รุ่นพี่พาหญิงสาวไปยังห้องประชุมเล็กๆ ที่อยู่ถัดจากห้องพักเบรก ตอนนี้พี่หญิงหรือพี่ธนพรหัวหน้าบรรณารักษ์และมีผู้หญิงและผู้ชายนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
สาริศายิ้มทักทายจากนั้นพี่หญิงก็แนะนำเธอให้รู้จักกับพนักงานคนใหม่ชื่อพรปวีณ์หรือลูกเกดซึ่งเพิ่งจบระดับชั้นปวส.มา ก็เท่ากับว่าเธอเป็นน้องของตนเองสองปี ส่วนอีกคนเป็นพนักงานผู้ชายชื่อธนภูมิหรือภูมิซึ่งเป็นน้องชายได้แท้ๆ ของพี่ธนพร เขาจะมาทำงานในตำแหน่งพนักงานหอสมุดหน้าที่หลักๆ ก็คือจัดเรียงหนังสือและเก็บหนังสือที่นักศึกษาอ่านแล้วเข้าที่
“เอาล่ะสามคนทำความรู้จักกันนะ พี่ให้เวลาคุยกันสิบนาทีจากนั้นก็ไปเริ่มงานของตนเอง
“พี่ชื่อสาริศาเรียกว่าเจ้าเอยหรือเอยก็ได้” สาริศาแนะนำตัวเป็นคนแรก
“หนูชื่อพรปวีณ์ค่ะเรียกว่าลูกเกดหรือเกดก็ได้ค่ะ”
“ผมชื่อธนภูมิหรือภูมิก็ได้ครับ”
“ลูกเกดจบแล้วก็มาทำงานที่นี่เลยหรือเปล่าจ๊ะ”
“ใช่ค่ะพี่เอยเกศจบแล้วก็มาทำงานที่นี่เป็นที่แรก”
“เหมือนกันเลยพี่ก็เพิ่งเริ่มงานที่นี่ที่แรกเหมือนกันแล้วภูมิล่ะ” สาริศาหันไปทำชายหนุ่มที่ดูแล้วน่าจะอายุเท่ากับเธอ
“ผมเรียนรามอยู่ครับ”
“เรียนไปด้วยทำงานไปด้วยเหรอ”
“ครับปีนี้ก็จะจบแล้ว มีเรียนอีกไม่กี่ตัวพอดีว่าที่หอสมุดเปิดรับพนักงานพี่หญิงก็เลยชวนให้มาสมัคร แต่อย่าพึ่งมองผมยังงั้นนะครับถึงผมจะเป็นน้องชายของผู้หญิงแต่ผมก็สมัครมาตามขั้นตอนเหมือน” ธนภูมิรีบบอกกับสองสาวเมื่อเห็นว่าพวกเธอกำลังมองมาทางตนเอง
“เอยยังไม่ได้ว่าอะไรเลยที่เอยมองภูมิก็เพราะคิดว่าภูมิเป็นคนขยันเท่านั้นเอง”
“พี่ภูมิร้อนตัวไปเองเกดก็ยังไม่ได้คิดอะไรเลยค่ะ เกดว่าเราออกไปทำงานกันเถอะ เกดอยากรู้ว่าไม่รู้ว่ามันจะเหมือนที่เราเรียนมาหรือเปล่า”
“เอยกับเกศเรียนมาก็คงจะพอเข้าใจระบบงานแต่ผมนี่สิไม่รู้อะไรเลย”
“ไม่รู้ก็ถามสิเมื่อกี้พี่หญิงก็บอก เกดว่าวันนี้เราคงมีคำถามจนพี่ๆ ปวดหัวแน่เลย”
พรปวีณ์พูดแล้วหัวเราะก่อนจะรีบเดินนำทุกคนออกไป
เช้าๆ แบบนี้ไม่ค่อยมีนักศึกษามาใช้งานเท่าไหร่ สาริศาเลยได้ศึกษางานกับรุ่นได้ค่อนข้างมาก พี่เธอซักถามปัญหาต่างๆ ที่เคยเจอรวมถึงแนวทางการแก้ปัญหาและทบทวนให้เข้าใจอีกทั้งยังจดใส่สมุดเล่มเล็กไว้เพื่อที่จะได้เปิดดูเวลาเกิดปัญหา
ถึงแม้จะเป็นคนรุ่นใหม่ที่ถึงแม้ว่าคนรุ่นใหม่มักจะบันทึกเรื่องราวต่างๆ ลงในโทรศัพท์ แต่สาริศาเป็นคนชอบจดมากกว่า คงจะติดนิสัยมาจากเด็กๆ ที่เป็นคนชอบจด ชอบอ่านทำให้เธอมีความใฝ่ฝันว่าอยากจะเป็นบรรณารักษ์ที่ได้อยู่ท่ามกลางกองหนังสือมากมาย
ซึ่งมันเป็นคลังความรู้ขนาดใหญ่ถึงแม้เทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นก็ตาม บางคนก็หันไปอ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์แต่สำหรับสาริศาแล้ว การพลิกอ่านหนังสือทีละหน้ามันก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง แล้วก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่คิดเหมือนเธอหอสมุดแห่งนี้เลยมีทั้งหนังสือวิชาการ หนังสือนิยาย วารสารและงานวิจัยต่างๆ อยู่เต็มไปหมด
เมื่อถึงเวลาพักทานอาหารกลางวันสาริศากับพรปวีณ์ก็ไปทานอาหารด้วยกันที่โรงอาหารของมหาวิทยาลัยซึ่งการเดินไปกลับก็กินเวลาเกือบสิบนาทีเธอเลยคิดว่าวันต่อไปเธอจะลองไปทานอาหารที่ตึกคณะวิศวะซึ่งอยู่ใกล้กว่าหรือไม่ก็อาจจะใช้บริการแอปพลิเคชันสั่งอาหารเพราะไม่อยากจะเดินออกไปทานที่อื่นให้เวลาเนื่องจากมีเวลาพักแค่ห้าสิบนาทีเท่านั้น
“พี่เอยคะพรุ่งนี้เราสั่งอาหารมากินที่ห้องพักดีไหม เกดว่าเดินไปกลับแบบนี้กลับมาถึงก็หมดแรงพอดี”
“พี่ก็คิดเหมือนเกด เอาไว้พรุ่งนี้เราสั่งมากินดีกว่านะ”
วันนี้สาริศาเลิกงานในเวลาสิบเจ็ดนาฬิกาพร้อมกันลูกเกด
“เกดกลับยังไง”
“เกดไปขึ้นรถรถเมล์หน้ามหาวิทยาลัยค่ะ”
“อยู่หอล่ะเกดอยู่บ้านเหรอแล้วใช้เวลาเดินทางนานไหม”
“อยู่บ้านค่ะ ใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วพี่เอยล่ะพี่เป็นคนเชียงใหม่ใช่ไหม”
“ใช่จ้ะพี่เป็นคนเชียงใหม่”
“แต่พี่มาทำงานไกลเลยนะคะ”
“ก็หอสมุดที่นี่มันใหญ่มาก พี่ว่าคงได้ประสบการณ์ดีๆ เยอะ”
“แล้วพี่พักที่ไหนล่ะคะ”
“ที่พักที่คอนโดน่ะ ห่างจากนี่ไม่ไกลหรอก”
“แล้วกลับยังไงนั่งรถเมล์กลับเหมือนเกดหรือเปล่า”
“อีกหน่อยก็คงจะต้องนั่งรถเมล์กลับแหละ แต่ช่วงนี้พี่ให้คุณอามาส่งนะ นั่นไงรถเข้ามาแล้ว ลูกเกดจะติดรถออกไปรอหน้ามหาวิทยาลัยไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่เกดเดินไปเรื่อยๆ ดีกว่าแล้วเจอกันพรุ่งนี้นะคะ”
พรปวีณ์โบกมือให้กับสาริศาก่อนที่ตัวเองจะเดินไปหน้ามหาวิทยาลัย
“สวัสดีค่ะอาเสือ”
“เจอหน้ากันทั้งเช้าทั้งเย็นไม่ต้องสวัสดีหรอกเจ้าเอย”
“ก็หนูเป็นคนมีมารยาท เจอผู้ใหญ่ก็ต้องไหว้”
“ย้ำจังเลยนะคำว่าผู้ใหญ่เนี่ย”
“ก็มันจริงนี่คะคุณแม่สอนมาให้หนูมีสัมมาคารวะกับผู้ใหญ่”
“เอาไว้ค่อยมีสัมมาคารวะต่อหน้าแม่ก็แล้วกันนะอาขี้เกียจรับไหว้” ปีขาลไม่อยากให้เธอยกมือไหว้เขาเพราะมันทำให้รู้สึกถึงความแตกต่างทางด้านอายุมาก
แม้ว่าความเป็นจริงแล้วเขากับเธอก็อายุห่างกันมากจริงๆ ปีนี้สาริศาเพิ่งจะอายุยี่สิบสองส่วนเขานั้นอายุสามสิบสี่ปีแล้ว ถ้านับแล้วก็ห่างกันถึงมากถึงสิบสองปีเลยทีเดียว
“เป็นไงบ้างทำงานวันแรก” ปีขาลถามไปตามหน้าที่เพราะรู้ว่าเย็นนี้มารดาเขาจะต้องโทรมาถามแน่ๆ ว่าสาริศาเป็นยังไงบ้าง
“ก็ดีค่ะหนูได้เพื่อนใหม่สองคน”
“คนเมื่อกี้เหรอ”
“ใช่ค่ะคนเมื่อกี้ชื่อลูกเกด ค่ะส่วนอีกคนชื่อภูมิวันนี้เขาเลิกงานสองทุ่ม”
“บรรณารักษ์มีผู้ชายด้วยเหรอ”
“จริงๆ แล้วบรรณารักษ์ก็มีทั้งผู้หญิงและผู้ชายล่ะค่ะ แต่ส่วนใหญ่จะเห็นเป็นผู้หญิงมากกว่า แต่ภูมิเขาไม่ได้เป็นบรรณารักษ์หรอกค่ะ เขาเป็นพนักงานทั่วไปค่อยจัดเรียงหนังสือแล้วก็ยกพวกของหนักๆ อะไรพวกนี้”
“หอสมุดที่นี่ใหญ่เหมือนกันนะมีคนทำงานเยอะไหมล่ะ”
“หลายคนเลยค่ะ”
“งานไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม คนเยอะแบบนี้คงไม่เหนื่อยมากเท่าไหร่”
“ช่วงนี้ยังไม่มีปัญหาอะไรค่ะ พี่หัวหน้าบอกว่าจะมีปัญหาก็ช่วงที่สอบเพราะบางทีนักศึกษาก็จะหาหนังสือไม่ค่อยเจอ บางคนก็เอาหนังสือไปเก็บไม่ตรงหมวด เพื่อที่ว่าตัวเองจะได้กลับมาอ่านอีกครั้ง”
“แล้วทำไมเขาไม่ยืมไปล่ะจะแอบแบบนั้นทำไม”
“บางทีสิทธิ์ยืมเขาก็เต็ม แต่บางคนก็ยืมแล้วไม่ยอมคืนยอมเสียค่าปรับเพราะหนังสือดีๆ บางเล่มมันก็หาซื้อไม่ได้แล้ว”
“ฟังดูยุ่งยากเหมือนกันนะแต่ดูท่าทางเจ้าเอยจะชอบงานนี้มากๆ เลย”
“ใช่ค่ะหนูชอบมากที่ได้อยู่ท่ามกลางหนังสือแบบ”
“เป็นบรรณารักษ์ได้อ่านหนังสือฟรีด้วยใช่ไหมล่ะ”
“ก็ประมาณหนึ่งค่ะ แต่เวลางานหนูก็ไม่อ่านหรอก”
“แล้วหนังสือที่หอบมานั่นคืออะไร”
“อ๋อ..นี่เป็นหนังสือแปลค่ะ ที่หอสมุดมีหลายเล่มหนูก็เลยว่าจะเอามาอ่านฆ่าเวลา”
“นี่ทำงานอยู่หนึ่งกับหนังสือทั้งวันกลับมายังจะอ่านหนังสือไม่มีงานอดิเรกอย่างอื่นทำเหรอเจ้าเอย”
“การอ่านหนังสือก็คืองานอดิเรกอย่างหนึ่งค่ะอาเสือ”