Ep 2 เงา

969 Words
เมื่อเธอกำลังเงยหน้าคุยกับชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มแบบคนทั่วไปจะพึ่งมี แต่สำหรับคนที่นั่งมองเขากลับรู้สึกว่ามันเกินงาม รอยยิ้มของเธอที่เขาไม่รู้สึกเกินงามคงมีแค่เพื่อนผู้ชายอีกสองคนเท่านั้น เหตุเพราะคนทั้งคู่เป็นคนรักกันเรื่องรอบตัวยัยขี้เซาของเขามีรึเขาจะไม่รู้ คำว่า "ของเขา" แม้แต่ตัวเขาเองยังรู้สึกกระดากปากถ้าจะพูดออกมาให้ใครได้ยิน แล้วถ้าเจ้าตัวรู้ว่ากลายเป็นคนมีเจ้าของตั้งแต่ยังไม่เคยพบหน้าละจะเป็นยังไง "คุณคีย์" ชื่อเล่นที่ถูกเติมคำนำหน้าเข้าไปตั้งแต่จำความได้แม้แต่ไคล่ายังเรียกเขาว่าพี่คุณคีย์ เขาไม่เคยสงสัยเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้พ่อกับแม่อยากเรียกเขาแบบไหนก็ตามที่ต้องการ ยังดีที่เพื่อนสนิทอีกสองคนไม่บ้า ๆ บอ ๆ เรียกเขาว่าคุณคีย์ตามด้วย "มึงจะไปไหนแต่หัววันครับเพื่อน" อิล เพื่อนสนิททักถามเมื่อเห็นว่าเขาเดินออกมาจากห้องทำงาน ส่วนอีกคนชื่อ เผ่า ก็มองหน้าเขาจะเอาคำตอบ ทั้งสามคนคบกันมาตั้งแต่อนุบาลด้วยนิสัยใจคอที่คล้ายกัน และแม่ของทั้งสามคนก็เป็นเพื่อนกันมานาน ทำให้ไม่มีช่องว่างสำหรับบุคคลอื่นที่จะแทรกเข้ามารวมอยู่กับพวกเขา ทั้งสามเหมือนเทพล่องหนมีตัวตนเฉพาะในคาบเรียน ทั้งสามไม่เคยเหยียบเข้าไปกินข้าวที่โรงอาหาร KMTT อาจจะมีคำถามมากมายจากคนหลายคน แต่คำตอบก็ถูกพูดกันขึ้นมาเองทั้งนั้น เหตุผลง่าย ๆ คือขี้เกียจและรำคาญ ในเมื่อเพื่อนเป็นเจ้าของ KMTT อภิสิทธิ์เรื่องห้องส่วนตัวก็ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่ ห้องพิเศษที่ถูกป้ายติดไว้ว่า "ห้องปฏิบัติการเฉพาะทาง" ประตูเข้าออกด้านนอกแสนจะธรรมดา ที่ปิดซ่อนประตูอีกชั้นไว้หลังตู้เก็บเอกสารเก่า รวมถึงดลกับเต้ที่ใส่ชุดนักศึกษาเสมอเมื่อต้องตามผู้เป็นนายเข้ามาที่นี่ "มีธุระ...คืนนี้ไปเจอกันที่คลับ" "เออ/ได้" ช่วงขาที่ยาวก้าวเพียงไม่กี่ก้าวก็ออกพ้นตัวตึก เขาเดินตรงไปที่ห้องสมุดเพื่อบางอย่าง หน้ากากสีดำที่เขาใช้เป็นข้ออ้างในการปิดบังใบหน้าด้วยเหตุผลคือกันโรคภูมิแพ้กำเริบ บวกกับผิวขาวซีดคล้ายคนไม่เคยออกปะทะแดดประเทศไทย ทำให้ทุกคนที่พบเห็นเชื่อว่าเขาเป็นแบบนั้นจริง ๆ รุ่นพี่นิลนนท์ที่ไม่ค่อยเดินไปไหนในมหาลัยเพราะเขาเป็นหนุ่มหล่อแสนบอบบาง ผู้หญิงที่แอบชื่นชอบเขามีไม่น้อยแต่ไม่เคยมีใครที่เขาหยุดมองหรือเสวนาด้วยสักคำ การปรากฏตัวที่ห้องสมุดเป็นเรื่องแปลกประหลาดสำหรับคนที่พบเห็นร่างสูงวันนี้ อาจารย์แก้วพยักหน้ารับไหว้จากนักศึกษาหนุ่มเพื่อไม่ให้ใครรู้เรื่องระหว่างเธอกับเขา เขายังคงทำตัวเป็นเด็กที่รู้จักสัมมาคารวะเสมอซึ่งเป็นสิ่งที่ได้รับการสอนสั่งอบรมมาอย่างดีจากผู้เป็นแม่ นิ้วเรียวเลือกที่จะสะกิดหนังสือหนึ่งเล่มออกมาจากชั้นวางอย่างไม่ใส่ใจว่ามันคือหนังสืออะไร หนังสือน้อยเล่มนั้นถูกจับตีกับช่วงขาของเขาระหว่างที่เดินตรงไปยังเก้าอี้นั่งที่ว่างอยู่ เขานั่งลงวางหนังสือปกแข็งเล็กไว้ตรงหน้าโดยไม่ได้เปิดมัน สายตาคู่สวยเกินผู้หญิงบางคนจะมีได้จ้องไปที่โต๊ะหลังห้องสมุด ใช่...เขาต้องการมองจนกว่าใครบางคนจะรู้สึกตัวถึงการมาของเขา และมันก็ได้ผลเธอรู้สึกตัวไวกว่าที่เขาคิดไว้เยอะ ชายหนุ่มผู้ผ่านทางมาเหมือนจะได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการแล้วเลยยกมือลาก่อนจะจากไปด้วยยิ้มอย่างผู้มีชัย แต่ชายหนุ่มไม่รู้เลยว่านั่นอาจจะเป็นยิ้มสุดท้ายที่สามารถส่งมาถึงผู้หญิงตรงหน้า ชายหนุ่มผิดอะไรเล่าในเมื่อเขาไม่เคยเห็นว่าสาวสวยออญ่ามีเจ้าของรวมทั้งตัวเธอเองด้วย สายตาของเธอหันมาสบตากับเขาอย่างไม่ตั้งใจ แต่นั่นเพราะเธอรู้สึกเหมือนมีคนมองมาที่เธอสักพักใหญ่ เธอไม่รู้ว่าเขาเป็นใครรู้เพียงว่าเป็นเด็กวิศวะเนื่องจากเขาสวมช็อป เธอใช้เวลาเพียงนิดสำรวจได้ว่าเขาไม่เปิดหนังสือและไม่มีอุปกรณ์การเรียนแม้แต่ชิ้นเดียว แถมเก้าอี้ว่างตั้งมากมายแต่เขากลับมานั่งตัวที่ตรงกับเธอถึงจะห่างกับถึงสามช่วงโต๊ะยาวก็เถอะ "จ้องทำไม?" ปากเล็ก ๆ บ่นมุบมิบหลังจากเมินหน้าหลบสายตาของคนที่นั่งตรงข้าม ภายใต้หน้ากากมีรอยยิ้มยกขึ้นอย่างยินดีเขาเก่งนักเรื่องอ่านปากคน โดยเฉพาะเรื่องของเธอที่เขานั่งอ่านมาเกือบทั้งปี ช่วงปิดเทอมที่เธอชอบไปทำกิจกรรมกับเพื่อน ๆ ก็ไม่เว้น ถ้าว่างเขาจะคอยไปตามดูด้วยตัวเอง แล้วถ้าไม่ว่างเขาจะสั่งให้คนไปตามดูแลเธอห่าง ๆ ถ้าเธอแค่สะดุดล้มก็อย่าเพิ่งเข้าไปช่วย เขาอยากมองดูเธอใช้ชีวิตแบบที่เคยเป็นมาเท่านั้น ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ใช้ชีวิตเพียงลำพังมีเป็นพันเป็นหมื่นคนแต่มีแค่เธอที่เขาสนใจและใส่ใจโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ามันกลายเป็น "หวง" ไปตั้งแต่เมื่อไหร่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD