หลังจากได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการแล้ว เวคินก็ออกจากห้องพักของน้ำรินไป สถานภาพระหว่างเขาและเธอเป็นแบบนี้มานานกว่าสามปีแล้ว และมันไม่มีทางขยับไปไหนได้อีก เธอคือนางบำเรอที่รอวันปลดระวางเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์ไม่มีสิทธิ์หึงหวง และไม่มีสิทธิ์ครอบครอง แต่ก็เป็นโชคดีของเธอ ที่เวคินไม่สนใจผู้หญิงคนไหน เขามุมานะทำแต่งาน ก่อนที่จะมาปลดปล่อยลงที่เธอคนเดียวเท่านั้น และนี่คือเหตุผลที่เธอต้องพยายามทำให้ตนเองเซ็กซี่ และทำให้เขาหลงใหล ทั้งที่เนื้อแท้แล้วเธอไม่ใช่คนแบบนี้เลยสักนิด คำชมที่เขาเอ่ยออกมาทุกครั้งในการมีสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างเขาและเธอ มันทำให้หญิงสาวมั่นใจได้ว่าเธอยังคงตอบสนองเรื่องทางเพศให้กับเขาได้เป็นอย่างดี
“นายหัวกลับไปแล้วเหรอลูก” นางนารีเอ่ยถามบุตรสาวทันทีที่มาถึง นางเป็นคนเดียวที่รู้ความลับระหว่างบุตรสาวกับนายหัว แม้ว่านางจะไม่เห็นด้วย แต่นางก็เคารพการตัดสินใจของบุตรสาว และมองบุตรสาวอยู่ห่างๆ ด้วยความสงสารและเวทนาในโชคชะตาของบุตรสาว
“กลับไปแล้วค่ะแม่ ทรมานเหมือนกันเนอะ การอยู่แบบไม่มีตัวตนแบบนี้” น้ำรินเอ่ยกับมารดาด้วยแววตาเศร้า
“รู้ว่าทรมานก็ก้าวออกมาสิลูก มันยังไม่สายเกินไปหรอกนะที่ลูกจะเริ่มต้นใหม่กับใครสักคนที่เขารักลูกจริงๆ” นางนารีเอ่ยออกมาด้วยเสียงเศร้าไม่ต่างกัน รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองจะไม่มีวันได้ยืนเคียงข้างเขา บุตรสาวของนางยังเอาตัวไปเล่นกับไฟแบบนั้น จะไม่ให้คนเป็นแม่อย่างนางทุกข์ใจได้ยังไงล่ะ
“มันออกได้ง่ายๆ ก็ดีสิคะแม่ น้ำรักเขา รักจนคิดว่าชาตินี้จะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเขา” น้ำรินน้ำตาคลออย่างไม่รู้ตัว เมื่อเอ่ยถึงชายผู้เป็นเจ้าของหัวใจ
“ถ้ามันออกมาไม่ได้ลูกก็ต้องจัดการกับความรู้สึกของตนเองให้ได้ ไม่อย่างนั้นชีวิตนี้ลูกคงไม่มีทางมีความสุขกับมัน” นางนารีเอ่ยสิ่งที่เป็นสัจธรรมออกมา นางเข้าใจโลก เพราะได้มีโอกาสเข้าไปเรียนจนจบระดับอนุปริญญา แต่ที่ต้องมาเป็นแม่บ้านเช่นนี้ก็เพราะต้องการหนีบางอย่าง และที่นี่ก็สามารถทำให้นางหนีรอดมาจนถึงทุกวันนี้
“ค่ะแม่ น้ำจะจัดการความรู้สึกของตนเองให้ได้ งั้นน้ำขอไปทำงานก่อนนะคะ” น้ำรินเอ่ยกับมารดา ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมไปทำงานที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งบนฝั่ง ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของโรงแรม