“ต่อจากนี้ทั้งสองคนจะเริ่มใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ขอให้ประคับประคองทุกอย่างแล้วก้าวผ่านมันไปด้วยกันนะหลานทั้งสอง” แม้ว่าทั้งคู่จะไม่ได้แต่งงานกันด้วยความรัก แต่ตอนนี้ทั้งสองลงเรือลำเดียวกันแล้ว สิ่งที่ท่านควรจะบอกทั้งสองนั่นก็คือการประคับประคองครอบครัวนั่นเอง
“จะประคับประคองได้ยังไงครับ ในเมื่อการแต่งงานครั้งนี้มันไม่ได้เกิดจากความรัก” ก้องภพสวนกลับผู้เป็นยายทันที แต่เพราะความสุขสมหวังในการแต่งงานของคนทั้งสองทำให้คุณหญิงจินดามองข้ามคำพูดที่ไม่เหมาะสมของหลานชาย
“ตาก้อง ยายเชื่อว่าแกจะขอบคุณยายในสักวัน จำคำที่ยายพูดไว้นะ แม่อัปสรคือผู้หญิงที่เหมาะที่สุดที่จะเป็นคู่ชีวิตของแก” คุณหญิงจินดายังคงยิ้มไม่หุบเมื่อมองผลงานชิ้นเอกตรงหน้า
“ไม่มีวันนั้นหรอกครับคุณยาย ผมรอแค่วันหย่าเท่านั้นแหล่ะ” ก้องภพกล่าวด้วยเสียงจริงจัง
“จะพูดจะจาอะไรให้เกียรติหนูอัปสรเขาหน่อย” คุณหญิงจินดาเหลือบไปเห็นทรงอัปสรหน้าเสีย ท่านก็รีบปรามหลานชายทันที
“จะให้เกียรติทำไม ในเมื่อเขาเลือกที่จะเป็นเมียผมแล้ว เขาก็ต้องรับให้ได้ในสิ่งที่ผมเป็นสิครับ” ก้องภพมองเหยียดไปที่ใบหน้าหวานของภรรยาสาว ทิฐิที่อยู่ในใจทำให้เขามองข้ามความสวยของเจ้าสาวคนนี้ไปเลย
“แกนี่มันจริงๆ เลยนะตาก้อง ยายไม่อยากจะพูดอะไรแล้ว เดี๋ยวเสียฤกษ์ดีๆ หมด” คุณหญิงจินดามองค้อนหลานชายก่อนที่จะหันมาสนทนากับหลานสะใภ้
“หนูอัปสร ขอให้อดทนและเชื่อมั่นในความดีของหนูนะลูก ต่อไปนี้หนูก็คือหลานสาวของยายอีกคน ขอให้หนูมีความสุขกับการเริ่มต้นชีวิตคู่นะลูก” คุณหญิงจินดาลูบศีรษะเล็กด้วยความรักใคร่ ทรงอัปสรก้มลงกราบที่แทบเท้าผู้มีพระคุณ เธอแอบน้ำตาคลอด้วยความรู้สึกหวั่นใจ เธอไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปจากนี้ เพราะคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของเธอมีแต่ความรังเกียจให้อย่างชัดเจน
คุณหญิงจินดาค่อยๆ ประคองร่างบางมากอดไว้ด้วยความเป็นห่วง แม้ว่าจะเชื่อมั่นในการตัดสินใจของตนเองเพียงใด แต่ท่านก็อดเป็นห่วงทรงอัปสรไม่ได้ เพราะท่านรู้นิสัยหลานชายของตนเองเป็นอย่างดี
“ขอบคุณค่ะคุณท่าน” ทรงอัปสรกล่าวในขณะที่เธออยู่ในอ้อมกอดของผู้สูงวัย