ถ้าช่วงเช้าคือเวลาของเหล่าสมาชิกระดับสูง ในยามเย็นก็คืองานเลี้ยงยิ่งใหญ่งานหนึ่งแห่งปีของตระกูลหลง ซึ่งจะเชิญแขกเหรื่อนับพันที่มีทั้งคู่ค้าทางธุรกิจและพันธมิตรของตระกูลหลง ให้เข้ามาร่วมงานเฉลิมฉลองวันเกิดของนายเหนือหัวแห่งชิงหลง ผู้คนส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่อยากเข้ามาภายในงานนี้ทั้งสิ้นเพราะมันไม่ได้หมายถึงเกียรติที่ตระกูลหลงมอบให้เท่านั้น แต่มันหมายถึงสายสัมพันธ์ทั้งทางการค้าและสายสัมพันธ์ส่วนตัวที่เกี่ยวเนื่องกันด้วยผลประโยชน์จนแยกจากกันไม่ออก
ชายหนุ่มในชุดทักซิโดสีดำสนิทคนนั้นดูโดดเด่นกว่าใครในงาน ไม่เพียงแต่เพราะเขาเป็นเจ้าของงาน แต่อาจเป็นเพราะรัศมีแห่งอำนาจที่ฉายชัดออกมา ที่ทำให้เขาได้รับความสนใจอยู่เสมอไม่ว่าจากใครก็ตาม
แสงไฟสีนวลกระทบกับแชนเดอเลียร์เป็นประกายระยิบระยับงดงาม จับตา งานเลี้ยงฉลองวันเกิดหรูหรานี้ถูกจัดขึ้นเพื่อฉลองอายุครบสามสิบสามปีให้แก่ผู้เป็นหัวหน้าตระกูลหลงอันเก่าแก่ แม้หลงเทียนหลงจะขึ้นชื่อเรื่องเก็บตัวและไม่ชอบออกงานสังคม แต่บางครั้งงานสังคมก็ยากที่จะหลีกเลี่ยง
‘หลงเทียนหลง’ คือชื่อของเขา...หัวหน้ากลุ่มชิงหลง กลุ่มอาชญากรที่ยิ่งใหญ่กลุ่มหนึ่งแห่งเกาะฮ่องกง!
‘หลง’ ที่แปลว่ามังกร และ ‘เทียนหลง’ ก็คือ ‘มังกรฟ้า’
เขาจึงเปรียบเสมือนมังกรฟ้าแห่งตระกูลหลง!
หลงเฟิ่งหยาผู้เป็นปู่ตั้งชื่อนี้ให้แก่เขา ด้วยมุ่งหวังว่าเขาจะทะยานไปได้สูงกว่าใคร นำพาตระกูลหลงขึ้นสู่จุดสูงสุดอย่างที่เหล่าบรรพบุรุษต่างมุ่งหวัง แม้ในยามนี้หากเทียบกันแล้วตระกูลหลงจะยิ่งใหญ่จนแทบจะไม่มีใครเทียบ ทว่าความทะยานอยากของมนุษย์ไม่เคยมีที่สิ้นสุด และผู้นำตระกูลหลงทุกรุ่นล้วนแล้วแต่เป็นผู้มีความทะเยอทะยานทั้งสิ้น จึงส่งผลให้ตระกูลหลงแผ่ขยายอิทธิพลเกือบจะครอบคลุมไปทั่วเกาะฮ่องกง เซี่ยงไฮ้ ไต้หวัน และตอนนี้ก็เริ่มรุกคืบเข้าไปในจีนแผ่นดินใหญ่แล้ว ในรุ่นของหลงเทียนหลง เขาก็มุ่งหวังที่จะทำให้ตระกูลหลงยิ่งใหญ่มากยิ่งขึ้นไปกว่านี้ให้จงได้
ตระกูลหลงทำธุรกิจมาหลายชั่วอายุคน แรกเริ่มเดิมทีพวกเขาทำธุรกิจใต้ดินในชื่อของ ‘ชิงหลง’ แผ่ขยายอิทธิพลไปทั่วทั้งฮ่องกง แต่เมื่อเกิดการกวาดล้างกลุ่มผู้มีอิทธิพลอย่างหนักจากทางการ พวกเขาจึงได้ซ่อนตัวเองและล้างประวัติบางส่วน ก่อนจะก่อตั้งธุรกิจบนดินเพื่อเอื้ออำนวยให้แก่ธุรกิจใต้ดิน
สำหรับเทียนหลงเองเขามีความคิดไม่ต่างจากผู้เป็นปู่เท่าไหร่นักในเรื่องของการแผ่ขยายอิทธิพล ส่งผลให้หลายต่อหลายคนเรียกพวกเขาว่าเป็นอาชญากร แต่บางคนกลับเทิดทูนพวกเขาว่าเป็นราชา แต่ก็ไม่มีใครหรืออะไรเอื้อมมือเข้ามา ‘ล้ม’ พวกเขาได้
หลงเฟิ่งหยาเคยบอกเขาว่า ‘เงินสร้างอำนาจ อำนาจสร้างเงิน’ สองสิ่งนี้ไม่อาจแยกจากกันได้อย่างเด็ดขาด ฉะนั้นตราบใดที่มีเงินและอำนาจ ผู้คนทั้งใต้หล้าก็ไม่มีใครหาญกล้าต่อกรกับตระกูลหลงได้ และเพื่อเงินและอำนาจพวกเขาสามารถทำได้ทุกอย่าง
เพราะความคิดนั้นกระมังที่ทำให้ตระกูลหลงถูกมองว่าเป็นอาชญากร แต่เทียนหลงไม่เคยใส่ใจ เขาก็แค่เป็นหนึ่งในกลไกที่ทำให้มนุษย์เป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ ทุกสิ่งบนโลกนี้อยู่ได้ด้วยความสมดุล เมื่อมีคนดีก็ย่อมต้องมีคนเลว... ถ้าเขาจะรับบทคนเลวนั้นเขาก็ไม่เดือดร้อนอะไร
ตระกูลหลงก็แค่ตีแผ่ความดำมืดในจิตใจของมนุษย์ เขามองว่ามนุษย์ ทุกคนล้วนแล้วแต่มีด้านมืดในตัวเอง ไม่มีใครในโลกนี้ที่เป็นคนดีร้อยเปอร์เซ็นต์ ทุกคนมักจะซุกซ่อนสิ่งชั่วร้ายเอาไว้อยู่ในนั้นเสมอ เขาก็แค่หากินกับสิ่งนั้น ถ้าเขาไม่ทำคนอื่นก็ทำอยู่ดี แล้วเขาจะปล่อยผลประโยชน์ให้หลุดมือไปได้อย่างไร
“เทียนหลง...”
หลงเทียนหลงทำเพียงปรายตามองคนที่เรียกชื่อเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย สีหน้าของเขายังคงเรียบนิ่งราวกับรูปสลัก ทว่าชายตรงหน้าคล้ายกับไม่สะทกสะท้านกับสายตาของเศียรมังกรเลยแม้แต่น้อย เขายังคงคลี่ยิ้มได้อย่างงดงามและไม่เกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น คนที่ไม่แม้แต่จะสั่นสะท้านยามอยู่ต่อหน้าเศียรมังกรแห่งชิงหลงเห็นจะมีเพียงผู้นำแห่งหลี่เท่านั้นกระมัง
‘หลี่หานเฟิง’ ผู้นำตระกูลหลี่ เขาเพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อสามปีก่อนพร้อมกับทายาทแห่งตระกูลหลงที่ขึ้นรับตำแหน่ง ‘เศียรมังกร’
โครงสร้างของชิงหลงไม่ซับซ้อน พวกเขามีสองตระกูลใหญ่คอยค้ำจุน ซึ่งเครือญาติที่ใกล้ชิดที่สุด หนึ่งคือ ‘หลี่’ และอีกหนึ่งคือ ‘เฉียว’ โดยที่ตำแหน่ง ‘เศียรมังกร’ นั้นจะตกเป็นของตระกูลหลงเท่านั้น มันคือกฎที่พวกเขาปฏิบัติมาอย่างยาวนาน มือขวาคือคนของหลี่คอยดูแลฉากหน้าของชิงหลง ขณะที่มือซ้ายคือคนของเฉียวดูแลเบื้องหลังโดยมี ‘หลง’ เป็นผู้นำสูงสุด
ในช่วงอายุของการถือกำเนิดทายาทแห่งตระกูลหลง ทายาทของหลี่และเฉียวซึ่งมีอายุไล่เลี่ยกัน จะถูกส่งมาอยู่ข้างกายว่าที่ผู้นำคนต่อไปทุกรุ่น พวกเขาจะอยู่ด้วยกัน เรียนร่วมกัน และพร้อมที่จะตายแทนนายเหนือหัวผู้อยู่สูงสุดได้!
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ” หลี่หานเฟิงถามคนที่เป็นทั้ง ‘เพื่อนสนิท’ และ ‘เจ้านาย’ ด้วยสายตาสงสัยระคนขบขัน เขาเกิดไล่เลี่ยกับหลงเทียนหลงและเพราะกฏของตระกูลอันเข้มงวดทำให้เขาถูกระบุให้เป็นผู้นำตระกูลหลี่พร้อมกับถูกส่งให้มาอยู่ข้างกายหลงเทียนหลง ทายาทของตระกูลหลงในสมัยนั้นพร้อมกับ ‘เฉียวหนิงเหอ’ ผู้นำตระกูลเฉียว ซึ่งถูกส่งมาด้วยกฏเดียวกัน พวกเขาทั้งสามคนจึงกลายเป็นเพื่อนกัน และเป็นหนึ่งในผู้ปกป้องหลงเทียนหลงให้อยู่ในระดับปลอดภัยสูงสุด สถานะของพวกเขาจึงคล้ายกับอยู่เหนือคนนับหมื่น อยู่ใต้คนคนเดียว
และเพราะมีสถานะกึ่งเพื่อนเช่นนี้กระมังเขาถึงได้เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่กล้าเรียกเศียรมังกรแห่งชิงหลงด้วยชื่อจริงของเจ้าตัวโดยไม่มีคำนำหน้าอย่าง คนอื่นๆ
“เบื่อ”
เทียนหลงตอบสั้นๆ จากนั้นจึงยกแชมเปญที่ถือในมือนานแล้วขึ้นดื่มจนหมด ขณะที่คนถามได้แต่โคลงศีรษะกับคำตอบนั้นของคนเป็นเจ้าชีวิตกึ่งๆ เพื่อนตาย
เทียนหลงมักไม่ค่อยออกงานหากไม่ใช่เรื่องสำคัญ กระนั้นเพราะเป็น ‘สกุลหลง’ เขาจึงยังคงต้องออกงานอยู่บ้าง แต่ก็พยายามจำกัดให้น้อยที่สุด ทว่าเพราะท่าทางลึบลับของเทียนหลง สื่อจึงมักจะจับตามองหัวหน้าตระกูลหลง ผู้ชอบเก็บตัวอยู่เสมอ แทบจะเรียกได้ว่าเป็นการตามจิกหรือไล่ล่าเสียด้วยซ้ำ นั่นจึงส่งผลให้ทุกครั้งที่ต้องออกงานหรือออกสื่อ เทียนหลงจึงมักจะรู้สึกเบื่อหน่ายอยู่เสมอ อุปนิสัยเงียบๆ ทำให้เทียนหลงชอบที่จะทำงานเบื้องหลังมากกว่า และมักจะส่งหลี่หานเฟิงไปเจรจาธุรกิจแทนเขาอยู่เสมอ
“แล้วนี่หนิงเหอหายไปไหน เจ้าหมอนั่นยังไม่มาอีกเหรอ?” หานเฟิงถามเมื่อกวาดตามองรอบๆ ตัวเทียนหลงแล้วไม่พบกับเพื่อนสนิทอีกคนเลยแม้แต่น้อยจนอดที่จะถามถึงไม่ได้ เพราะในงานสำคัญระดับนี้ เฉียวหนิงเหอควรที่จะอยู่ข้างกายของเศียรมังกรถึงจะถูก
เทียนหลงไม่ตอบ แต่กลับมองเลยไปยังด้านหลังของอีกฝ่ายแทน สายตานั้นทำให้หานเฟิงเหลียวหลังกลับไป จนพบกับเจ้าของดวงหน้าแข็งกระด้างดุดัน ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของผู้นำตระกูลเฉียวที่มองสบตากับเขาด้วยสายตาเฉยชา แต่มีความระอาใจปนอยู่ในดวงตานั้นจางๆ เฉียวหนิงเหอเป็นบุรุษร่างสูงใหญ่ล่ำสัน เจ้าของดวงตาคมกริบสีน้ำตาลเข้ม เส้นผมตัดสั้นแทบติดหนังศีรษะ ผิวของเขาคล้ำแดดอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าสีน้ำผึ้งจางดูแข็งกร้าว ริมฝีปากบางเฉียบมักจะเม้มแน่นเสมอ ส่งผลให้เฉียวหนิงเหอดูดุดันและน่าเกรงขาม สมกับที่เป็นผู้ดูแล ‘โลกมืด’ ของชิงหลง
“ถามหาฉัน มีปัญหาอะไรอย่างนั้นเหรอ?”
น้ำเสียงของเฉียวหนิงเหอฟังดูดุดัน ส่งผลให้ใครๆ ต่างเกรงกลัวเขาเสมอ ภาพลักษณ์ของหนิงเหอคือมาเฟียผู้โหดเหี้ยมที่พร้อมจะฆ่าบุคคลที่กล้าต่อกรกับเขา
หานเฟิงได้แต่ส่ายหน้าแล้วมองเพื่อนสนิทด้วยสีหน้าแย้มยิ้ม
“ก็ถามถึงเฉยๆ ไม่เห็นหน้าแกตั้งหลายเดือน”
“แกนั่นแหละ...งานเสร็จแล้วหรือไง”
เป็นหนิงเหอบ้างที่ย้อนถามกลับ ไอ้หน้ายิ้มๆ ของหลี่หานเฟิงนั้นไม่เคยไว้ใจได้สักที มันเป็นราชาจอมกะล่อน คนที่ซ่อนความโหดเหี้ยมไว้ภายใต้ใบหน้าแย้มยิ้ม กระทั่งฆ่าศัตรูก็ยังยิ้มได้ เป็นคนที่หนิงเหอบอกตัวเองเสมอว่าเขาจะไม่ยั่วให้มันโกรธ
“เรียบร้อยแล้ว มือชั้นนี้ไม่มีคำว่าพลาด”
หานเฟิงตอบพร้อมกับรอยยิ้มยั่วเย้าที่ติดอยู่บนริมฝีปาก ก่อนหน้านี้ เขาเพิ่งกลับมาจากไต้หวันเพื่อตรวจดูกิจการของตระกูลหลงที่นั่น หากพูดว่า หนิงเหอคือมือซ้ายผู้คอยช่วยดูแลเบื้องหลังหรือธุรกิจใต้ดิน เขา…หลี่หานเฟิงก็คือมือขวาผู้คอยช่วยดูแลธุรกิจบนดินและทำการฟอกเงินจากธุรกิจใต้ดินให้แก่ตระกูลหลง โดยมีหลงเทียนหลงคอยดูแลทุกอย่างด้วยตนเอง พวกเขาต่างเป็นคู่หูที่ดีที่สุดของกันและกัน เพื่อคอยปกป้องและค้ำจุนบัลลังก์ของตระกูลหลงให้แข็งแกร่ง!
“ว่าแต่นายเถอะ ทำงานยังไงถึงผิดพลาดให้มดปลวดหลุดรอดเข้าไปรบกวนเทียนหลงได้”
คำถามย้อนกลับนั้นส่งผลให้หนิงเหอถลึงตาดุใส่อีกฝ่าย ทว่าก่อนที่คู่หู คู่กัดจะได้พูดอะไรออกมาต่อ เทียนหลงก็ขึงตาห้ามปรามคนทั้งคู่เป็นเชิงสั่งให้หุบปาก ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่หยวนเฟย เลขาหนุ่มที่พ่วงตำแหน่งบอดี้การ์ดประจำตัวก็โผล่เข้ามาเสียก่อน