนำนั้นคล้ายกับเป็นเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ และสิ่งเดียวที่ดูผิดแผกในสถานที่แห่งนี้ก็คงมีเพียงเธอ...ผู้หญิงหลอกลวง