อาชีพพริตตีซึ่งเป็นดั่งบ่อเงินบ่อทองก็พร้อมตัดขาด จนคนอื่นต่างมองเธอคล้ายโง่เขลา ด้วยรูปร่างหน้าตาที่สมบูรณ์แบบ วาจาฉะฉานเก่งกาจพูดคุยกับลูกค้า ซ้ำยังมีชายหนุ่มมากหน้าหลายตาต่อคิวเพราะหมายปองพริตตีเงินล้าน
แต่ญาดาเลือกตัดโอกาสตนเอง เธออยากลบคำดูถูกของ อรุณประไพว่าผู้หญิงนี้ดีแต่ขายร่างกายแลกเงิน เพื่อความสุขสบาย!
“เดี๋ยวอีกห้านาทีดาต้องปิดไลฟ์แล้วน้า ออร์เดอร์ใกล้เต็มแล้วด้วย รอบนี้ใครพลาดบอกเลยจะเสียดาย” นัยน์ตากลมโตว่าพลางเบี่ยงสังเกตนาฬิกาบนผนัง
“สตรอว์เบอร์รีลูกใหญ่ ๆ แบบนี้หาไม่ได้ง่าย ๆ แล้วนะคะ จะหมดหน้าน้องแล้ว”
ปากกระจับกล่าวมั่นอกมั่นใจ ข้อดีของญาดาคือขายเก่ง เธอเชิญชวนลูกค้าประหนึ่งรู้จังหวะจะโคน แม่ค้าคนสวยไม่ได้อวยร้านตนเองแบบเวอร์วัง เพราะคุณภาพร้านใจรักคุ้มค่าเกินราคา
“สำหรับวันนี้ดาไปก่อนน้า แล้วพบกันใหม่ทางเพจใจรัก ในทุก ๆ วันจันทร์ พุธ ศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์นะคะ!” ญาดายิ้มร่าโบกมือลา เธอกดปิดไลฟ์ทันทีที่ถึงเวลาอันสมควร
ก้มมองดูนาฬิกา…
ใกล้หกโมงเย็นแล้ว ได้เวลาลงมือทำอาหารให้สามี ปกติอนวัฒน์มักทานข้าวกับเธอในทุก ๆ เย็น ทั้งสองเช่าบ้านหลังเล็กแถบชานเมือง ใครจะคิดบ้างว่าลูกชายตระกูลใหญ่อย่างเขาแม้แต่ที่ซุกหัวนอนก็ยังต้องผ่อนจ่ายรายเดือน ทั้งที่โยธิบดีทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์แท้ ๆ
มือบางต่อสายหาอนวัฒน์พร้อมผิวปากอารมณ์ดี ญาดาหมุนปลายเท้าเข้าไปในครัว
ตู้ด… ตู้ด…
เสียงสัญญาณสื่อสารดังก่อนเลื่อนหายไปดื้อ ๆ ทำเอาคนตัวเล็กขมวดคิ้ว เย็นขนาดนี้อนวัฒน์น่าจะเดินทางกลับบ้าน เพราะเขาลาออกจากงานประจำ ตอนนี้ชายหนุ่มกำลังลงทุนทำธุรกิจสตาร์ตอัปเกี่ยวกับการท่องเที่ยว
‘ว่าไงดา มีอะไรหรือเปล่าพี่ยุ่งอยู่’
ปลายสายกดรับ เขากรอกเสียงทุ้มคุ้นหูที่ฟังดูก็รู้ว่ากำลัง เร่งรีบ
‘พี่เชนกลับมากี่โมงคะ ดาจะได้ทำกับข้าวรอ’
‘วันนี้พี่ไม่ทานข้าวเย็น ดาจัดการตัวเองนะ’
‘แต่ดา…’
‘อย่าเซ้าซี้น่าดา พี่ยุ่งอยู่แค่นี้นะ’ อนวัฒน์ส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ
ติ๊ด!
ปลายสายตัดลงทั้งที่คนตัวเล็กยังพูดไม่จบประโยคเสียด้วยซ้ำ หลายเดือนที่คนเป็นสามียุ่งราวกับนักธุรกิจพันล้าน จากใกล้ชิดพลันเหินห่าง ความใส่ใจที่มีต่างมลายหายสิ้น
ญาดากำโทรศัพท์เครื่องบางแน่น หญิงสาวระบายลมหายใจเข้าออก เฝ้าบอกตนเองให้ใจเย็นซ้ำแล้วซ้ำเล่า…
…เธอต้องเข้าใจเขานะ ที่อนวัฒน์ทำล้วนแล้วแต่เพื่อความสุขสบาย ทั้งสองวาดฝันอยากมีชีวิตคู่อันมั่นคง ภาระหนักอึ้งจึงตกอยู่ที่เขาในฐานะหัวหน้าครอบครัว
คิดได้ดังนั้นคนตัวเล็กก็ตัดสินใจลงมือทอดไข่เจียวง่าย ๆ เพื่อรับประทานตามลำพัง ทว่ากลับมีข้อความจากน้องสาวที่รักดังขึ้นมาเสียก่อน
‘พี่ดา ไปกินข้าวกัน นากับพ่อรออยู่ร้านอาหารใกล้ ๆ บ้านพี่’ ยายตัวเล็กของบ้านส่งคำพูดออดอ้อน จนคนเป็นพี่ใจอ่อน ในเมื่ออนวัฒน์ผิดนัด การไปรับประทานมือเย็นกับครอบครัวย่อมเป็นตัวเลือกที่ดี
ร้านริมน้ำอยู่ไม่ใกล้จากบ้านของญาดาเท่าไร หญิงสาว แต่งกายสักพักแล้วโบกรถโดยสารเพื่อไปที่นั่น ใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีด้วยซ้ำ
ร่างเพรียวจ้ำอ้าวเดินเข้าไปในร้านอย่างมาดมั่น นัยน์ตาเรียวสวยกวาดมองรอบข้างเพื่อหาน้องสาวและบิดา…
ทว่าราวกับมีหนามแหลมสะกิดผ่านม่านตา เธอเพ่งดูเห็นชายผู้เป็นสามีนั่งอยู่กับใครบางคน
ผู้หญิงคนนั้นญาดาจำได้ถนัดตาว่าคือใคร…ไม่ต้องเสียเวลามองให้เปล่าประโยชน์ เพราะหล่อนสวยโดดเด่นตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัย
‘อิงอร’ ผู้หญิงที่อนวัฒน์อ้างว่าเป็นน้องสาว แต่ลึก ๆ เซนส์ผู้หญิงด้วยกันจึงพอรับรู้ หล่อนคิดไม่ซื่อกับสามีเธอ ทั้งอรุณประไพก็ยังเห็นดีเห็นงาม
เพราะชาติตระกูล ฐานะ หน้าตาทางสังคม ไหนจะความผูกพันที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก อิงอรดูเพียบพร้อมทุกด้านแตกต่างจากลูกชาวสวนจน ๆ อย่างญาดา
สติกระจัดกระจายออกจากกันเป็นริ้ว ๆ มือบางผสานแน่นอยากเข้าไปถามเขานักว่านี่หมายความว่าอย่างไร ทำไมต้องโกหก หลอกลวงเธอมาเพื่อพบเจอผู้หญิงคนนี้
สองเท้านิ่งสนิทราวกับมีอะไรมาดึงรั้ง เธอก้าวขาไม่ออกเพราะความรู้สึกปวดหน่วงหนักอึ้งเกินบรรยาย นัยน์ตาหวานรื้นแดงก่ำ อนวัฒน์รู้ว่าเธอไม่สบายใจ
…ทำไม เขาถึงกล้าทำ ?
ชายหนุ่มรู้ว่าอิงอรคิดเกินเลยกับตนเอง แต่รนหาเรื่องให้คนเป็นเมียปวดใจไม่จบไม่สิ้น
“พี่ดา!” เสียงเล็ก ๆ เบื้องหลังปลุกคนที่เอาแต่เสียใจ มือบางสะกิดเรียวไหล่ จนญาดาสะดุ้งเฮือกหมุนกายเผชิญหน้าเจ้าหล่อน
“นา…”
“เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมตาแดง ๆ” อันนาย่นคิ้ว ยื่นหน้าใกล้พี่สาวเพื่อสังเกต
“เปล่า ๆ พี่เป็นภูมิแพ้ อากาศเปลี่ยนบ่อยช่วงนี้นาก็รู้ ไหนล่ะพ่ออยู่ตรงไหน”
“โต๊ะนู้น”
อันนาชี้ไปทางขวาของร้าน ญาดาใช้มือโอบน้องสาวลวก ๆ ใจไม่ต้องการให้คนข้างกายรับรู้ว่าชีวิตคู่เหมือนกำลังเจอปัญหา
พี่สาวแสร้งยิ้มหวานชื่นให้น้อง ทั้งที่ในใจสุดขมขื่น คำถามมากมายถล่มทลายเข้ามาในสมอง ตีตรวนผูกรัดจนอาหารค่ำมื้อนี้พลันแสบร้าวไปถึงใจ
“ดาเป็นอะไรหรือเปล่าลูก” พิศาลลอบมองลูกสาว ในขณะที่มือเหี่ยวย่นตักปลาชิ้นเล็ก ๆ ให้ญาดา
รอยยิ้มอบอุ่นของพ่อทำให้กระบอกตาหวานร้อนผ่าว จมูกโด่งรั้นแดงระเรื่อ จนหญิงสาวต้องขยี้เบา ๆ และส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่มีอะไรค่ะ ดาแค่รู้สึกเหมือนจะไม่สบายเท่านั้น”
“ดูแลตัวเองดี ๆ สิลูก แล้วตาเชนล่ะ หมู่นี้พ่อไม่เห็นเลย”
“พอดีพี่เชนยุ่ง ๆ กำลังวุ่น เขาทำธุรกิจใหม่กับเพื่อนค่ะ”
ญาดาอธิบายพอเป็นพิธี แต่คำว่าเพื่อนจากริมฝีปากสั่น ๆ ของลูกนั่นทำให้คนเป็นพ่อพอจับพิรุธได้
“เหรอลูก งั้นดาต้องเข้าใจพี่เขานะ ที่เชนทำทุกอย่างก็เพื่อดา”
“ค่ะพ่อ ไม่ต้องเป็นห่วงดานะ”
ญาดารับคำ แววตาอ่อนโยนของท่านเปรียบดั่งแสงตะวันสำหรับเธอ
ญาดาและอันนาอยู่กับพ่อตั้งแต่วัยเยาว์ จำความได้เด็กทั้งสองก็ไม่มีโอกาสได้รู้จักคนเป็นแม่เสียแล้ว หล่อนทิ้งลูกไว้ในชนบทแสนกันดาร ส่วนตนเองเข้ามาในเมืองหลวงเพื่อหาความสุขสบาย บุญคุณเดียวที่ผู้หญิงคนนั้นมีคือการเบ่งพวกเธอออกมา
บทสนทนาระหว่างสามคนพ่อลูกพอช่วยบรรเทาทุกข์ที่ กัดกินญาดาได้บ้าง ความรู้สึกระแวงสงสัยคืบคลานเข้ามาในหัวใจดวงน้อยทีละก้าว
เหมือนน้ำเย็นสาดใส่ให้ตื่นจากฝันอันแสนหวาน เมื่อชายผู้เป็นสามีควงคู่ออกไปกับหญิงอื่นแล้วหายไปตลอดทั้งค่ำคืน!
ญาดาเพียงได้แต่เฝ้ารอแล้วรอเล่า อนวัฒน์ก็ไม่โผล่มาซะที คนเป็นเมียฟุบหลับตาลงบนโต๊ะไม้แข็ง ๆ พร้อมใบหน้าเปื้อนน้ำตา จนกระทั่งแสงอาทิตย์ในช่วงเช้าของวันถัดไปสาดส่อง เข้ามา
เสียงเครื่องยนต์ดับลงช้า ๆ ก่อนร่างสูงในสภาพเครื่องแต่งกายหลุดลุ่ยก้าวแผ่วเบา
“หายไปไหนมาทั้งคืนคะ” ญาดาผงกหน้าขึ้นฉับพลัน เธอ หรี่ตากอดอกมองชายหนุ่มอย่างผิดหวัง
“ทำไมดาอยู่ตรงนี้”
“นี่คือสิ่งที่ดาควรได้ยินจากปากสามีที่หายไปทั้งคืนเหรอคะ” ญาดากัดฟันกรอดจนสันกรามเด่นชัด คิ้วเรียงสวยขมวดมุ่น
“ตอบดามาสิว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น!” หัวอกคนเป็นเมียแทบขาดรอน ๆ ดวงใจข้างซ้ายปวดร้าวเกินเยียวยา
นี่เขากำลังเล่นอะไรอยู่…เงียบไร้คำอธิบายแบบนี้ ใจคนรอควรรู้สึกอย่างไร
“พี่ทำงาน” อนวัฒน์ระบายลมหายใจเหนื่อยล้า ดวงตาคมกริบนิ่งอึ้งมองเธอราวกับไร้สาระ
“ทำงาน…ทำงานท่าไหนคะ ถึงได้ดูเหนื่อยขนาดนี้!”
“ญาดา!” เขาโพล่งแสดงท่าทีฉุนเฉียว หญิงใจร้อนปราดทุบแผ่นอกกว้างกระหน่ำ
“โกหกดาทำไม พี่เชนยังติดต่อกับผู้หญิงคนนั้นอยู่ใช่ไหม!”
“ผู้หญิงคนนั้น ?”
“อิงอร น้องสาวสุดที่รักของพี่ไง!” ญาดาแสยะยิ้มสบตาสามี ชายหนุ่มส่ายหน้ามองราวกับผู้หญิงคนนี้น่าขันเสียเหลือเกิน
“น้องอรกับพี่ติดต่อกันเพราะเรื่องงาน”
“เรื่องงานแล้วทำไมต้องปิดบังดา”
“เพราะพี่รู้ไงว่าดาจะโวยวายไร้สติแบบนี้”
คำตอบเขาไม่ต่างจากการโยนความผิดทุกอย่างให้เธอ ชายหนุ่มขืนกายเหินห่างยามคนตัวเล็กคว่ำปากร้องไห้
“พี่ยังรักดาอยู่ใช่ไหม” กลีบปากบางสั่นระริกราวกับอยู่ท่ามกลางคืนวันอันเหน็บหนาว ทั้งที่เป็นใจต่างหากไม่ใช่กาย ส่วนลึกในก้อนเนื้อข้างซ้ายชาหนึบไร้เรี่ยวแรง
“เรายังเหมือนเดิมอยู่ใช่ไหมพี่เชน”
“ถ้าเรื่องแค่นี้ดาคิดเองไม่ได้ พี่ก็ไม่มีอะไรจะพูด”
ร่างสง่าหันหนีปล่อยญาดาไว้เบื้องหลัง จะผวากอดเขาราวไร้ความหมาย เพราะอนวัฒน์ไม่แยแสว่าใบหน้างดงามพรั่งพรูน้ำตาหนักหนาเพียงใด…
สุดท้ายสิ่งที่เขาสนใจมีเพียงคำว่า ‘งาน’ ที่เอามาเป็นข้ออ้างอย่างเดียว!