ทำงานวันแรก

1400 Words
รุ่นพี่พาหญิงสาวไปยังห้องประชุมเล็กๆ ที่อยู่ถัดจากห้องพักเบรก ตอนนี้พี่หญิงหรือพี่ธนพรหัวหน้าบรรณารักษ์และมีผู้หญิงและผู้ชายนั่งรออยู่ก่อนแล้ว สาริศายิ้มทักทายจากนั้นพี่หญิงก็แนะนำเธอให้รู้จักกับพนักงานคนใหม่ชื่อพรปวีณ์หรือลูกเกดซึ่งเพิ่งจบระดับชั้นปวส.มา ก็เท่ากับว่าเธอเป็นน้องของตนเองสองปี ส่วนอีกคนเป็นพนักงานผู้ชายชื่อธนภูมิหรือภูมิซึ่งเป็นน้องชายได้แท้ๆ ของพี่ธนพร เขาจะมาทำงานในตำแหน่งพนักงานหอสมุดหน้าที่หลักๆ ก็คือจัดเรียงหนังสือและเก็บหนังสือที่นักศึกษาอ่านแล้วเข้าที่ “เอาล่ะสามคนทำความรู้จักกันนะ พี่ให้เวลาคุยกันสิบนาทีจากนั้นก็ไปเริ่มงานของตนเอง “พี่ชื่อสาริศาเรียกว่าเจ้าเอยหรือเอยก็ได้” สาริศาแนะนำตัวเป็นคนแรก “หนูชื่อพรปวีณ์ค่ะเรียกว่าลูกเกดหรือเกดก็ได้ค่ะ” “ผมชื่อธนภูมิหรือภูมิก็ได้ครับ” “ลูกเกดจบแล้วก็มาทำงานที่นี่เลยหรือเปล่าจ๊ะ” “ใช่ค่ะพี่เอยเกศจบแล้วก็มาทำงานที่นี่เป็นที่แรก” “เหมือนกันเลยพี่ก็เพิ่งเริ่มงานที่นี่ที่แรกเหมือนกันแล้วภูมิล่ะ” สาริศาหันไปทำชายหนุ่มที่ดูแล้วน่าจะอายุเท่ากับเธอ “ผมเรียนรามอยู่ครับ” “เรียนไปด้วยทำงานไปด้วยเหรอ” “ครับปีนี้ก็จะจบแล้ว มีเรียนอีกไม่กี่ตัวพอดีว่าที่หอสมุดเปิดรับพนักงานพี่หญิงก็เลยชวนให้มาสมัคร แต่อย่าพึ่งมองผมยังงั้นนะครับถึงผมจะเป็นน้องชายของผู้หญิงแต่ผมก็สมัครมาตามขั้นตอนเหมือน” ธนภูมิรีบบอกกับสองสาวเมื่อเห็นว่าพวกเธอกำลังมองมาทางตนเอง “เอยยังไม่ได้ว่าอะไรเลยที่เอยมองภูมิก็เพราะคิดว่าภูมิเป็นคนขยันเท่านั้นเอง” “พี่ภูมิร้อนตัวไปเองเกดก็ยังไม่ได้คิดอะไรเลยค่ะ เกดว่าเราออกไปทำงานกันเถอะ เกดอยากรู้ว่าไม่รู้ว่ามันจะเหมือนที่เราเรียนมาหรือเปล่า” “เอยกับเกศเรียนมาก็คงจะพอเข้าใจระบบงานแต่ผมนี่สิไม่รู้อะไรเลย” “ไม่รู้ก็ถามสิเมื่อกี้พี่หญิงก็บอก เกดว่าวันนี้เราคงมีคำถามจนพี่ๆ ปวดหัวแน่เลย” พรปวีณ์พูดแล้วหัวเราะก่อนจะรีบเดินนำทุกคนออกไป เช้าๆ แบบนี้ไม่ค่อยมีนักศึกษามาใช้งานเท่าไหร่ สาริศาเลยได้ศึกษางานกับรุ่นได้ค่อนข้างมาก พี่เธอซักถามปัญหาต่างๆ ที่เคยเจอรวมถึงแนวทางการแก้ปัญหาและทบทวนให้เข้าใจอีกทั้งยังจดใส่สมุดเล่มเล็กไว้เพื่อที่จะได้เปิดดูเวลาเกิดปัญหา ถึงแม้จะเป็นคนรุ่นใหม่ที่ถึงแม้ว่าคนรุ่นใหม่มักจะบันทึกเรื่องราวต่างๆ ลงในโทรศัพท์ แต่สาริศาเป็นคนชอบจดมากกว่า คงจะติดนิสัยมาจากเด็กๆ ที่เป็นคนชอบจด ชอบอ่านทำให้เธอมีความใฝ่ฝันว่าอยากจะเป็นบรรณารักษ์ที่ได้อยู่ท่ามกลางกองหนังสือมากมาย ซึ่งมันเป็นคลังความรู้ขนาดใหญ่ถึงแม้เทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นก็ตาม บางคนก็หันไปอ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์แต่สำหรับสาริศาแล้ว การพลิกอ่านหนังสือทีละหน้ามันก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง แล้วก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่คิดเหมือนเธอหอสมุดแห่งนี้เลยมีทั้งหนังสือวิชาการ หนังสือนิยาย วารสารและงานวิจัยต่างๆ อยู่เต็มไปหมด เมื่อถึงเวลาพักทานอาหารกลางวันสาริศากับพรปวีณ์ก็ไปทานอาหารด้วยกันที่โรงอาหารของมหาวิทยาลัยซึ่งการเดินไปกลับก็กินเวลาเกือบสิบนาทีเธอเลยคิดว่าวันต่อไปเธอจะลองไปทานอาหารที่ตึกคณะวิศวะซึ่งอยู่ใกล้กว่าหรือไม่ก็อาจจะใช้บริการแอปพลิเคชันสั่งอาหารเพราะไม่อยากจะเดินออกไปทานที่อื่นให้เวลาเนื่องจากมีเวลาพักแค่ห้าสิบนาทีเท่านั้น “พี่เอยคะพรุ่งนี้เราสั่งอาหารมากินที่ห้องพักดีไหม เกดว่าเดินไปกลับแบบนี้กลับมาถึงก็หมดแรงพอดี” “พี่ก็คิดเหมือนเกด เอาไว้พรุ่งนี้เราสั่งมากินดีกว่านะ” วันนี้สาริศาเลิกงานในเวลาสิบเจ็ดนาฬิกาพร้อมกันลูกเกด “เกดกลับยังไง” “เกดไปขึ้นรถรถเมล์หน้ามหาวิทยาลัยค่ะ” “อยู่หอล่ะเกดอยู่บ้านเหรอแล้วใช้เวลาเดินทางนานไหม” “อยู่บ้านค่ะ ใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วพี่เอยล่ะพี่เป็นคนเชียงใหม่ใช่ไหม” “ใช่จ้ะพี่เป็นคนเชียงใหม่” “แต่พี่มาทำงานไกลเลยนะคะ” “ก็หอสมุดที่นี่มันใหญ่มาก พี่ว่าคงได้ประสบการณ์ดีๆ เยอะ” “แล้วพี่พักที่ไหนล่ะคะ” “ที่พักที่คอนโดน่ะ ห่างจากนี่ไม่ไกลหรอก” “แล้วกลับยังไงนั่งรถเมล์กลับเหมือนเกดหรือเปล่า” “อีกหน่อยก็คงจะต้องนั่งรถเมล์กลับแหละ แต่ช่วงนี้พี่ให้คุณอามาส่งนะ นั่นไงรถเข้ามาแล้ว ลูกเกดจะติดรถออกไปรอหน้ามหาวิทยาลัยไหม” “ไม่เป็นไรค่ะพี่เกดเดินไปเรื่อยๆ ดีกว่าแล้วเจอกันพรุ่งนี้นะคะ” พรปวีณ์โบกมือให้กับสาริศาก่อนที่ตัวเองจะเดินไปหน้ามหาวิทยาลัย “สวัสดีค่ะอาเสือ” “เจอหน้ากันทั้งเช้าทั้งเย็นไม่ต้องสวัสดีหรอกเจ้าเอย” “ก็หนูเป็นคนมีมารยาท เจอผู้ใหญ่ก็ต้องไหว้” “ย้ำจังเลยนะคำว่าผู้ใหญ่เนี่ย” “ก็มันจริงนี่คะคุณแม่สอนมาให้หนูมีสัมมาคารวะกับผู้ใหญ่” “เอาไว้ค่อยมีสัมมาคารวะต่อหน้าแม่ก็แล้วกันนะอาขี้เกียจรับไหว้” ปีขาลไม่อยากให้เธอยกมือไหว้เขาเพราะมันทำให้รู้สึกถึงความแตกต่างทางด้านอายุมาก แม้ว่าความเป็นจริงแล้วเขากับเธอก็อายุห่างกันมากจริงๆ ปีนี้สาริศาเพิ่งจะอายุยี่สิบสองส่วนเขานั้นอายุสามสิบสี่ปีแล้ว ถ้านับแล้วก็ห่างกันถึงมากถึงสิบสองปีเลยทีเดียว “เป็นไงบ้างทำงานวันแรก” ปีขาลถามไปตามหน้าที่เพราะรู้ว่าเย็นนี้มารดาเขาจะต้องโทรมาถามแน่ๆ ว่าสาริศาเป็นยังไงบ้าง “ก็ดีค่ะหนูได้เพื่อนใหม่สองคน” “คนเมื่อกี้เหรอ” “ใช่ค่ะคนเมื่อกี้ชื่อลูกเกด ค่ะส่วนอีกคนชื่อภูมิวันนี้เขาเลิกงานสองทุ่ม” “บรรณารักษ์มีผู้ชายด้วยเหรอ” “จริงๆ แล้วบรรณารักษ์ก็มีทั้งผู้หญิงและผู้ชายล่ะค่ะ แต่ส่วนใหญ่จะเห็นเป็นผู้หญิงมากกว่า แต่ภูมิเขาไม่ได้เป็นบรรณารักษ์หรอกค่ะ เขาเป็นพนักงานทั่วไปค่อยจัดเรียงหนังสือแล้วก็ยกพวกของหนักๆ อะไรพวกนี้” “หอสมุดที่นี่ใหญ่เหมือนกันนะมีคนทำงานเยอะไหมล่ะ” “หลายคนเลยค่ะ” “งานไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม คนเยอะแบบนี้คงไม่เหนื่อยมากเท่าไหร่” “ช่วงนี้ยังไม่มีปัญหาอะไรค่ะ พี่หัวหน้าบอกว่าจะมีปัญหาก็ช่วงที่สอบเพราะบางทีนักศึกษาก็จะหาหนังสือไม่ค่อยเจอ บางคนก็เอาหนังสือไปเก็บไม่ตรงหมวด เพื่อที่ว่าตัวเองจะได้กลับมาอ่านอีกครั้ง” “แล้วทำไมเขาไม่ยืมไปล่ะจะแอบแบบนั้นทำไม” “บางทีสิทธิ์ยืมเขาก็เต็ม แต่บางคนก็ยืมแล้วไม่ยอมคืนยอมเสียค่าปรับเพราะหนังสือดีๆ บางเล่มมันก็หาซื้อไม่ได้แล้ว” “ฟังดูยุ่งยากเหมือนกันนะแต่ดูท่าทางเจ้าเอยจะชอบงานนี้มากๆ เลย” “ใช่ค่ะหนูชอบมากที่ได้อยู่ท่ามกลางหนังสือแบบ” “เป็นบรรณารักษ์ได้อ่านหนังสือฟรีด้วยใช่ไหมล่ะ” “ก็ประมาณหนึ่งค่ะ แต่เวลางานหนูก็ไม่อ่านหรอก” “แล้วหนังสือที่หอบมานั่นคืออะไร” “อ๋อ..นี่เป็นหนังสือแปลค่ะ ที่หอสมุดมีหลายเล่มหนูก็เลยว่าจะเอามาอ่านฆ่าเวลา” “นี่ทำงานอยู่หนึ่งกับหนังสือทั้งวันกลับมายังจะอ่านหนังสือไม่มีงานอดิเรกอย่างอื่นทำเหรอเจ้าเอย” “การอ่านหนังสือก็คืองานอดิเรกอย่างหนึ่งค่ะอาเสือ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD