ไม่ลืม
“เล็งที่ Q. Bangkok แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจ” โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนนานาชาติที่ค่าเทอมแพงอันดับต้น ๆ ของประเทศ เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา สำหรับลูกเท่าไร่เขาก็ยอมจ่าย ทว่าที่ไม่ให้ลูกไปเรียนที่นี่ตั้งแต่แรกเพราะมันค่อนข้างไกลจากบ้าน เขาไม่อยากให้ลูกเสียเวลาไปกับการเดินทาง เพราะมันน่าเบื่อ
“อ๋อ โรงเรียนนี้ ฉันมีคนรู้จักเป็นครูสอนที่นั่น ถ้านายเลือกที่นี่ฉันจะฝากให้เขาช่วยดูแลเป็นหูเป็นตาให้”
“ใคร นายรู้จักคนที่โรงเรียนนี้ด้วยเหรอ” สุดโปรดหันไปมองพี่ชายด้วยความสนใจ
“เมียอาจารย์ของฉันน่ะ เป็นครูที่โรงเรียนนั้นมานานแล้ว อาจารย์เคยเล่าให้ฉันฟังว่าเมียท่านเป็นครู ไม่โหด แต่ก็ไม่ได้ใจดี แต่สามารถเอาเด็ก ๆ อยู่ทุกคน ถ้านายให้ปลื้มไปเรียนที่นั่น ฉันก็จะฝากให้เขาช่วยดูแล”
คุณพ่อพยักหน้ารับรู้พลางครุ่นคิดข้อดีข้อเสียไปด้วย “แต่มันไกลบ้านนี่สิ ต้องตื่นตั้งแต่กี่โมง กว่าจะไปถึงโรงเรียน ไหนจะต้องเผื่อเวลารถติดอีก”
“มันจะไปยากอะไร นายก็ซื้อคอนโดอยู่กับลูกสักห้องสิ ฉันเห็นใกล้ ๆ โรงเรียนมีอยู่สองสามโครงการ เลือกซื้อสักที่ แค่นี้ก็จบแล้ว” สุดเขตแนะนำวิธีแก้ปัญหาแบบง่าย ๆ
“ใช้เงินแก้ปัญหาสินะ” สุดโปรดว่าเสียงเรียบ เหลือบมองคนเป็นพี่เล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้าไปมาเบา ๆ รู้สึกเหนื่อยใจกับนิสัยรวยของพี่ชาย
“ใช่สิ มีเงินก็ใช้เงินให้เป็นประโยชน์ อีกอย่างถ้านายซื้อมันก็เป็นทรัพย์สินของนาย ในอนาคตลูกโตถ้าจะไม่ได้อยู่ก็ขาย หรือไม่ก็ปล่อยเช่าได้”
“ถ้าซื้อก็คงต้องทำอย่างนั้น” คุณพ่อลูกหนึ่งไม่คิดจะเถียง “แต่เรื่องซื้อไม่ซื้อเอาไว้ก่อน เพราะตอนนี้ยังไม่มีอะไรมาการันตีได้ว่าถ้าให้ปลื้มเรียนที่นั่นแล้วจะเข้ากับเพื่อนได้ ที่โรงเรียนเขามีระบบทดลองเรียนก่อนไหม”
“ไม่รู้ว่ะ เดี๋ยวถามเมียอาจารย์ให้ แต่คิดว่าน่าจะทดลองเรียนก่อนได้” สุดเขตอาสาเป็นธุระเรื่องนี้ให้ เพราะเขาเองก็เป็นห่วงหลานชาย ไม่อยากให้ย้ายโรงเรียนบ่อย ๆ “เดี๋ยวโทร. ถามตอนนี้เลยดีกว่า” ว่าจบแพทย์หนุ่มก็หยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมา กดต่อสายหาอาจารย์แพทย์ของตนที่สนิทกัน จากนั้นก็พูดคุยกันครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวขอบคุณและวางสายไป
“ว่าไง” คนเป็นน้องถามหาข้อสรุป
“เมื่อกี้ฉันคุยกับเมียอาจารย์ ที่โรงเรียนไม่ได้มีระบบทดลองเรียน แต่ก็สามารถเอาลูกไปเรียนก่อนได้”
“อ้าว สรุปคือยัง ได้หรือไม่ได้”
“ได้ แค่มีเงิน”
“อ๋อ...” คนเป็นน้องพยักหน้าเข้าใจทันที ด้วยเข้าใจระบบอุปถัมภ์ในประเทศไทยเป็นอย่างดี หากไม่ใช่เครือญาติก็คงต้องใช้สิ่งที่เรียกว่าเงิน แต่ด้วยชื่อเสียงที่ดีเยี่ยมและถูกการันตีเรื่องคุณภาพ สุดโปรดก็พร้อมที่จะจ่ายเพื่อลูกได้ไม่อั้น “แล้วต้องติดต่อยังไงบ้าง”
“ขั้นนี้ยังไม่ต้องทำไง วันจันทร์นี้พาลูกไปที่โรงเรียนได้เลย เดี๋ยวฉันเอาเบอร์ครูให้ พอไปถึงเขาก็จะจัดการให้”
“พวกเอกสารอะไรยังไม่ต้องใช่ไหม”
“ยัง รอดูก่อนว่าปลื้มจะโอเคกับโรงเรียนแล้วก็เพื่อนไหม”
“ทำไมมันดูง่าย ปลอดภัยใช่ไหมถ้าให้ปลื้มเรียนที่นั่น” สุดโปรดถามด้วยความข้องใจ ปกติแล้วโรงเรียนนานาชาติที่ค่าเทอมแพง ๆ เช่นนี้มักจะมีระบบความปลอดภัยที่เคร่งครัด ไม่ใช่ใครจะเข้าจะออกได้ง่าย ๆ
“จริง ๆ ถ้าเป็นคนทั่วไปมันก็ไม่ง่ายหรอก แต่เพราะเป็นนายไง ที่ไทยนายก็เป็นที่รู้จักในฐานะนักธุรกิจไฟแรงที่มาจากตระกูลดัง อาจารย์บอกว่าแค่บอกนามสกุลแล้วเขียนจำนวนเงินที่จะบริจาคไป แค่นั่นแหละ จบ”
“อือ” สุดโปรดพยักหน้าเข้าใจ แม้จะเอือมระอากับระบบนี้ หากก็ตกลงเอาตามที่พี่ชายบอก เพราะตอนนี้คงไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้แล้ว ถ้ายิ่งตัดสินใจช้า ลูกของเขาก็จะได้เข้าเรียนช้าและอาจจะตามไม่ทันเพื่อน
สองพี่น้องนั่งคุยเรื่องอื่น ๆ กันต่อได้อีกสักพักก็มีหนุ่มน้อยในชุดนอนมาเวล สภาพผมชี้ฟูเนื่องจากเพิ่งตื่นนอนเดินขยี้ตาเข้ามาหา เด็กชายปุณยวีร์เดินตรงไปที่พ่อของตน แทรกตัวเข้าไปยืนอยู่ระหว่างขาแกร่งทั้งสองข้าง โอบกอดเอวหนาแล้วซบใบหน้าเล็ก ๆ ลงบนหน้าท้องของผู้เป็นพ่ออย่างออดอ้อน
“ไง ตื่นนานแล้วเหรอ” สุดโปรดถามเป็นภาษาไทยพลางลูบศีรษะเล็ก ก่อนจะก้มลงไปจูบเบา ๆ ที่กลางหัวด้วยความรัก
“เพิ่งตื่นฮะ” เด็กชายตอบเสียงอู้อี้
“หันไปดูข้างหลังสิ เห็นไหมว่าใครมาหา”
เด็กชายปุณยวีร์หรือน้องปลื้มเงยหน้าขึ้นไปมองบิดาที่กำลังบุ้ยใบหน้าไปฝั่งตรงข้าม หนุ่มน้อยขยี้ตาด้วยความง่วงงุนพร้อมหันหลังไปมองตาม ก่อนที่ดวงตาคู่สวยจะฉายแววความดีใจออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าใครนั่งอยู่
“ลุงเขต” ปุณยวีร์ดีใจที่เห็นคุณลุง ทว่าตอนนี้เด็กน้อยยังอยู่ในสภาวะตื่นไม่เต็มที่ สมองยังมึนงงจึงไม่เดินเข้าไปหาเพราะอยากอ้อนผู้เป็นพ่อมากกว่า
“ไงเด็กติดพ่อ เดินเมาขี้ตามาไม่สนใจลุงเลยนะ” สุดเขตทักทายหลานชายด้วยรอยยิ้มเอ็นดู
“สวัสดีคุณลุงหรือยัง” สุดโปรดเตือนลูกชายให้รู้ตัว เมื่อเด็กน้อยเหมือนจะลืมว่าจะต้องยกมือไหว้ผู้ใหญ่ตามมารยาทไทยที่เคยสอนหลายครั้ง
“สวัสดีฮะลุงเขต” ปุณยวีร์ประนมมือไหว้พร้อมพูดด้วยสำเนียงแปร่งเล็กน้อยคล้ายคนต่างชาติที่เพิ่งหัดพูดภาษาไทย แต่ก็ถือว่าพูดได้ชัดเจนระดับหนึ่ง ไม่ได้ฟังดูตลกแต่อย่างใดสำหรับคนเป็นลุง
“มาให้ลุงกอดให้หายคิดถึงหน่อยเร็ว” ว่าจบแพทย์หนุ่มก็กางแขนออก รอรับหลานชายที่กำลังเดินเข้ามาหาอย่างว่านอนสอนง่าย สุดเขตโอบกอดคนตัวเล็ก ก่อนจะกดจมูกหอมศีรษะทุยได้รูปแรง ๆ จนชื่นใจ จากนั้นก็ผละออกมาขยี้เบา ๆ แล้วเอ่ยเย้าแหย่ “เหม็นจัง ไม่สระผมมากี่วันแล้วเนี่ย”
“สระทุกวันนะฮะ คุณพ่อยังบอกว่าหอมเลย” เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นไปเถียงด้วยความมั่นใจ เพราะเมื่อคืนนี้ก่อนนอนพ่อก็ดมศีรษะ แล้วยังบอกอีกว่าหอมมาก
“อ้าวเหรอ ไหนลุงดมอีกครั้งซิ” หมอหนุ่มโน้มใบหน้าลงไปสูดดมศีรษะของหลานชายอีกครั้ง “อื้ม หอมจริง ๆ สงสัยลุงจมูกไม่ดี”
“ลุงเขตแก่แล้ว จมูกเลยมีปัญหา” คนเป็นหลานทำแก้มป่อง ยกมือขึ้นกอดอกแล้วว่าด้วยท่าทางแง่งอน ทำเอาคนเป็นลุงถึงกับย่นคิ้วเข้าหากันเพราะติดใจกับคำว่า ‘แก่’ ที่ออกมาจากปากหลาน
“แก่ที่ไหนกัน ไม่แก่สักหน่อย ถ้าลุงแก่พ่อของเราก็แก่เหมือนกันนั่นแหละ”
“พ่อไม่แก่ฮะ พ่ออายุน้อยกว่าลุงเขต”
“น้อยกว่าลุงแค่สองปีเอง ถ้าลุงแก่พ่อเราก็แก่ ถ้าพ่อเราไม่แก่ลุงก็ไม่แก่” คนเป็นลุงไม่ยอมรับและจะไม่ยอมแก่คนเดียวเด็ดขาด แล้วเรื่องอะไรจะยอม เพราะเขากับน้องชายอายุห่างกันแค่สองปีเอง ถ้าจะแก่ก็ต้องแก่ไปด้วยกัน
“แต่ลุงอายุมากกว่าพ่อนี่ฮะ” ปุณยวีร์เองก็แย้งอย่างไม่ยอมเช่นกัน ด้วยความเข้าใจของเด็กก็คือคนอายุมากกว่าก็ต้องแก่กว่าสิ พ่อของเขาเป็นน้องและอายุน้อยกว่าก็คือยังไม่แก่
“ก็มากกว่าแค่สองปี ถือว่า...” สุดเขตพยายามจะแย้งกลับอีกครั้ง ทว่าสุดโปรดที่นั่งกลั้นยิ้มอยู่เอ่ยแทรกขึ้นเสียก่อน เพราะดูท่าแล้วลุงกับหลานไม่น่าจะมีใครยอมใคร
“แก่ก็แก่เถอะน่า อย่าเถียงเด็กเลย ยอมรับความจริงหน่อย”
“ใช่สิ ลูกเข้าข้างนาย นายก็พูดได้นี่” แพทย์หนุ่มในวัยสามสิบกลาง ๆ ตวัดสายตาไปมองน้องชายทันที มันก็พูดได้สิ ก็ลูกไม่ได้มองมันว่าแก่เหมือนที่มองเขานี่ ทั้งที่เขากับมันอายุห่างกันเพียงแค่สองปีเอง “ลองให้ปลื้มบอกว่านายแก่สิ ฉันว่านายก็ไม่ยอมเหมือนกันนั่นแหละ”
“พ่อไม่แก่นะฮะลุงเขต” หนุ่มน้อยแทรกขึ้น ทำเอาผู้เป็นพ่อหลุดขำออกมาเบา ๆ เพราะกลั้นเอาไว้ไม่อยู่เมื่อเห็นสีหน้าตึง ๆ ของพี่ชาย ก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาจะส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจ โตขนาดนี้แล้วยังถือสากับคำพูดของเด็ก
“ลุงเขตก็ยังไม่แก่ครับ ปลื้มไม่เห็นเหรอว่าลุงมีสาว ๆ เยอะเลย” สุดโปรดแก้ต่างให้ผู้เป็นพี่ หากก็ไม่แน่ใจว่ามันคือการแก้ต่างหรือการสุมไฟให้เกิดการเข้าใจผิดไปมากกว่าเดิม
“อ๋อใช่!! นึกออกแล้ว” ปุณยวีร์หันไปทำตาโตเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าเคยเห็นพี่พยาบาลชุดขาวกับชุดเหลืองหลายคนโผล่หน้าเข้ามาทักทายตอนที่เขาวิดีโอคอลกับคุณลุง ตอนนั้นพ่อบอกว่าเป็นสาว ๆ ของลุงเขต หนุ่มน้อยยิ้มกริ่มแล้วหันมาหาผู้เป็นลุง ความง่วงหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อได้แซวคุณลุงสุดที่รัก “ปลื้มจำได้ พี่ ๆ พยาบาลของลุงเขตมีแต่คนสวย ๆ”