"ปัญญาอ่อน"
"นั้นมึงเอาเงินมาให้กูไอ้ยักษ์กูว่าแล้วมันจะด่าคำนี้!"
"ส้นตีนจริงๆ"
ผมเหลือบมองไอ้ยักษ์ที่กำลังยื่นแบงค์พันให้ไอ้ใบเตยด้วยสีหน้าราบเรียบไม่แสดงอาการอะไรก่อนจะสไลด์หน้าจอออกจากเพจปัญญาอ่อนที่ไอ้ยักษ์เพิ่งเอาให้ดูด้วยความหงุดหงิด...โคตรไม่ชอบเลยไอ้การเป็นที่สนใจ
"หงุดหงิดมากไหมมึง" ไอ้เตยว่าพร้อมหัวเราะหึๆตามฉบับแถมยังดูอารมณ์ดีที่ได้เงินไอ้ยักษ์
"เดี๋ยวคนก็สนใจรูปอื่นเชื่อกู เพจนี้เอากูไปลงบ่อยจนชินล่ะ"
ไอ้ยักษ์บอกผมอย่างสบายอารมณ์ก่อนมันจะยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกดื่ม ผมพยักหน้าช้าๆอย่างไม่ได้คิดอะไรก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มบ้าง ตอนนี้เรานั่งอยู่ร้านเหล้าแบบชิลๆน่ะและผมก็ชอบมาร้านแบบนี้ ด้วยคนไม่เยอะ ไม่มีใครกล้าลุกเต้นเพราะมันแค่ร้านเหล้า แถมมีเหล้ากับบอลนัดล้างตาสนุกๆให้ดูแก้เบื่ออีก
"ว่าถึงเรื่องแข่ง มึงจะเก็บตัวอีกช่วงไหนนะ?" ไอ้เตยถามพร้อมยกบุหรี่ไฟฟ้าขึ้นสูบ ผมหรี่ตานึกคิดก่อนจะเหลือบมองไอ้เตยที่กำลังพ่นควันขาวๆออกมาอีกครั้ง
"อีกสามเดือนมั้ง ประมาณนั้น"
"ดีเลยดิช่วงนั้นปิดเทอม" ผมพยักหน้าอย่างเซ็งๆพร้อมเสยผมตัวเองขึ้นเมื่อนึกถึงเรื่องที่ทำให้หงุดหงิดได้ "เป็นเหี้ยไรอีกล่ะ" ไอ้ยักษ์ถามอีก ผมขมวดคิ้วมองมัน
"ก็เรื่องแข่งนี่แหละสัสกูต้องไปจิตอาสาเพราะเวลาเรียนอ.สมพงษ์ไม่พอ คิดแล้วกูหงุดหงิดแม่ง"
"มึงขาดวิชาแกเยอะขนาดนั้นมันก็ถูกอยู่แล้วไหมวะ อาจารย์ประจำภาคมึงด้วยนิใช่ป่ะ" ไอ้เตยว่าพร้อมถามผมจึงพยักหน้าก่อนยกแก้วขึ้นดื่มรวดเดียวหมด โคตรจะบาดคอ
"ส้นตีนน่ะสิกูไปแข่งในนามมหาลัยแต่เสือกมาเช็คกูขาด ใบลามหาลัยก็ออกให้จารแม่งกวนตีนกู"
"ใจเย็นพ่อ" ผมถอนหายใจพร้อมแย่งบุหรี่ไฟฟ้าไอ้เตยมาสูบก่อนจะเบ้หน้าเพราะรสแม่งโคตรจะหวาดบาดคอ! "กลิ่นบลูเบอรี่มาใหม่น่ารักเชียวกูเลยเอามาลอง เป็นไงหวานเจี๊ยบไหม?"
"เจี๊ยบพ่อมึง โคตรหวานไม่มีความนุ่มเหี้ยไรเลย"
ผมมองบนและยัดบุหรี่คืนมือไอ้เตย ไอ้สัสนี่แม่งชอบกลิ่นหวานๆผมก็ลืม ผมชงเหล้าเข้มๆมากรอกปากล้างคอก่อนเหลือบเห็นไอ้ยักษ์ที่กำลังนั่งยิ้มมองมาที่ผมอยู่
"อะไรไอ้ยักษ์ อย่าบอกว่าเมาแล้ว" ผมถามมันหัวเราะในลำคอก่อนจะชี้มาที่ผม
"ด้าไปไหนล่ะไหนบอกวันนี้จะมาด้วย" ผมขมวดคิ้วเมื่อเพื่อนตัวเองกำลังทำการจับผิดอีกแล้ว ผมเหยียดยิ้มและยักคิ้วให้ไอ้ยักษ์
"เลิกล่ะ"
"เชี้ย ตอนเที่ยงยังดีๆยังพากันไปพลอดรักอยู่เลยนิ" ไอ้เตยหันมาถาม
"ไม่ได้พลอดแค่เกือบดีที่มีคนขัด ใครแม่งจะไปมีอารมณ์ในห้องน้ำหญิงวะถามจริง"
ผมบ่นยาวเพราะขัดใจจริงๆที่ถูกลากไปห้องน้ำหญิงเมื่อตอนเที่ยง คือถ้าด้าอยากบอกกูได้นะเดี๋ยวพาออกไปเอาที่อื่นได้
"ไอ้สัสมึงก็ตรงไป" ไอ้ยักษ์ปราม "แล้วไปเลิกกันได้ไงกูนึกว่าด้าจะจริงจังเพราะคบนาน"
"คบนานเพราะไอ้เหี้ยพายุไม่มีเวลาบอกเลิกน่ะสิ มันติดแข่งมันจะเอาเวลาไหนไปชิ่ง" ไอ้เตยก็รู้ดี ผมเหยียดยิ้มมองมันอย่างรู้กัน
"ด้าบอกกูไม่มีเวลาให้คือเอาจริงถ้ามึงอยากได้เวลามึงไม่ไปซื้อนาฬิกาล่ะวะ"
ไอ้เตยหัวเราะพร้อมยกมือมาตีไหล่ผมอย่างชอบใจ ผมส่ายหน้าไปมาพร้อมใช้หัวพิงโซฟาอย่างเพลียๆ ผู้หญิงแม่งง้องแง้งน่ารำคาญ
"เอาจริงมึงคิดว่าเขาอยากได้เวลาแบบนั้นจริงหรอวะ" ไอ้ยักษ์ถามนิ่งๆตามประสามันซึ่งผมก็ยักไหล่ตอบอย่างกวนๆ "มึงอยากเลิกเองก็ว่า"
"ฮะๆ มันไม่ความสุขจะคบต่อทำไมล่ะ" ผมตอบตามจริง "อันที่จริงอย่าพูดว่าคบเลยกูคบแม่งไม่ถึงเดือนสักคน"
ผมเบื่อคนง่ายอันนี้รู้เลยว่าสันดานตัวเองล้วนๆ แต่ก็ไม่คิดจะเปลี่ยนนิสัยนะ รับได้ก็รับรับไม่ได้ก็เลิกกันไปแค่นั้น
"มึงพูดถูกเพื่อน คบไปก็ไม่สบายใจสู้เลิกไปดีกว่าวินๆทั้งคู่"
และคงมีแต่ไอ้เหี้ยเตยนี่แหละที่มีความคิดเหมือนผมต่างจากไอ้ยักษ์ที่ทำแค่ส่ายหน้าอย่างเอือมๆ มันพวกจริงจังน่ะแต่ผมก็ไม่ได้รำคาญอะไรมันนะเพราะถ้าไม่มีมันในกลุ่มปานนี้ผมกับไอ้เตยได้เหลวแหลกกว่านี้แน่
ฟึ้บ...
ผมเหลือบมองมือใครสักคนที่กำลังลูบไหล่ตัวเองอย่างงงๆ ก่อนเงยหน้ามองร่างเพรียวที่ยืนอยู่ด้านหลังโซฟา ผมเลิกคิ้วพร้อมมองเธอที่โน้มใบหน้าสวยๆลงมาหาจนเห็นร่องนมที่โผล่ออกมาจากชุดเกาะอก...
"คุยอะไรกันคะหนุ่มๆน่าสนุกจัง.."
เธอถามพร้อมยิ้มอย่างเป็นมิตรแต่สายตากลับตวัดมองไปทั่วใบหน้าผมอย่างมีเลศนัย ผมเหยียดยิ้มพร้อมสบตากับไอ้เตยที่กำลังมองผมอยู่ มันยิ้มพร้อมพยักหน้าขณะที่ไอ้ยักษ์ทำแค่ยิ้มบางๆ
"ก็หลายเรื่อง" ผมตอบ "แล้วคุณ..."
"พลอยค่ะ ไม่คิดว่าร้านเหล้าเล็กๆแบบนี้จะมีหนุ่มหล่อคนดังสามคนมาเยื้อนได้" เธอตอบยิ้มๆซึ่งดูแล้วคงอายุมากกว่าพวกผม เธอหรี่ตาก่อนมือเล็กจะซุกซนลูบไล้มาตามหน้าอกผมที่ปลดกระดุมเสื้อลงสามเม็ด "แต่พลอยว่าตอนนี้พายุควรจะกลับไปนอนนะคะ พ่อนักซิ่งตัวจริง"
รู้เลยว่าเธอรู้จักผมจากไหน ผมหัวเราะก่อนจะยกเหล้าขึ้นกระดกดื่มจนหมดและลุกขึ้นยืนไม่สนใจบอลที่กำลังสนุกเลยสักนิด
"จะเป็นไรไหมถ้าผมขอไปนอนห้องพลอย" ผมถามตรงๆทำเอาเธอเบิกตาทำท่าเขินอาย เธอก้มหน้าหยักเบาๆผมเลยหันมายิ้มให้เพื่อนอีกสองที่ยังนั่งอยู่พร้อมหยิบแบล็คการ์ดส่งให้ไอ้ใบเตยเพราะคุยกับพวกมันก่อนหน้านี้แล้วว่าจะเลี้ยง
"กลับก่อนนะกูต้องรีบนอน" ไอ้ยักษ์หัวเราะขณะที่ไอ้เตยก็พยักหน้าโดยไม่ลืมที่จะกัดผมเบาๆ
"ป้องกันด้วยครับอย่านอนเปล่าๆล่ะ"
ไอ้สัสนี่...ผมหัวเราะก่อนจะคว้าเอวคอดมาเดินออกไปจากร้านพร้อมกันซึ่งเธอเองก็มีท่าทีเขินอายนิดๆทั้งๆที่เป็นคนเข้าหาผมเองแท้ๆ แต่ว่าก็ว่าเถอะ...ได้ผ่อนคลายบ้างก็ดี
"อ๊ะ อ๊ะ พะพายุอื้ออ"
ผมกัดปากบางพร้อมบีบเอวคอดอย่างแรงตามแรงอารมณ์จนร่างเพรียวที่กำลังกระแทกกระทั้นกลืนกินตัวตนผมต้องบิดกายไปมาขณะที่มือเล็กก็จับไหล่ผมไว้เพื่อพยุงให้เธอขยับเข้าหาผมได้สะดวก ผมคำรามเบาๆก่อนจะผลักเธอติดลงกับเตียงก่อนเป็นฝ่ายขยับเอวสอบกระแทกเข้าหาช่องทางที่กำลังกระตุกบีบรัดทันทีด้วยความรุนแรงและเร้าร้อนจนร่างเพรียวครวญครางไม่ขาดปาก
พั่บพั่บพั่บ!! //เอียดๆๆ
ทั้งเสียงเนื้อกระทบเนื้อและเสียงเตียงกระทบกับพนังดังแข่งกันไม่หยุดและห้องข้างๆคงก่นด่าพวกผมไปแล้วที่รบกวนเวลานอนไปแบบนั้นแต่คนอารมณ์กำลังจะแตกเหมือนผมในตอนนี้ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ ผมดันขาเรียวขึ้นสูงพร้อมกระแทกอัดจนเธอส่ายหน้าหวีดร้องไม่หยุด..
"มะไม่ไหว จะเสร็จแล้วอ๊ะกรี๊ด!!"
ผมกดเอวคอดที่กำลังกระตุกอย่างหนักลงกับเตียงและขยับสะโพกเสือกไสแก่นกายเข้าหาอย่างหนักหน่วงก่อนจะถอนตัวเองออกพร้อมกับถอดถุงยางออกมาชักแก่นกายจนน้ำสีขาวขุ่นพุ่งออกมาเปรอะเต็มหน้าขาของคนใต้ร่าง ผมยันแขนไปกับเตียงพร้อมถอนหายใจก่อนริมฝีปากบางจะขยับขึ้นมากดจูบผมเบาๆ
"พายุสุดยอดมากเลย...พลอยรักพายุนะคะ"
ผมยิ้มพร้อมดันไหล่เธอให้นอนลงกับเตียงก่อนตัวเองจะลุกขึ้นมาหยิบกางเกงขึ้นสวม...ผมมองถุงยางอีกสองที่ตกลงที่พื้นก่อนจะไล้สายตามองคนที่เตียงอีกครั้ง ดูท่าเธอจะหมดแรงไปแล้วผมหยิบบุหรี่ติดมือออกมาสูบนอกระเบียงพลางกดโทรศัพท์ดูนั้นนี่ไปเรื่อยเพื่อรอให้ตัวเองหายเมื่อย กะจะกลับเลยแหละแต่อยากสูบสักม้วนก่อน
สายตาผมไล้ดูนั้นนี่ไปเรื่อยจนกลับมาหยุดที่รูปตัวเองกำลังถือถ้วยรางวัลแข่งรถที่ไปชนะมาเมื่ออาทิตย์ก่อน ผมจำได้ว่ามีนักข่าวถ่ายแต่รูปมุมนี้มันไม่น่าจะใช่ของนักข่าวนะ...ริมฝีปากที่กำลังคาบบุหรี่ของผมกระตุกเมื่อคิดออกว่ามุมนี้ใครถ่าย เป็นผู้หญิงตัวเล็ก เตี้ยกว่าผมเกือบยี่สิบเช็นได้ใส่หมวกสีชมพูดูไม่น่าใช่พวกนักข่าว
"ช่างแม่ง"
ใครมันจะถ่ายกูช่างมันเถอะ ผมเลิกคิดก่อนกลับมาหยิบเสื้อผ้าตัวเองใส่และเดินออกจากห้องของพลอยโดยไม่ลืมล็อคประตูให้ด้วยเพราะผมไม่น่าจะกลับมาแล้วแหละ...แค่ครั้งเดียวก็เกินพอ
"ลงรถแล้วเอาสัมภาระไปเก็บที่โรงนอนกลางก่อนแล้วค่อยมาเจอกันที่ลานตรงนี้เพื่อแบ่งงานนะนักศึกษา"
ผมหยิบกระเป๋าเป้ตัวเองขึ้นสะพายก่อนจะเดินเอากระเป๋ามาวางที่เดียวกับกลุ่มเพื่อนตัวเองหลังจากการเดินทางแปดชั่วโมงจบลงและนำเรามาถึงโรงเรียนหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ผมจำไม่ได้ว่าโรงเรียนชื่ออะไรและสถานที่ก็ไม่ค่อยจะดูเป็นโรงเรียนเท่าไหร่นัก ผมเดินออกมายืดเส้นยืดสายอย่างเหนื่อยล้าก่อนจะดูนาฬิกาที่บอกเวลาเกือบจะสี่โมงเย็นไปแล้ว
"ทางโคตรลำบาก" ผมเหลือบมองไอ้ธีเพื่อนในคณะที่สนิท มันเตี้ยกว่าผมเยอะทำให้เวลาฟังมันพูดต้องก้มฟัง "นี่ถ้าไม่ติดว่าได้คะแนนอย่าหวังว่าจะเห็นหัวกู"
"ถูก" ไอ้สามสบทบ มันถอนหายใจและหยิบกระดาษแบ่งงานออกมาอ่านมันเป็นพี่ว๊ากและชอบกิจกรรมน่ะและมันอาสาเป็นคนนำทำงานนี้เพื่อเอาหน้า...ผมรู้ดี "เราต้องบำรุงเยอะเลยว่ะนี่กูกะจะไปเดินดูโรงเรียนรอบๆอีกทีพวกมึงไปกับกูหน่อยดิ"
"กูขี้เกียจไอ้ธีอ่ะมันอยากไป"
ผมโบ้ยให้ไอ้ธีทันทีก่อนจะเดินหนีออกมาอีกทาง นั่งรถก็นานตายห่ายังต้องมาเดินดูอาคารพังๆอีกฝันเหอะ ผมเดินออกมารับลมก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาแต่ก็ต้องถอนหายใจเพราะมันไม่มีสัญญาน...โคตรทุรกันดาร
อยากสูบบุหรี่ชิบหาย..
"วู้ๆ"
เสียงโหร้องแซวจากพวกผู้ชายคณะผมดังขึ้นทำเอาผมต้องหันกลับไปมองรถบัสคันใหญ่ที่ขับเข้ามาตามหลังซึ่งดูแล้วคงเป็นอีกคณะที่เข้าร่วมด้วยตามที่อาจารย์พงษ์เคยบอก ผมหรี่ตามองนักศึกษาของอีกคณะที่กำลังเดินลงจากรถและทำเอาถึงบางอ้อเพราะพวกที่ลงมามีผู้หญิงเป็นส่วนมาก...ถึงว่าพวกตัวผู้เนื้อเต้นกันใหญ่
"รวมตัวครับรวมตัว!!"
หลังจากให้ทั้งสองคณะพักผ่อนไปเกือบครึ่งชั่วโมงไอ้สามก็ตะโกนเรียกรวมกลุ่มเสียงดังจนผมที่แยกออกมานั่งไกลๆยังได้ยินผมจึงทิ้งบุหรี่ลงกับพื้นและขยี้ด้วยเท้าจนมันดับ ก็บอกแล้วว่าอยากสูบและมันอดไม่ได้จริงๆ
"ด้วยอาจารย์ทั้งสองท่านเสียงเบาพี่เลยอาสาอธิบายงานแทนนะครับ"
สุภาพจัด...ผมที่เพิ่งเดินเข้ามายืนกลางลานเลิกคิ้วอย่างอึ้งๆแต่พอเห็นอาจารย์ที่ยืนคุ้มอยู่ด้านหลังก็เลยรู้ ไอ้ธีชกแขนผมเบาๆ
"แอบไปสูบไม่ชวนกู" มันด่าทันที
"ครั้งหน้า"
ผมตอบไปก่อนจะยืนมองผ่านหัวคนด้านหน้าตัวเองไปตรงกลางอย่างชิลๆ พวกที่อยู่ด้านหน้ามันนั่งผมเลยมองได้สบายหน่อย...ดูเหมือนอีกคณะที่นั่งฝั่งตรงข้ามจะคนเยอะกว่านะเนี้ย
"พี่ขอแนะนำตัวล่ะกันนะครับ พี่ชื่อสามอยู่ปีสามจะเป็นคนประสานงานระหว่างคณะวิศวะกับคณะครุศาสตร์และพี่ไปดูตามอาคารเรียนของน้องๆมาแล้วพบปัญหาหลายจุดซึ่งคนคณะพี่มากันไม่ถึงยี่สิบคนเลยจะขอแรงคนของครุศาสตร์ไปช่วยงานหน่อยน่ะครับถ้าว่างจากการสอนเด็กๆกัน"
"โห่..."
เสียงโห่แบบนี้รู้เลยว่าทางนั้นคงอยากจะช่วย ผมกับไอ้ธีหัวเราะเพราะขำหน้าไอ้สามที่ดูจะเสียสุดๆ มันยิ้มแห้งก่อนจะมองรอบๆจนมาปะทะกับผมที่ยืนกอดอกมองอยู่ มันยิ้มร้ายก่อนจะหันมองทางครุศาสตร์อีกครั้ง
"พี่รู้ครับว่ามาแบบนี้แค่พวกน้องสอนเด็กๆก็เหนื่อยแล้วแต่พี่ก็อยากขอแรงนิดๆหน่อยๆว่างก็มาช่วยไม่ว่างก็ไม่เป็นไรและอ่อ..." มันยิ้มก่อนจะหันมาจ้องผม กูเริ่มตะหงิดๆล่ะ "พี่จะแนะนำคนประสานงานหมายเลขสองให้รู้จัก เชิญพี่พายุมาด้านหน้าหน่อยครับ"
ไอ้ส้นตีนเอ้ย! ผมได้แต่สบถในใจเพราะตอนนี้คนทั้งสองคณะหันมองมาทางผมเป็นที่เรียบร้อย เกิดเสียงกระซิบและเสียงกรี๊ดเบาๆจากทางครุศาสตร์ซึ่งนั้นเป็นอะไรที่ผมโคตรจะเกลียด ผมถอนหายใจแต่ก็ต้องยอมเดินไปด้านหน้าเพราะไอ้ธีที่ยืนข้างๆดันหลัง
"แนะนำตัวหน่อยครับพี่พายุ"
"มึงจะให้กูพูดอะไร!?" ผมกระซิบถามอย่างไม่พอใจ มันยิ้มและป้องปาก
"พูดอะไรก็ได้ให้คนทางนั้นแบ่งคนมาช่วยเรา รึมึงอยากทำงานหนัก!?"
จริงของมัน...ถ้าได้คนช่วยเยอะผมก็ไม่ต้องทำงานหนัก ผมพยักหน้าก่อนหันไปทางครุศาสตร์พร้อมก้มหัวทักทายนิดๆ
"สวัสดีครับพี่ชื่อพายุอยู่ปีสาม" ผมเว้นวรรคนิดๆเพราะดันมีน้องบางคนกรี๊ด "เอ่อ..พี่อยู่ฝ่ายประสานงานครับ พี่เข้าใจว่างานของพวกน้องหนักอยู่แล้วแต่ถ้าเราร่วมมือกันเพื่อพัฒนาโรงเรียนนี้พี่ว่ามันจะเสร็จเร็วและดีต่อน้องนักเรียนที่นี่ด้วย"
ไม่รู้ว่าจะสรรหาคำดีๆจากไหนมาพูดอีกว่ะเอาจริงๆ ผมเอียงใบหน้าก่อนจะยิ้มมุมปาก
"และถ้าน้องมีอะไรให้พวกพี่ช่วยพี่สัญญาครับว่าจะช่วยอย่างเต็มที่ สัญญาด้วยเกียรติของวิศวะเลย"
"วู้ๆๆ!!"
เสียงของพวกวิศวะดังขึ้นอย่างชอบใจก่อนผมจะเดินถอยออกมาให้ไอ้สามได้พูดต่อ ผมเดินมายืนข้างๆไอ้ธีตามเดิมขณะที่มันก็เป่าปากเบาๆ
"ง่าา ด้วยเกียรติของวิศวะกูเพิ่งรู้ว่าเรามีเกียรติขนาดนั้นฮ่าๆๆ"
"ฮะ ฮะ" ผมหัวเราะแห้งๆ "นอกจากมึงจะไม่มีประโยชน์แล้วยังไร้ค่าอีกนะ"
"ไอ้สัสเจ็บอ่ะ!"
ไอ้ธีโวยวายแต่ผมเลือกที่จะยักไหล่และมองไปทางครุศาสตร์ที่ตอนนี้มีบางคนที่มองมาที่ผมบ้าง บางคนก็ถึงขนาดยิ้มให้เลยแต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรไล้มองไปเรื่อยจนสายตามาหยุดกับร่างเล็กที่กำลังเดินถ่ายรูปอยู่ ถ่ายทั้งบรรยายกาศและไอ้สามที่กำลังอธิบายซึ่งมันไม่น่าสนใจอะไรหรอกถ้าตอนนี้เธอไม่ได้ใส่หมวกสีชมพูอยู่...ผมความจำดีนะและผมรู้ว่าหมวกใบนี้ไม่ได้มีซ้ำเยอะขนาดนั้น
"ยิ้มอะไรไอ้คุณชาย??" ผมเลิกคิ้วก่อนหันมองไอ้ธี
"เสือก"
ผมตอบก่อนจะหันมองคนตัวเล็กที่กำลังถ่ายรูปต่อ เธอใส่เสื้อของคณะและกางเกงยีนส์สีดำผมถักเปียทั้งสองข้าง เธอลดกล้องลงมาดูรูปพร้อมยิ้มออกมาบางๆเหมือนได้รูปที่ตัวเองพอใจ ผมหรี่ตาลงรู้สึกถูกใจอย่างที่ไม่เคยเป็น...รอยยิ้มซื่อๆกับหน้าตาธรรมดาๆต่างจากที่ผมชอบแต่มันกลับทำให้ผมต้องหยุดมองพร้อมความคิดดีๆที่เกิดขึ้นในหัว
ค่ายนี้ชักจะไม่น่าเบื่อซะแล้วสิ..