เสียงเปียโนดังขึ้นเรียกความสนใจจากบรรดาสาวๆ และหนุ่มๆ ที่อยู่ในบาร์ให้เดินเข้ามาดู เพราะผู้เล่นที่เปียโนช่างหล่อเหลาชวนฝัน อีกทั้งเขาเล่นเปียโนได้อย่างดีเยี่ยมพวกเธอจึงไม่รอช้าที่มาดูด้วยความหลงใหล พอเขาเล่นจบเขาก็ได้ยินเสียงปรบมือจากพวกเธอ เขาลุกขึ้นด้วยรอยยิ้ม และก้มโค้งเล็กน้อย ก้าวเดินมาที่เคาน์เตอร์บาร์ที่มีบาร์เทนเดอร์ยืนชงเหล้าให้ลูกค้า
“วันนี้ดูครึกครื้นดี” แดเนียลเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม
“แน่นอน เพราะว่าบอสมาต้อนรับพวกเธอ” บาร์เทนเดอร์เอ่ยบอกกับเขา ทันใดนั้นหญิงสาวผู้หนึ่งเดินเข้ามาหาเขาและเอ่ยทักทาย
“หวัดดี คุณจำฉันได้ไหม” หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่สายตาของเธอชั่งเย้ายวน เขาจึงหรี่ตาลงมองใบหน้าเธอและไล่ลงมาอกอวบอิ่มที่ดูใหญ่เกินตัว เขารู้ได้ทันทีว่าเธอดันทรงอยู่ มันไม่ได้ใหญ่อย่างที่เขาเห็นแต่อย่างใหญ่ เขาเองจำได้ว่าเมื่อคืนเขาหยอกล้อกับเธอคนนี้นี่เอง
“ว่าไง อยากให้ผมพาคุณขึ้นสวรรค์” เขาเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“ใช่ค่ะ” เธอเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเย้ายวน และจูบที่ริมฝีปากเขาทันที เขาก็จูบตอบเธอทันที มือของเขาลูบไล้อกอวบอิ่มของเธอทันที ทันใดนั้นโสตประสาทของเขาได้ยินเสียงหัวเราะและน้ำเสียงที่คุ้นเคยจากอีกโต๊ะที่อยู่ไม่ไกล เขาจึงหยุดกิจกรรมที่กำลังทำต่อเธอทันที ทำให้หญิงสาวรู้สึกสงสัยจึงเอ่ยถาม
“มีอะไรคะ” เธอเอ่ยถามเช่นนี้ เขาจึงเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม
“ขอโทษที ผมไม่มีอารมณ์ร่วม” เขาเอ่ยบอกเช่นนี้ หญิงสาวหมายจะจูบริมฝีปากเขาอีกครั้ง เขาใช้นิ้วชี้ชิดริมฝีปากเธอ เธอจึงเดินหนี้อย่างหัวเสีย แต่เขาไม่ได้สนใจแต่อย่างใด แต่มองไปยังโต๊ะที่มีบรรดากลุ่มเลขาในบริษัทที่กำลังดื่มกินอย่างสนุกสนาน
บรรดาหญิงสาวแผนกเลขานั่งดื่มกินบนโซฟาหรูกำมะหยี่สีแดงชาด เธอกำลังนั่งดื่มกินกันอย่างสนุกสนานเล่าเรื่องราวชีวิตแลกเปลี่ยนประสบการทำงานของแต่ละคน และเรื่องของความรักมุมมองในแต่ละด้าน เพื่อสร้างสีสัน
“เอลล่าเธอมีแฟนไหม” มาเรียม กรีนเอ่ยถามขึ้นขณะที่เธอถือแก้วใส่มาร์ตินนี่อยู่ที่มือและยกขึ้นดื่ม
“สวยๆ แบบนี้ ต้องมีแน่นอน” ลินดาเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ขณะที่เธอดื่มไปหนึ่งคำ
“มันเป็นอดีตไปแล้ว” เอลล่าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“อะไร อย่างไง เล่ามา” เบลล์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“เราสองคนจบกันด้วยดี เขาไปเรียนต่อที่อังกฤษ ฉันไม่อยากให้การเรียนของเขาเป็นอุปสรรค ฉันก็เลยบอกเลิก” เอลล่าเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม แล้วเบลล์ที่นั่งข้างๆ ก็โอบกอดเธอทันทีและพูดว่า
“โอ...เอลล่า ไม่เป็นไรนะ มีพวกฉันอยู่กับเธอ เราจะสนุกในการทำงานทุกๆ วันโดยมีพวกฉันเคียงข้าง” เบลล์เอ่ยจบและคลายอ้อมกอด
“ขอบคุณนะ” เอลล่าดื่มมาร์ตินี่จนหมดแก้ว เจนยกมือเรียกบริกร บริกรจึงก้าวเดินเข้ามาหา
“เอามาร์ตินี่อีกแล้ว” เจนเอ่ยบอกเช่นนี้ เบลล์จึงเอ่ยต่ออีกว่า
“เอามาเรื่อยๆ เลย”
“ไม่เมาไม่เลิก” ลินดาเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม
“ใช่ไม่เมาไม่เลิก” มาเรียมเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม
เช้าที่สดใสในลาสเวกัสอุณหภูมิร้อนระอุในเดือนในเดือนสิงหาคม แต่สภาพอากาศไม่ส่งผลถึงในห้องนอนในเพนท์เฮ้าส์แต่อย่างใด เพราะอุณหภูมิในห้องนี้อยู่ที่หกสิบแปดองศาฟาเรนไฮต์ หรือยี่สิบองศาองศาเซลเซียสเท่านั้น ทำให้ห้องเย็นฉ่ำ จนคนที่นอนบนเตียงนั้นหลับสนิทจนถึงเช้าของอีกวัน
เอลล่าลืมตาขึ้นช้าๆ ปรับสายตามองห้องกว้าง และเบิกตากว้างขึ้นมองไปโดยรอบ พบว่านี่ไม่ใช่ห้องของเธอ แล้วเธอคิดต่ออีกว่ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไงกัน คงไม่ได้โดนใครรุมโทรมหรอกนะ
เอลล่าจึงแง้มผ้าขึ้นเล็กน้อย มันทำให้เธอตื่นตกใจมากกว่าเดิม ว่าเสื้อผ้าของเธอหายไปไหน ทำไมเหลือแต่กางเกงชั้นในบิกินีที่สวมใส่อยู่
ใครมันกล้าทำกับฉันแบบนี้!!!
“อรุณสวัสดิ์คุณเลขา”
เสียงของชายหนุ่มดังขึ้น และมันเป็นเสียงที่คุ้นเคยอย่างยิ่ง ทำให้เธอหันกลับไปมองต้นเสียงโดยทันทีว่าเขาคือใคร
“บอส...คุณทำอะไรกับฉัน” เอลล่าเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตกใจและดุดัน
“เมื่อคืนคุณเมาหนักมาก เพื่อนคุณไม่รู้ว่าจะไปส่งคุณที่ไหน ผมเลยอาสาพาคุณขึ้นมาห้องนอนผม เสื้อผ้าของคุณอยู่ข้างเตียงทั้งสองข้าง” เขาเอ่ยบอกเช่นนี้ และชี้ไปที่เสื้อผ้าของเธอ หญิงสาวมองเสื้อผ้าเธอตามที่เขาชี้ แล้วหันมามองหน้าเขาด้วยสายตาโกรธแค้น แดเนียลจึงรีบบอกกับเธอทันที
“คุณเลขา ผมไม่ได้ถอดเสื้อผ้าของคุณนะ”
“ไม่จริง” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงตกใจ
“เมื่อคืนคุณบอกว่าร้อน ร้อนมากเลย แล้วก็ถอดเสื้อผ้าออกหมด ผมเลยเป็นจิตอาสาห่มผ้าให้คุณ กลัวว่าคุณจะหนาวเกินไป และอีกข้อหนึ่งที่คุณควรจะรู้เอาไว้ ผมไม่นอนกับศพ แม้ว่าศพนั้นจะนอนแก้ผ้าเย้ายวนแค่ไหนก็ตาม” แดเนียลเอ่ยบอกเช่นนี้
เขาจึงลุกขึ้นก้าวเดินไปที่เคาน์เตอร์บาร์หยิบแก้วคริสทัลออกมาจากชั้นวางแก้ว หยิบขวดน้ำออกมาจากตู้เย็น เทน้ำใส่แก้ว เปิดลิ้นชักออก เอาขวดยามาเทใส่ที่มือ ทันใดนั้นยาเม็ดสีขาวออกมาหนึ่งเม็ด เขาใส่แก้ว
“คุณเลขา วันหลังอย่าดื่มหนักแบบนี้อีก ถ้าไม่ใช่ผมแล้ว คุณอาจจะเจอฝันร้ายที่ไม่คาดคิดก็ได้” เขาเอ่ยเช่นนี้ แล้วเดินออกมาจากเคาน์เตอร์บาร์พร้อมกับแก้วยาและแก้วน้ำที่อยู่ในมือ
เมื่ออยู่ตรงหน้าเธอเขายื่นแก้วยาให้เธอก่อน หญิงสาวรับไว้และกินทันที แล้วเอาแก้วน้ำยกขึ้นดื่ม เขาจึงยืนรอรับแก้วน้ำจากมือเธอ เธอจึงส่งให้เขาทันที เขาจึงเดินไปที่เคาน์เตอร์ล้างจาน
“แล้วเพื่อนๆ ของฉันเขากลับกันอย่างไง” เธอเอ่ยถาม
“คุณเลขา ผมเป็นเจ้านายคุณนะ คุณจะให้ผมตอบทุกเรื่องคงไม่ได้” เขาเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้มขณะที่ล้างแก้วอยู่ หญิงสาวจึงนึกขึ้นมาได้เขาคือเจ้านาย และเธอก็ไม่ควรถามเซ้าซี้เช่นนี้ เธอหันไปที่เสื้อเชิ้ตที่อยู่ที่พื้นหยิบมาสวมใส่ เธอต้องรีบกลับบ้านตอนนี้เธอเป็นห่วงเจสซี่น้องสาวของเธอมาก ไม่รู้ว่าไปโรงเรียนแล้วหรือยัง
“คุณไปอาบน้ำที่ห้องน้ำ ส่วนเสื้อผ้าชุดใหม่เดรสที่จะใส่ไปกาสิโน ผมให้แม่บ้านเตรียมไว้ให้อยู่ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า” แดเนียลเอ่ยบอกจบ เธอจึงเอ่ยบอกทันที
“ฉันต้องไปดูเจสซี่ก่อน ไปดูว่าเธอไปโรงเรียนแล้วหรือยัง อีกอย่างฉันหายไปทั้งคืนแบบนี้เธอจะกินอะไร” แอลล่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
“ลูกสาวคุณเหรอ” เขาเอ่ยถามขึ้นทันทีด้วยความสงสัย
“เปล่าน้องสาวฉัน” เธอเอ่ยบอก แดเนียลถอนหายใจยาว คลายความสงสัย จนเอลล่าสงสัยว่าเขาถอนหายใจทำไม
“บอส คุณถอนหายใจทำไม” เอลล่าถามเช่นนี้
“ไม่มีอะไร เดี๋ยวผมไปส่ง” เขาเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม
“ฉันเรียกอูเบอร์ได้”
“ไปกับผม คุณจะได้ไม่ต้องเสียค่ารถ” เขาเอ่ยบอกเช่นนี้ แล้วจึงเข้าไปที่ห้องแต่งตัวทันที เธอจึงเดินไปที่ลิฟต์เพื่อกดลิฟต์ลง แต่ไม่มีไฟขึ้น เธอคิดว่าเขาคงต้องล็อกลิฟต์เพื่อให้เธอรอ เช่นนั้นเธอจึงเดินมานั่งรอบนโซฟา มองที่นาฬิกาตอนนี้หกโมงเช้าเอง เธอคิดว่าเจสซี่คงยังไม่ได้ไปโรงเรียนหรอก