เริ่มมองเห็นความวุ่น

1323 Words
คำว่ามาซื้อของใช้ส่วนตัวก็คือของใช้ส่วนตัวจริงๆ เพราะตอนนี้ในรถเข็นที่ปีขาลกำลังเข็นอยู่นั้นมีแต่ของใช้ผู้หญิงเต็มไปหมด ที่ผ่านมาปีขาลไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลย ถ้าไม่เพราะรับปากมารดาไปแล้วเขาคงทิ้งเธอไว้ที่นี่แล้วไปนั่งดื่มกาแฟรอแน่ๆ ปีขาลเริ่มมองเห็นความวุ่นวายและความไม่สงบสุขที่รออยู่ตรงหน้า “หนูซื้อของหนูครบแล้วค่ะ อาเสืออยากซื้ออะไรไหมหนูช่วยซื้อก็ได้นะคะ จะได้ไม่ต้องรบกวนคุณแม่บ้าน” “ไม่เป็นไรแค่อาเดินเข็นรถเข็นให้เอยอาก็ปวดขาจะแย่แล้ว” “อาเสือยังไม่แก่ซะหน่อยจะมาบ่นว่าปวดขาได้ยังไง” “ก็เจ้าเอยเดินซื้อของเกือบ 2 ชั่วโมงเป็นใครก็ต้องปวดขาไหมซื้อเสร็จแล้วก็รีบกลับกันเลยนะ” “หนูเพิ่งได้ของใช้ส่วนตัวเองนะคะ ยังไม่ได้อย่างอื่นเลย” “ก็เรามาซื้อให้ของใช้ส่วนตัว” “แต่หนูอยากได้ลิปสติกเพิ่ม อาเสือไปเป็นเพื่อนหนูซื้อหน่อยได้ไหม ถ้าอยากซื้อก็รีบไปจ่ายเงินค่าของพวกนี้” “ได้ค่ะ” สาริศารีบช่วยเขาเอาของออกจากรถเข็น เมื่อชำระเงินเสร็จก็มองถุงสามใบใหญ่ “เอาของไปเก็บที่รถก่อนเดี๋ยวค่อยเข้ามาซื้อลิปสติก” เขาเห็นแล้วว่าถ้าถือของพวกนี้ไปคงได้แขนหลุดกันบ้าง “แค่เอาขอไปเก็บใช่ไหมคะ ไม่ใช่ว่าอาเสือจะกลับเลย ถ้าเป็นแบบนั้นหนูโทรหาคุณป้าจริงๆ ด้วยคุณป้าบอกให้อาเสือมาส่งซื้อของ” หญิงสาวรับเอาคำสั่งมารดาของเขามาขู่ “อาไม่ใช่เด็กนะเจ้าเอยที่จะทำอะไรแบบนั้น” ปีขาลเข็นรถเข็นนำหน้าอารยามายังรถของเขาจากนั้นก็กลับเข้ามาในห้างสรรพสินค้าอีกครั้ง “อาเสือมาดูตรงนี้หน่อยมั้ยเสื้อกำลังลดราคาเลยค่ะ” “เจ้าเอยบอกอาว่าจะมาซื้อลิปสติก” “ก็ตรงนี้มันทางผ่านขอแวะดูหน่อยได้ไหม นะคะนิดเดียวเอง” สาริศาไม่รอฟังคำตอบเธอหายเข้าไปในร้านขายเสื้อผ้าพักใหญ่ก่อนจะเดินออกมากวักมือ “อาเสือมาช่วยดูหน่อยสิ หนูเลือกไม่ถูกว่าเสื้อสองตัวนี้จะเอาตัวไหนดี” หญิงสาวชูเสื้อซึ่งลักษณะคล้ายกันเพียงแต่ต่างกันคนละสีเท่านั้น “เจ้าเอยขาวใส่สีครีมน่าจะเหมาะสุด” “แต่สีฟ้าก็สวยนะคะ หนูเอาสีฟ้าดีไหมอาเสือว่ายังไงบ้าง” “ถ้าอยากได้สีฟ้าแล้วจะถามอาทำไม” “หนูก็แค่อยากรู้ว่าคนอื่นมองยังไง” “ถ้างั้นก็เอาทั้งสองตัวนั่นแหละมันลดราคานี่” “จริงด้วยค่ะงั้นหนูเอาสองตัวนี้ค่ะ” เธอส่งเสื้อสองตัวให้กับพนักงานจากนั้นก็รีบเดินตามปีขาลออกมา “อาเสือเสื้อผู้ชายก็ลดราคาด้วยซื้อไหมเดี๋ยวหนูซื้อให้” “ยังไม่ได้ทำงานเลยนะจะมาซื้อของเปย์ผู้ชายแล้วเหรอ” “ผู้ชายที่ไหนก็นี่มันอาเสือ” “แล้วอาไม่ใช่ผู้ชายรึไง” “เอาเถอะน่าเจ้าเอยพอมีเงินอยู่” แล้วหญิงสาวก็เข้าไปในร้านจำหน่ายเสื้อเชิ้ตของผู้ชายเธอยืนเลือกอยู่ไม่นานก็หยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวมาทาบบนตัวของเขา “อาเสือใส่ตัวนี้ต้องหล่อมากๆ เลยค่ะ” “เสื้อสีขาวแบบนี้อามีเยอะแล้ว” “มีแล้วมีอีกไม่ได้เหรอคะ อาเสือต้องใส่ไปทำงานนะ คุณป้าบอกว่าอาเสือต้องเจอคนเยอะ ตัวนี้เหมาะกับอาเสือมากๆ เลยค่ะ” เสื้อเชิ้ตสีขาวตรงหน้ามันไม่ได้ต่างจากเสื้อเชิ้ตที่เขามีอยู่เลยเพียงแต่มันมีลายเล็กๆ เป็นริ้วบริเวณไหล่ทั้งสองข้างเท่านั้นเองถ้าไม่ต้องก็คงไม่เห็น “อาเสือใส่เสื้อเบอร์อะไรคะ หันหลังนิดค่ะ” เมื่อปีขาลหันหลังเธอก็เอาเสื้อมาทาบลงบนไหล่ของเขา “โอ้โห ไหล่อาเสือกว้างมากๆ เลยค่ะ อารู้มั้ยผู้หญิงชอบผู้ชายไหล่กว้าง” ปีขาลไม่ตอบเขาใช้วิธีเงียบสยบความช่างพูดของสาริศาและคิดว่าเธอจะเงียบตามเขาบ้างแต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่วิธีที่ได้ผลเลย “ตกลงเอาตัวนี้นะคะ อาเนกไทด้วยไหมคะ” “เอาแค่เสื้อก็พอเดี๋ยวอาจ่ายเอง เจ้าเอยไปรออยู่ตรงโน้นก่อน” “หนูบอกว่าหนูจะจ่ายให้” เงินเดือนเดือนแรกยังไม่ได้เลยเก็บเงินไว้เถอะเจ้าเอย “แต่หนูเป็นคนชวนอามาซื้อ” “แล้วใครเป็นคนใส่ ไปรอข้างนอกก่อนที่อาจจะเปลี่ยนใจไม่ซื้อนะ” “ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวทำหน้าบูดไปยืนรอเขาอยู่หน้าร้านชายหนุ่มชำระเงินค่าเสื้อของตัวเองที่ไม่ได้ตั้งใจซื้อเลยสักนิดก่อนจะเดินตามเธอมาหน้าร้าน “เราจะไปไหนกันต่อดีคะ” “เจ้าเอยจะมาซื้อลิปสติก” ปีขาลเตือนสติหญิงสาวอีกครั้ง “อ้าว...หนูลืมเลยอาเสืออย่าว่ากันนะคะ นานๆ หนูจะเข้ามากรุงเทพทีเห็นอะไรก็อยากซื้อไปหมดไป” “รีบไปซื้อลิปสติกเถอะ ซื้อเสร็จแล้วจะได้รีบไปกินข้าว” เมื่อพูดถึงของกินหญิงสาวก็ตาโต เธอเลือกลิปสติกมาสามแท่งจากนั้นก็ทาลงบนหลังมือก่อนจะให้เขาเป็นคนช่วยเลือก “อาเสือว่าสีไหนเหมาะกับหนูที่สุด” “มันก็สีเหมือนกันไม่ใช่เหรอเจ้าเอย” “เหมือนกันที่ไหน” “แต่อามองยังไงมันก็เหมือน” “อาเสือต้องเพ่งดีๆ สิคะ” หญิงสาวขยับมือหมุนไปมา ปีขาลก็ยังไม่เห็นความแตกต่างแต่ถ้ายังไม่ตอบก็คงได้ยืนอย่างนี้นานแน่ๆ เขาเลยตัดสินใจเลือกสีที่อยู่ตรงกลาง “อาว่าสีนี้เหมาะกับเจ้าเอยที่สุด ไม่ซีดและมาตัดเกินไป น่าจะทาได้ทุกโอกาส” “ตกลงหนูเอาสีนี้ค่ะ” เมื่อเลือกได้ก็เดินไปชำระเงินแล้ว ปีชาลหยิบบัตรเครดิตของตนเองขึ้นมา “อาเสือทำอะไรคะ” “อาจ่ายให้” “ไม่เป็นไรค่ะหนูจ่ายเองได้ เอาไว้หนูไม่มีเงินกินข้าวหนูค่อยไปขอให้อาเสือเลี้ยงข้าวดีกว่าค่ะ แต่วันนี้หนูยังพอมีเงินอยู่ “ไม่ใช่เอาเงินมาซื้อเครื่องสำอางกับเสื้อผ้าหมดแล้วเจ้าเอยทำงานเดือนแรกไม่รู้จะได้เงินเดือนหรือเปล่า” “ทำไมพูดแบบนั้นล่ะคะ ทำงานก็ต้องได้เงินเดือนกันทั้งนั้น” “อาก็แค่พูดเผื่อไปบางทีเขาก็จะอาจจะจ่ายไม่ตรงเวลาก็ได้นะเหลือเงินเก็บไว้มันก็ดี” “ถ้าหนูเงินหมดหนูก็ขอแม่” ปีขาลใส่หัวเพราะรู้สึกว่าความคิดของเธอยังเด็กมากๆ การที่เธอลงมาทำงานกรุงเทพเขาก็ไม่รู้ว่าค่าใช้จ่ายกับเงินเดือนมันจะพอดีกันหรือเปล่า แต่เขาก็พอรู้มาบ้างว่าฐานะทางบ้านของสาริศาค่อนข้างดีบ้านของเธอเป็นสวนส้มกินพื้นที่หลายร้อยไร่ บิดามารดากับพี่ชายของเธอก็เป็นคนดูแลกิจการทั้งหมด เขาค่อนข้างแปลกใจว่าทำไมหญิงสาวไม่ไปช่วยงานที่บ้านแต่เมื่อคุยกับมารดาแล้วก็เข้าใจว่าเธอเป็นคนชอบอ่านหนังสือและฝันอยากจะทำงานในห้องสมุดใหญ่ๆ มาตั้งแต่เด็ก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD