ตอนที่5

934 Words
เมื่อเดินลงจากบันไดลงมาแล้วเลี้ยวขวา เดินตรงไปไม่ถึงยี่สิบก้าวเขาก็หยุดเดิน แล้วเปิดประตูห้องตรงหน้าออกกว้าง ผายมือเชื้อเชิญให้เธอเดินเข้าไป เมื่อย่างเท้าเข้าไปในห้องนั้น หญิงสาวก็พบว่ามันคล้ายกับจะเป็นห้องพักผ่อนหย่อนใจของเจ้าของบ้าน เพราะมันไม่ได้ดูเคร่งขรึมและสวยงามอย่างอลังการดังภายนอกห้องนี้ “นั่งลงสิ” นิโคลัสบอกอย่างใจดีขณะที่ผายมือไปยังโซฟาตัวใหญ่หนานุ่ม ดูน่าสบายเมื่อมาซุกตัวนั่งเงียบๆ ในยามหน้าหนาว ขณะที่เขาก็นั่งลงตรงข้ามกับเธอ หญิงสาวออกจะเกร็งสักเล็กน้อยที่เขาจ้องมองเธอเขม็ง แต่ก็ไม่ได้หลุดปากพูดอะไรออกมา “เอาละ” เขาเริ่มพูดและเลิกที่จะจ้องหน้าเธอเขม็ง เปลี่ยนทีท่าเป็นในยามปกติที่เธอออกจะคุ้นตา “เห็นทีว่าเราควรจะต้องพูดกันให้รู้เรื่องเสียที” “รู้เรื่องอะไรคะ?” หญิงสาวถามอย่างเป็นกังวลและไม่เข้าใจ แต่แล้วก็ต้องใจหายวาบเมื่อคิดอะไรได้ เขาคงจะจับได้แล้วกระมังว่าเธอโกหก?! “ทุกๆ เรื่อง” เขาตอบง่ายๆ แล้วพูดต่อไปว่า “ก่อนอื่นฉันคงต้องบอกว่าออกจะเสียใจที่ขับรถชนเธอจนได้รับบาดเจ็บ ถึงแม้ว่าจะเป็นเธอเองที่วิ่งมาตัดหน้ารถฉัน ถ้าเธอยังจำได้น่ะนะ” ชายหนุ่มเท้าความให้เธอฟัง หญิงสาวหลุบเปลือกตาลงไม่กล้าสู้หน้าเขาด้วยออกจะละอายว่านั่นคือความจริง...แม้เธอจะไม่ตั้งใจตัดหน้ารถเขาจนสร้างความเดือดร้อนให้ก็ตาม “แต่ไม่เป็นไร เพราะถึงอย่างไรฉันก็จะรับผิดชอบเอง และคิดว่าจะทำให้ดีที่สุด เธอไม่ต้องห่วงนะว่า ระหว่างที่ยังจำอะไรไม่ได้แบบนี้ฉันจะทิ้งทุ่นเธอไปและไม่เหลียวแลอะไรเลย ตรงนี้ขอให้สบายใจได้” ชายหนุ่มว่าแล้วก็คลี่ยิ้มให้เธอ อันที่จริงเขาก็พอจะดูออกอยู่บ้างว่านับตั้งแต่เธอฟื้นขึ้นมาในเช้านี้ เธอออกจะมีหน้าตากังวลตลอดเวลา คาดว่าคงเป็นเพราะคิดว่าเขาจะทิ้งเธอไปตามยถากรรม เพราะเอาจริงๆ ฝ่ายผิดก็คือเธอนั่นเอง เพียงแต่ว่าชายหนุ่มคาดเดาผิดไปเท่านั้น “...” วรรษาไม่ได้พูดอะไรออกมาในยามนี้ แต่ดวงตาเธอที่สื่ออารมณ์ในขณะนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะบอกให้ชายหนุ่มได้รับรู้ว่าเธอซาบซึ้งใจมากแค่ไหน เป็นอีกครั้งที่นิโคลัสคลี่ยิ้มอ่อนโยนให้เธอ “แต่ก่อนที่เราจะพูดอะไรกันต่อไป ฉันอยากจะถามอะไรเธอสักเล็กน้อยจะได้ไหม” “ได้ค่ะ” หญิงสาวตอบรับอย่างเต็มใจ นิโคลัสจ้องหน้าเธอนิ่ง ออกจะชั่งใจเล็กน้อยที่จะถามอะไรที่เกี่ยวกับการจำของหญิงสาว เพราะว่ายังจำได้ดีว่าเมื่อคืนนี้เธอมีอาการเช่นไร ทว่าคำถามนี้...ไม่ถามก็ไม่ได้ ชายหนุ่มจึงตัดใจ แล้วถามไปในที่สุด “เธอพอจะจำได้หรือไม่ว่าตัวเองชื่ออะไร?” คำถามของเขานั้นเกือบแล้วที่จะทำให้วรรษาหลุดยิ้มออกมาหากเธอไม่ฉุกใจคิดได้ทันท่วงที นี่หรือคำถามที่เขาทำหน้าลำบากใจเหลือเกินที่จะถาม? แต่มันก็คือคำถามอันตรายหากเธอไม่ระวังตัว ในเมื่อเธอโกหกเขาเอาไว้ว่าตนเองความจำเสื่อม จำอะไรไม่ได้เลย การที่จู่ๆ โดนถามด้วยคำถามง่ายๆ ทว่าสำคัญยิ่ง หากเธอตอบได้ มันจะไม่กลายเป็นข้อผิดพลาดอันยิ่งใหญ่หรอกหรือ วรรษานิ่งหน้าทำท่าคล้ายคิดหนักกับคำถามของเขา แท้จริงเธอกำลังคิดคำนวนหาทางหนีทีไล่ในใจอยู่ต่างหาก ซึ่งท่าทางเหมือนจะคิดหนักขึ้นไปทุกทีของเธอทำให้นิโคลัสรีบร้องห้ามโดยทันที “ถ้านึกไม่ออกไม่ต้องนึกแล้ว...จะได้ไม่ปวดหัวเหมือนเมื่อคืน” เขาปรามด้วยความเป็นห่วง แม้จะรู้สึกผิด แต่วรรษาก็โล่งใจในคราวเดียวกัน “งั้นจะให้ฉันเรียกเธอว่าอะไรดีล่ะ?” เขาพูดขณะที่มองหน้าเธอคล้ายจะปรึกษา วรรษาส่ายหน้า ยามนี้คิดอะไรไม่ออก เขาอยากจะเรียกเธอว่าอะไรก็ไม่สำคัญ ในช่วงเวลาที่อยู่ที่นี่ เธอคิดแล้วว่าคงจะยอมเขาทุกอย่าง ถือเขาเป็นผู้มีพระคุณคนหนึ่ง ไม่ว่าเขาจะให้เธอทำอะไรหญิงสาวตั้งใจแล้วว่า ในขณะที่อยู่ที่นี่ จนกว่าจะหาที่ไปได้...เธอยินดีรับใช้เขาทุกอย่าง “ว๊า...” นิโคลัสอุทานอย่างขัดใจ เมื่อเห็นหญิงสาวส่ายหน้า ตัดช่องน้อยแต่พอตัวแล้วหนีไปเช่นนั้น “ไม่มีอะไรที่ติดค้างในใจหรือชอบเป็นพิเศษเหรอ” เขาถาม และเป็นอีกครั้งที่เธอส่ายหน้า แต่ก็กลั้นยิ้มแทบไม่ไหวกับสีหน้าของเขาในยามนี้ “อืม...ฉันเจอเธอเมื่อวานนี้ตอนฝนตก เหมือนเธอมาพร้อมกับสายฝน” เขาทบทวนและทำท่าครุ่นคิดหนัก ขณะที่หญิงสาวก็มองหน้าเขาอย่างฉงนใจว่ามันเกี่ยวกับที่จะตั้งชื่อให้เธออย่างไร แล้วเธอก็ต้องสะดุ้งวาบอย่างร้อนตัวไม่ได้ เมื่อได้ยินว่าเขาตั้งชื่อให้เธอว่าอะไร “งั้นฉันจะเรียกเธอว่าเรนก็แล้วกันดีไหม?”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD