“ว่าไงหยวนเฟย”
หานเฟิงทักทายลูกน้องของเทียนหลงด้วยสีหน้ายิ้มระรื่น ทว่าหยวนเฟย กลับถอนใจยาวใส่เขาเสียอย่างนั้น
“ท่านหลี่...ท่านเฉียว”
หยวนเฟยก้มศีรษะลงโค้งเป็นการทำความเคารพสองหนุ่มผู้นำตระกูลหลี่และตระกูลเฉียว สีหน้าของเขายังมีเค้าของเขาไม่สบายใจอยู่อย่างนั้น
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะเฟย”
หานเฟิงซ้ำขณะที่หนิงเหอมองหน้าคนสนิทของเทียนหลงด้วยสายตาสงสัยเช่นเดียวกัน
“พอดีท่านเฟิงกุ้ยอยากพบท่านหลงน่ะครับ”
“ตาเฒ่าเฟิงน่ะนะ” เป็นหานเฟิงที่เอ่ยถามกลับ ขณะที่คนถูกเรียกไปพบกลับทำหน้านิ่งเฉยเสียอย่างนั้น
“ครับ” หยวนเฟยรับคำ ก่อนจะพูดต่อ “พอดีท่านเฟิงอยากจะพูดเรื่องงานหมั้นของท่านหลงกับคุณหนูเฟิงด้วย”
“เฟิงลี่เซียน?” หานเฟิงทวนชื่อคนที่หยวนเฟยเอ่ยถึง พลันแย้มยิ้มออกมาก่อนจะมองเทียนหลงด้วยสายตาล้อเลียน “นางฟ้าคนงามแห่งตระกูลเฟิง”
“พูดอย่างนี้นายสนใจหรือเปล่า ฉันเสียสละให้นายได้นะ” เทียนหลงเปรยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ จ้องมองคนที่เป็นทั้งเพื่อน ญาติ และลูกน้องนิ่งด้วยสายตาเอาจริง ส่งผลให้หานเฟิงถึงกับหลุดขำก่อนจะโบกมือว่อนเป็นเชิงปฏิเสธ
“ไม่เอาด้วยหรอก คุณหนูตระกูลเฟิงเชียวนะ ฉันเลี้ยงไม่ไหวหรอก เทียนหลง อีกอย่างเจ้าหล่อนสวยสง่าเหมาะสมกับตำแหน่งราชินีมังกรเกินกว่าจะอยู่กับไอ้กระจอกๆ อย่างฉันนะ”
คำพูดฟังแล้วคล้ายกับเจ้าตัวพยายามกดตัวเองให้ตกต่ำและยกย่องเขาเสียสูงส่ง แต่เทียนหลงฟังแล้วกลับรู้สึกไม่ชอบใจอย่างไรอย่างนั้น
ไอ้คนตรงหน้านี่มันก็รู้ดี ว่าทำไมเขาถึงต้องเริ่มสัมพันธไมตรีกับตระกูลเฟิง แต่เสือกกวนอารมณ์เขาอยู่ได้ มันน่า...
ดวงตาสีดำจัดของมังกรหนุ่มวาววับ ส่งผลให้รอยยิ้มบนใบหน้าของ หานเฟิงกว้างขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่หนิงเหอถึงกับถอยห่างจากอีกฝ่ายด้วยไม่อยากถูกเหมารวมว่ายั่วโทสะมังกรร้ายเหมือนหานเฟิง
เขายังไม่มีความกล้าขนาดนั้น
“เอาน่า อย่าทำหน้าอย่างนั้น เฟิงลี่เซียนก็สวยดี หัวอ่อน ถ้านายแต่งงานกับเธอไม่นานอำนาจตระกูลเฟิงก็จะเป็นของตระกูลหลง คราวนี้ต่อให้พวกไป๋หู่หรือพวกเสวียนอู่ก็ไม่ใช่คู่ต่อกรของเราอีกต่อไป”
“แต่ถ้าแต่งกับแก อำนาจก็อยู่ในมือตระกูลหลงเหมือนเดิม”
คำพูดเรียบๆ ที่ออกมาจากปากของเศียรมังกรส่งผลให้หานเฟิงถึงกับสะดุ้ง หัวเราะเสียงแห้งรีบเปลี่ยนเรื่องทันควัน ก่อนที่เขาจะเผลอยั่วโทสะคนตรงหน้ามากเกินไป แล้วอาจโมโหสั่งให้เขาทำอะไรวิปริตเป็นการแก้แค้นคืน
“นายรีบไปหาเฟิงกุ้ยเถอะ ป่านนี้รอเงกแล้วมั้ง ฉันจะไปทักทายพวก ผู้อาวุโสหน่อย”
พูดจบเขาก็เดินจากไปอย่างรวดเร็ว แถมไม่ไปเปล่ายังลากเอา หนิงเหอติดมือไปด้วยเป็นการเอาตัวรอดอย่างหน้าด้านๆ ที่สุด ส่งผลให้เทียนหลงได้แต่มองตามอย่างระอาก่อนจะหันไปทางหยวนเฟยที่รออยู่ ซึ่งเพียงแค่สบตาหยวนเฟยก็รับรู้ว่าผู้เป็นเจ้านายต้องการอะไร เขาหมุนตัวแล้วเดินนำคนเป็นนายไปยังห้องรับรองวีไอพีซึ่งเฟิงกุ้ยกำลังรอเขาอยู่ที่นั่นอยู่แล้ว
“ท่านเฟิง...”
เขาเรียกชื่อชายผมขาวตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะก้มศีรษะลงนิดๆ เป็นการทักทายหาใช่ทำความเคารพ เพราะถึงอย่างไรด้วยศักดิ์ศรี เขาไม่ได้ด้อยไปกว่าชายผมขาวตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย
“ท่านหลง”
เฟิงกุ้ยในวัยหกสิบห้าส่งยิ้มให้แก่หลงเทียนหลงด้วยสีหน้ายินดีที่ได้พบกับอีกฝ่าย เขาเป็นผู้นำตระกูลเฟิงและเป็นหัวหน้ากลุ่ม ‘จูเชว่’ ซึ่งเขตทิศใต้ของฮ่องกงล้วนแล้วแต่อยู่ในการปกครองของเขาทั้งสิ้น
ทว่าน่าเสียดายที่จูเชว่อาจถึงคราวล่มสลาย เพราะเฟิงกุ้ยมีทายาทเพียงคนเดียวซึ่งก็คือเฟิงลี่เซียน แต่อย่างที่บอกว่าน่าเสียดาย เพราะเฟิงลี่เซียนเป็นผู้หญิง แถมเธอกลับไม่ใช่สตรีที่ชาญฉลาดหรือเก่งกล้าพอที่จะโอบอุ้มดูแลจูเชว่ได้
เฟิงลี่เซียนสวยสดงดงามและอ่อนหวาน เธอเหมือนแสงแรกแห่งรุ่งอรุณอันอ่อนโยน ลี่เซียนคือหญิงสาวผู้งามพร้อมและสูงค่า หากเธอกลับเหมาะจะเป็นภรรยาของใครสักคนมากกว่าจะเป็นทายาทหรือเป็นผู้นำจูเชว่คนถัดไป และนั่นทำให้ตาเฒ่าเฟิงเริ่มร้อนใจเพราะจากที่เคยแข็งแกร่ง บัดนี้เขาเริ่มถูกคุกคามจากพวกไป๋หู่ที่ต้องการขยายเขต สุดท้ายเมื่อชั่งใจผลได้ผลเสีย ตาเฒ่าเฟิงจึงยื่นข้อเสนอมาให้ตระกูลหลงในการขอเป็นพันธมิตรผ่านการแต่งงานของหงส์กับมังกร
หลงเทียนหลงไม่ได้รับปาก แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ ข้อดีของการรวมอำนาจกับจูเชว่มีมากมาย ถึงแม้ว่าข้อเสนอที่ตาเฒ่าเฟิงจะยื่นมาให้ออกจะน่าขัดใจก็ตามที
“นี่ก็สามเดือนแล้ว...ท่านหลงเห็นว่าอย่างไร”
เฟิงกุ้ยถามหนุ่มรุ่นลูกก่อนเป็นครั้งแรก ตอนนี้พวกไป๋หู่บีบเขามากขึ้นทุกที จนทำให้เขานิ่งเฉยไม่ได้อีกต่อไป จึงอยากได้คำตอบจากหลงเทียนหลงโดยเร็วที่สุด
เขาเฟ้นหาผู้ที่เหมาะสมและสุดท้ายก็คัดเลือกหลงเทียนหลง ด้วยอำนาจและบารมีของคนตรงหน้าลี่เซียนและจูเชว่จะต้องปลอดภัยภายใต้การดูแลของ หลงเทียนหลง
เขามองโลกมานาน และรับรู้ด้วยสัญชาตญาณว่าหลงเทียนหลงจะ นำพาตระกูลหลงและชิงหลงให้ยิ่งใหญ่กว่าที่ผ่านมา ยุคสมัยของชิงหลงจะรุ่งเรืองถึงขีดสุดในรุ่นนี้ เฟิงกุ้ยจึงไม่รอช้าที่จะยื่นข้อเสนอรวมอำนาจชั่วคราวให้แก่ หลงเทียนหลง
เขายอมให้จูเชว่ถูกกลืนและเสียผลประโยชน์เพียงชั่วคราวในตอนนี้ ดีกว่าปล่อยให้จูเชว่ล่มสลายและถูกกลืนอย่างถาวรจากคนตรงหน้า การเสนอให้หนึ่งในทายาทที่เกิดกับหลงเทียนหลงมาเป็นผู้สืบทอดแห่งตระกูลเฟิงนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะตระกูลเฟิงยังคงอยู่ แถมได้ตระกูลหลงมาเป็นกองสนับสนุนจากความสัมพันธ์ทางสายเลือดอีกด้วย
“อย่าใจร้อนสิท่านเฟิง”
“ท่านหลง...” เฟิงกุ้ยเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างร้อนใจ
“ข้อเสนอของท่านออกจะติดขัดสำหรับฉันนิดหน่อย”
“ผมยอมให้ได้ถ้าท่านจะร้องขออะไรเพิ่มเติม”
เฟิงกุ้ยเอ่ยอย่างยินยอม
“ก็ไม่มากมายอะไรหรอก ฉันแค่ต้องการส่วนแบ่งเพิ่มจากสิบเปอร์เซ็นต์เป็นยี่สิบเปอร์เซ็นต์ และในกรณีที่ทายาทมีเพียงคนเดียว เด็กนั่นจะเป็นทายาทผู้สืบทอดชิงหลงและจูเชว่”
“แต่ว่า...”
เฟิงกุ้ยอิดออด การมีทายาทหนึ่งเดียวแล้วเด็กนั่นควบสอง ฟังเผินๆ คล้ายกับจะดี แต่ถ้าเด็กนั่นถูกเลี้ยงดูโดยคนตระกูลหลงย่อมกลายเป็นคนของชิงหลงไม่ใช่จูเชว่! ถ้าอย่างนั้นก็กลายเป็นว่าจูเชว่ถูกกลืนกินอยู่ดีมิใช่หรือ!
“งั้นท่านคงจะล้มเลิกสินะ” เทียนหลงหยั่งเชิง และนั่นก็ทำให้คนที่กำลังเข้าตาจนยอมกัดฟันรับข้อเสนอที่ออกจะเอาเปรียบเพราะอัตราส่วนแบ่งและ ข้อกังขาเรื่องทายาทคนเดียวของหลงเทียนหลง
เฟิงกุ้ยขมวดคิ้ว แต่เมื่อชั่งใจผลได้ผลเสีย ถึงจะต่อรองกันอย่างนี้แต่ก็ใช่ว่าหลงเทียนหลงจะมีทายาทเพียงคนเดียวเสียเมื่อไหร่ เขาไม่น่ากังวลมากถึงขนาดนั้นเพราะอย่างไรจูเชว่ก็ไม่มีทางล่มสลายหรือถูกกลืนกินจริงๆ หรอก!
“ตกลง” เฟิงกุ้ยตอบไปในที่สุด และนั่นทำให้รอยยิ้มคล้ายกับจะเหยียดหยันปรากฏขึ้นจางๆ บนใบหน้าของเศียรมังกร
“ยินดีที่ได้ร่วมงานกับท่าน...เฟิงกุ้ย” หลงเทียนหลงเอ่ยด้วยน้ำเสียง คล้ายกับไม่ยินดียินร้าย ราวกับว่ามันเป็นมารยาทที่จำต้องฝืนใจพูดเท่านั้น
“เช่นกัน”
เฟิงกุ้ยเอ่ยพร้อมกับยื่นมือไปตรงหน้าชายรุ่นลูก หลงเทียนหลง...บุรุษผู้เย็นชาและเงียบขรึม หากเมื่อไหร่ที่ลงมือกลับไม่มีความปรานีให้แก่คู่ต่อสู้ของตนเลยแม้แต่น้อย สมกับเป็นเศียรมังกรแห่งชิงหลง
บางคราเฟิงกุ้ยก็อยากรู้นัก ว่าจะมีใครไหมที่จะสามารถสยบมังกรฟ้าตัวนี้ลงได้
“เดี๋ยวก่อนท่านหลง...”
“…”
หลงเทียนหลงไม่ตอบอะไร ทว่าคิ้วเรียวเข้มที่เลิกขึ้นสูง และดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นมองกลับเป็นคำถาม เฟิงกุ้ยจึงเอ่ยต่อไปด้วยน้ำเสียงแหบพร่าว่า
“หวังว่าท่านจะทำตามสัญญา...”
“แน่นอน” เทียนหลงตอบรับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ฉันรักษาสัญญาเสมอ”
เทียนหลงตอบเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะก้าวเดินออกไปจากห้องวีไอพี ทิ้งไว้เพียงคำพูดหนักแน่นที่ดังก้องอยู่ในหูของผู้ฟัง
เฟิงกุ้ยคลี่ยิ้มสาสมใจ...
นับจากนี้...ทุกสิ่งต้องเป็นไปอย่างที่เขาต้องการ!