ภูวินเดินทางมาถึงคอนโดมิเนียมที่พลอยไพลินพักอาศัยอยู่ ชั้นที่ 19 คือจุดหมายปลายทางที่เขาจะต้องขึ้นไปในเช้าวันนี้ ประตูลิฟต์เปิดกว้างออกเมื่อถึงชั้นที่ต้องการ ขาสูงยาวก้าวเดินเลี้ยวไปทางขวาเพื่อตรงไปยังห้องพักหมายเลขที่หญิงสาวได้บอกกล่าวเอาไว้เมื่อคืนนี้ ภูวินเดินถือปิ่นโตไปอย่างอารมณ์ดีก่อนที่เขาจะหุบยิ้มเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มคนคุ้นหน้าเปิดประตูห้องพักออกมาก่อนที่เขาจะถึงห้องเป้าหมายที่ต้องการ
"อ้าวคุณภู มาทำอะไรที่นี่แต่เช้าครับ?" กฤษณะยิ้มทักทายและแปลกใจในคราวเดียวกัน ไม่อยากจะคิดในแง่ร้าย ไม่อยากจะคิดเลยสักนิดว่าภูวินมาหาพลอยไพลินถึงที่นี่หรือเปล่า
"เอ่อ...ผม ผมแค่แวะเอาข้าวเช้ามาส่งพลอย เขาโทรไปลางานบอกว่าเหมือนจะไม่สบาย ทางผ่านพอดีผมเลยว่าจะมาดูหน่อย คุณกฤษณ์จะไปทำงานแล้วเหรอครับ?"
"ใช่ครับ งั้นถ้าไม่เป็นการรบกวนผมขอติดรถคุณภูไปที่บริษัทด้วยได้ไหม พอดีรถผมเอาเข้าศูนย์ตั้งแต่เมื่อวานกว่าจะได้ก็วันพุธโน่นเลยครับ แต่ถ้าคุณภูไม่สะดวกผมไม่รบกวนก็ได้นะครับ"
ภูวินรู้สึกเหมือนว่าถูกกฤษณะกำลังจ้องจับผิดอยู่ เขามองดูปิ่นโตในมือของตัวเองอีกครั้ง คงไม่อาจปฏิเสธกฤษณะได้เลย เพราะชายหนุ่มอาจจะเอาเรื่องที่เจอเขาเช้าวันนี้ไปเล่าให้ปณิตาฟังก็เป็นได้
"คุณภูจะเอาไปให้คุณพลอยก่อนก็ได้นะครับ เดี๋ยวผมยืนรออยู่ตรงนี้หรือจะให้ผมเป็นคนเอาไปให้ก็ได้นะครับ"
กฤษณะรีบเสนอตัวขึ้นอย่างไม่รอช้า แม้จะรู้ว่าไม่ใช่เรื่องที่ควรเข้าไปยุ่ง แต่ภูวินก็เป็นพ่อของหลานสาวที่เขาไม่อยากจะเห็นอีกคนต้องทำอะไรผิดพลาดในชีวิต ถ้าภูวินไม่ใช่สามีของปณิตาและพ่อของฟ้าใส เขาจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้เลย
"เดินไปด้วยกันก็ได้ครับ คุณจะได้รู้ว่าผมบริสุทธิ์ใจ"
"ฮ่า ๆ ๆ คุณภูพูดเหมือนว่าผมกำลังจับผิดคุณภูงั้นแหละครับ เปล่านะ เปล่าเลย ตามสบายเถอะครับ ผมจะรออยู่ตรงนี้"
กฤษณะผายมือเชื้อเชิญให้ภูวินได้เดินไปยังจุดหมายปลายทางที่เขาตั้งใจมาในวันนี้ สุดท้ายภูวินจำต้องเดินถือปิ่นโตที่หิ้วมาไปยังหน้าห้องของพลอยไพลิน
ทันทีที่กริ่งหน้าประตูดังขึ้น คนที่อยู่ภายในห้องพักก็รีบออกมาเปิดประตูให้ ทันทีที่เห็นหน้าภูวินหญิงสาวฉีกยิ้มกว้าง ดีใจจนออกนอกหน้า แต่ทว่าภูวินกลับรีบยื่นของในมือส่งให้เพียงเท่านั้น
"ภูไม่เข้ามาข้างในก่อนเหรอคะ?"
"ผมรีบน่ะพลอย แวะเอาข้าวเช้ามาส่งเฉย ๆ"
"ไม่เข้ามาดื่มกาแฟข้างในก่อนเหรอคะ จะรีบอะไรขนาดนั้น"
ฝ่ามือของภูวินถูกหญิงสาวจับสัมผัส ส่งสายตาอ้อนวอน ออดอ้อนร้องขอในสิ่งที่ตนอยากได้คำตอบ ภูวินรีบดึงมือตัวเองกลับ เพราะเขารู้ว่าคนที่ยืนรออยู่ไม่ไกลคงกำลังจ้องมองอยู่เป็นแน่
"เอาไว้วันหลังนะพลอย วันนี้ภูรีบจริง ๆ ภูไปนะ ทานข้าวให้อร่อยล่ะ" ภูวินยิ้มให้เพียงน้อยนิด พร้อมกับหมุนตัวจะเดินจากไปในทันที
"ภูคะ ภูเดี๋ยวก่อนสิ"
หญิงสาวชะโงกหน้าออกไปมองตามหลังภูวิน ก่อนจะเห็นกฤษณะยืนกอดอกจ้องมองมา ทำให้ถึงบางอ้อว่าทำไมวันนี้ภูวินถึงมีทีท่าแปลกไปเช่นนี้ได้
ภายในรถยนต์ของภูวิน กฤษณะอาสาที่จะขับรถให้เจ้านายได้นั่งสบายระหว่างทางไปบริษัท หลายครั้งหลายคราเขาแอบชายตาหันไปมองเจ้านายอยู่บ่อยครั้ง ภายใต้แว่นกันแดดสีชากลับไม่ได้สนใจคนข้างกายเลยสักนิด ภูวินมองไปยังถนนเบื้องหน้าเหมือนกำลังขบคิดอะไรบางอย่างอยู่ กฤษณะเอื้อมมือไปกดเปิดเพลงเพื่อกลบความเงียบที่อยู่ภายในให้บรรยากาศไม่ชวนอึดอัดมากแบบนี้
"คุณภูรู้จักชื่อเพลงนี้ไหมครับ?"
"ไม่รู้หรอก ผมไม่ค่อยชอบฟังเพลงไทย"
"ความหมายดีนะครับว่าไหม?"
ภูวินหันไปมองจ้องหน้าพลขับจำเป็น แต่กฤษณะกลับทำเพียงแค่ยิ้ม ไม่สนใจหันกลับมามองเขาเลยแม้แต่น้อย ก่อนที่เพลงท่อนฮุกจะวนกลับมาให้เขาได้ตั้งใจฟังอีกครั้ง ผูกพันให้สัญญา พูดจาให้เชื่อใจและแล้วเธอเองที่ทำลาย รักนั้นให้พังทลายลงไป ปากบอกรักฉันคนเดียวหมดทั้งหัวใจ แต่พอลับหลังทำไมกลับทำลายความรู้สึก เจ็บลึกทั้งหัวใจเธอเปลี่ยนไปรักใคร ทำไมเธอจึงใจร้ายอย่างนี้ รักเธอหมดหัวใจเธอกลับตอบแทนให้ฉันปวดร้าว...
"ชื่อเพลง *ลับหลังทำไม* เผื่อคุณภูอยากกลับไปเปิดฟังอีกสักรอบ"
กฤษณะหันมามองหน้าของเจ้านาย สายตาเขาจ้องมองด้วยความจริงใจที่มีให้ ผู้ชายด้วยกันทำไมจะมองไม่ออก ภูวินอาจจะคิดน้อยเกินไปหรืออาจจะเผลอไผลไม่ได้ตั้งใจ อาจจะเป็นอารมณ์เพียงชั่ววูบที่เขาเองก็ไม่รู้ได้แน่ชัด
"นี่คุณอยากสั่งสอนผมเหรอคุณกฤษณ์?"
กฤษณะถึงกับรีบตีไฟเลี้ยวข้างซ้ายเพื่อเปลี่ยนเลนส์เข้าจอดข้างทางในทันที ไหน ๆ วันนี้ก็มีโอกาสได้คุยกันอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก เขารู้ว่าไม่ควรจะเข้าไปยุ่งหรือออกความเห็น แต่ที่ทำตอนนี้คือเขาทำเพื่อปณิตาและลูกสาว ไม่อยากจะเห็นคนทั้งคู่ต้องเสียใจกับอะไรแบบนี้ทั้งนั้น
"จะจอดทำไม ก็รู้ว่าผมรีบ" ภูวินชักสีหน้าใส่ พร้อมกับถอดแว่นกันแดดออกจ้องมองคนตรงหน้าด้วยความไม่พอใจเช่นกัน
"จริง ๆ ผมรู้ว่าผมไม่ควรจะพูด ผมรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ผมจะบอก แต่ผมอยากเตือนสติคุณเล็ก ๆ น้อย ๆ ผมไม่รู้หรอกว่าตอนนี้คุณกำลังคิดจะทำอะไรอยู่ แต่คุณรู้ใช่ไหมคุณภูว่าคุณเป็นคนที่มีครอบครัวแล้ว"
"ผมยังไม่ได้ทำอะไร คุณจะมาปรักปรำผมทำไมคุณกฤษณ์?"
"ตอนนี้ยังไม่ทำ แต่ถ้าวันหนึ่งที่คุณพลาดขึ้นมาล่ะ มันจะคุ้มค่ากับสิ่งที่คุณต้องเสียไปหรือเปล่า คุณเคยคิดไว้หรือยังคุณภู?"
"แต่ตอนนี้ผมยังไม่ทำอะไรผิด ผมรู้ตัวว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ คุณไม่ต้องมาสั่งสอน คุณไม่ต้องมายุ่งเรื่องของผม มันเป็นชีวิตผม เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะคุณกฤษณ์"
"ผมก็แค่เตือน ผมก็แค่หวังดี ผมก็แค่สงสารโรส สงสารลูกสาวของคุณ ผมไม่รู้หรอกนะว่าระหว่างคุณกับคุณพลอยมันจะเป็นยังไงกันต่อ ผมอาจจะคิดมากไปเอง แต่ถ้าวันหนึ่งโรสรู้เข้าโรสเขาจะต้องเสียใจมาก คุณควรจะรู้ไว้ก็ดีนะครับ"
"ตอนนี้มันยังไม่เกิดคุณจะมาโวยวายแทนเมียผมทำไมไม่ทราบ?"
"ผมก็เป็นแค่เพื่อนที่หวังดีกับโรส หวังดีกับคุณ คนที่อยู่ข้างกายคุณเขาเป็นผู้หญิงที่คุณควรจะให้เกียรติไม่ว่าจะทั้งต่อหน้าหรือลับหลังไม่ใช่เหรอครับ อย่างน้อยเขาก็ได้ขึ้นชื่อว่าเมียและแม่ของลูก จะทำอะไรคุณควรจะนึกถึงวันแรกที่คุณได้รู้จักกับโรส ได้เลือกโรสเพื่อมาเป็นแม่ของลูกคุณไม่ใช่เหรอหรือว่าผมพูดผิด?"
กฤษณะพูดจบเพียงเท่านั้นเขาก็รีบเปิดประตูก้าวขาลงจากรถของภูวินไปอย่างไม่รอช้า เสียงปิดประตูดังอย่างแรง ก่อนจะเดินไปข้างหน้ารถและโบกเรียกแท็กซี่ขึ้นไปนั่งอย่างไม่รอช้า
ภูวินได้แต่มองตามหลังรถแท็กซี่คันนั้นที่วิ่งหายลับไปจนสุดสายตา สีหน้าท่าทางดูไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก ก่อนจะรีบเปิดประตูออกมาแล้ววิ่งไปยังอีกด้านของคนขับ เข้าไปนั่งประจำที่พร้อมกับเสียงบ่นพึมพำด้วยความไม่พอใจ
"คิดว่าเป็นใครวะ กล้าทำแบบนี้กับกู พ่อแม่กูเขายังไม่เคยพูดกับกูแบบนี้เลยนะเว้ย จะเลวจะชั่วก็ตัวกูไหมวะ"
พร้อมกับพุ่งทะยานรถออกไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน แทนที่วันนี้จะเป็นวันที่ทำให้อารมณ์ดีกลับเป็นวันที่รู้สึกอารมณ์เสียตั้งแต่เช้าเลย