09.20น.
“มาถึงมันก็หลับอีกแล้ว”มีนาเพื่อนในกลุ่มของพายพูดขึ้น เมื่อเดินมาถึงโต๊ะประจำของกลุ่มแล้วเห็นเพื่อนสนิทฟุบหน้าหลับอยู่บนโต๊ะเหมือนทุกวัน
“เมื่อคืนมันโดนลวนลามอีกแล้ว”ลลิลเพื่อนสนิทอีกคนเอ่ยบอกมีนาทันที ที่เธอรู้เรื่องนี้ก็เพราะเจอกับปริมเพื่อนที่ทำงานที่ผับเดียวกันกับพายเมื่อเช้าตรงลานจอดรถ
“เมื่อไหร่ไอ้พวกเศษเดนพวกนี้จะหายไปจากโลกนี้สักทีว่ะ ไม่เห็นใจเพื่อนร่วมมนุษย์กันบ้างหรือไง เห็นว่าเป็นผู้หญิงหน่อย มันคิดจะทำอะไรก็ได้เหรอว่ะ”มีนาบ่นอุบ จะห้ามเพื่อนไม่ให้ไปทำงานก็ไม่ได้ เพราะรู้ว่าเพื่อนมีปัญหาด้านการเงินมาตลอด แต่พายไม่เคยรับความช่วยเหลือจากพวกเธอสองคนเลยสักครั้ง บอกแค่ว่าถ้าไม่ไหวจริง ๆ จะบอก แต่คบกันมาสองปีแล้ว ไม่เคยเห็นบอกสักทีว่าไม่ไหว มีแต่ยิ่งทำงานหนักขึ้นทุกวัน
“แล้วเจ้าของผับทำอะไรอยู่ว่ะ กูเห็นพายมันโดนแบบนี้หลายครั้งแล้วนะ เขาไม่มีมาตรการอะไรปกป้องลูกน้องบ้างหรือไง”
“หึ พวกนักธุรกิจหน้าเลือดแบบนั้น ไม่มาสนใจลูกน้องตัวเล็ก ๆ หรอก ถึงไปบอกมันก็คงเข้าข้างลูกค้าพวกนั้นแหละ เงินถึงขนาดนั้น”มีนาพูดตามหลักความเป็นจริงที่เคยเห็นมา เธอมองว่าเจ้าของผับที่เพื่อนเธอทำก็คงนิสัยไม่ต่างกัน ไม่งั้นเรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้นบ่อยขนาดนี้หรอก แล้วยิ่งคนสวย ๆ แบบเพื่อนเธอแล้ว จะเจอบ่อยมากกว่าคนอื่นแน่นอน
“อย่าไปว่าเขาเลย บางทีเขาอาจไม่รู้เรื่องก็ได้”พายยกหัวขึ้น ที่จริงเธอไม่ได้หลับ แค่พักสายตาเท่านั้น เธอได้ยินเรื่องที่เพื่อนพูดตั้งแต่แรก“กูเองก็ยังไม่เคยไปบอกเขาด้วย คิดว่าพนักงานคนอื่นก็คงไม่มีใครกล้าบอกหรอก ทุกคนก็อยากทำงานกันทั้งนั้นแหละ”
“แล้วความปลอดภัยของมึงล่ะพาย มึงจะเน้นแต่การหาเงินไม่ได้นะ มึงต้องเน้นความปลอดภัยของตัวเองด้วย เป็นผู้หญิงแค่กลับบ้านตีสองกูก็ว่าอันตรายแล้วนะ ยังต้องมาโดนพวกคนใจบาปทำแบบนั้นอีก”
นี่ขนาดแค่เพื่อนรู้เรื่องว่ามีลูกค้าจับก้นเธอนะ ถ้ารู้ว่าเมื่อคืนเธอต้องเจอกับเหตุการณ์อะไรบ้าง มีหวังคงโดนบ่นและสั่งห้ามไม่ให้ไปทำงานที่นั่นอีกแน่
“เอ๊ะ!!! เดี๋ยว”มือเล็กของมีนาจับใบหน้าสวยของพายให้หยุดนิ่ง ก่อนจะจ้องมองเหมือนเห็นอะไรบางอย่างติดอยู่บนหน้าเธอ“ทำไมตามึงบวมแบบนั้น เหมือนคนร้องไห้เลยว่ะ”
“ไม่มีอะไร เมื่อคืนกูนอนไม่ค่อยหลับ”พยายามหลบสายตาเพื่อน ปกติก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่ชอบทำตัวอ่อนแออยู่แล้ว แค่ชีวิตที่ต้องดิ้นรนทุกวันก็เหนื่อยแทบตาย ขืนมานั่งเป็นผู้หญิงอ่อนแออีก ชีวิตนี้คงไม่ต้องทำอะไรกันพอดี
“ถ้ามึงจะร้องไห้ กูก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ เท่าที่มึงอดทนกับเรื่องที่ต้องเจอ กูก็คิดว่ามึงเข้มแข็งมากแล้วนะ ระบายมันออกมาบ้างกูว่าดีกว่ามึงเก็บทุกอย่างเอาไว้คนเดียว”
ลลิลพูดอย่างเข้าใจ ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมา น้อยครั้งมากที่จะเห็นพายทำตัวอ่อนแอ ไม่ว่าเจอเรื่องอะไรเพื่อนคนนี้ของเธอ แค่ยิ้มแล้วก็ผ่านมันไปได้ทุกครั้ง แต่เธอรู้ว่าเพื่อนเก็บทุกอย่างไว้คนเดียว
“กูไม่เป็นไรจริง ๆ พวกมึงอย่าห่วงเลยนะ ไปเรียนกันดีกว่า”
พายเรียนมหาลัยเอกชนชื่อดังเพราะได้ทุนการศึกษาตั้งแต่จบมอหก แต่ทุนที่ได้ก็ไม่ได้ครอบคลุมทุกค่าใช้จ่าย ยังมีค่าใช้จ่ายอีกมากที่เธอต้องจ่ายเอง เหตุผลที่เรียนที่นี่ก็ไม่ได้อยากทำตัวหรูหราเหมือนพวกลูกคุณหนู เพียงแต่เธออยากเรียนจบจากที่นี่ แล้วได้งานทำดี ๆ เลี้ยงตัวเองและยายได้ต่างหาก
คณะวิศวะ
“ไอ้เตอร์เมื่อคืนมึงกลับกี่โมง?”โซลเอ่ยถามเพื่อนสนิททันที เมื่อเห็นคาเตอร์กำลังเดินทำหน้าเหมือนคนยังไม่ตื่นนอนเข้ามาในห้องเรียน
“มึงแม่ง!!! ทิ้งกู”
“กูไม่ได้ทิ้ง กูถามมึงแล้วว่าจะกลับพร้อมกูหรือเปล่า”
“พักนี้มันทำตัวแปลก ๆ”ยีนส์เอ่ยออกมาอีกคน ก่อนจะยกยิ้มมุมปากเหมือนรู้ว่าโซลกำลังทำอะไรอยู่ ถึงได้ชอบหายตัวบ่อย ๆ
“มึงก็เหมือนมันนั่นแหละ...ติดเมีย”คาเตอร์โพล่งออกไปทันที ทำเอาเพื่อนคนที่เหลือหันมามองหน้าโซลเป็นตาเดียว
“ใครไอ้โซล?”
“ไม่มีอะไร พวกมึงก็ไปฟังมัน”
“อย่าให้กูรู้นะ จะเล่นให้หนักเลย”สกายพูดขึ้นพร้อมส่งสายตามองคาเตอร์แปลก ๆ เมื่อเจ้าตัวเห็นก็พอจะมองออกว่าเพื่อนมีเรื่องจะพูดอะไร คงหนีไม่พ้นเหตุการณ์เมื่อคืน เลยเดินตามกันไปข้างอาคารเรียน พร้อมกับหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ
“เมื่อคืนมึงมีเรื่องกับใคร?”ไม่แปลกที่สกายจะรู้ เพราะผับนั่นก็ของพี่ธันเดอร์พี่ชายของมัน
“พวกอันธพาลในผับมึงนั่นแหละ มันลวนลามผู้หญิง”
“ปกติมึงไม่เคยสนใจ”สกายเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย เพื่อนทุกคนรู้ว่าคาเตอร์นอกจากเรื่องของเพื่อนสนิทแล้ว ไม่เคยยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือใครง่าย ๆ
“กูไม่อยากช่วยตั้งแต่แรก แต่เสือกดันไปเห็นมันจะรุมข่มขืนเขา คงโมโหที่ผู้หญิงคนนั้นด่าพวกมันตอนอยู่ในผับ”
“เรื่องใหญ่นะโว้ย!!! เมื่อเช้าพวกมันมาหาพี่ธันที่ผับ โวยวายกันใหญ่แล้วก็ถามหามึง”คิดไว้แล้วว่าพวกนี้ต้องไม่ธรรมดา ไม่งั้นมันไม่กล้าทำแบบนั้นกับผู้หญิงที่กลางถนนแน่“แล้วผู้หญิงที่มึงช่วย เป็นเด็กเสิร์ฟในผับเหรอ กูเคยเห็นหน้าหรือเปล่า”
“ไม่รู้ว่ะ กูจำไม่ได้หรอก กูเองก็เพิ่งเคยเห็นเมื่อคืนนั่นแหละ แล้วพี่ธันจะเอายังไงว่ะ”
“ก็คงต้องให้เธอออกก่อน เพราะไม่ปลอดภัยที่จะมาทำงาน ส่วนไอ้พวกนั้น ยังไม่มีหลักฐานจะทำอะไรมันหรอก ต้องรอดูท่าทีไปสักพัก”เขาพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของธันเดอร์ อย่างน้อยเขากับเธอก็ไม่ต้องเจอกันอีก และเขาก็คงไม่บังเอิญต้องไปช่วยผู้หญิงคนนั้นอีกแน่นอน
ส่วนพายหลังจากได้รับโทรศัพท์จากหัวหน้าแผนกบุคคลที่ผับว่าให้เธอออกจากงาน ก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ทุกข์ใจอย่างหนัก ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ได้แต่นึกโทษตัวเองที่ไม่อดทนให้มากกว่านี้
“ทำไมให้มึงออกว่ะ มึงโดนลวนลามแต่กลายเป็นคนผิด กูล่ะอยากจะเห็นหน้าไอ้เจ้าของผับจริง ๆ”มีนาหัวเสียอย่างหนัก เธอเป็นคนไม่ชอบคนไม่มีความยุติธรรม ทั้งที่เพื่อนเธอไม่ผิดแต่กลับกลายเป็นคนต้องโดนไล่ออกจากงาน
“พอเหอะ ให้มันจบ ๆ ไป”พายพูดด้วยความเบื่อหน่าย เธอเหนื่อยกับการหาความยุติธรรมในโลกใบนี้ไปตั้งนานแล้ว ยังไงอำนาจเงินก็เหนือกว่าทุกอย่างเสมอ ควรทำใจและยอมรับ เดินหน้าต่อดีกว่า ภาระข้างหน้าของเธอ ทำให้เธอไม่สามารถเสียใจได้นาน
“แล้วเรื่องงานจะเอายังไง ช่วงนี้ยายมึงก็ต้องไปโรงพยาบาลอยู่บ่อย ๆ ถ้าไม่พอ…”มีนากำลังจะเอ่ยปากให้ความช่วยเหลือเพื่อน แต่ถูกพายเอ่ยดักทางเสียก่อน
“ไม่เป็นไร กูยังพอมีสำรองอยู่”เพื่อนทั้งสองคนถอนหายใจออกมา ไม่ว่าพวกเธอจะอยากยื่นมือเข้าไปช่วยแค่ไหน แต่เจ้าตัวก็ยังยืนยันเหมือนเดิม คือยังไม่รับความช่วยเหลือใด ๆ
“กูคงต้องไปสมัครร้านคาเฟ่ก่อน เห็นป้ายแวบ ๆ ว่าเขารับพนักงานพอดี”ในความโชคร้าย เธอก็ยังมีความโชคดีคือตอนเดินผ่านคาเฟ่ในมหาลัย เธอเห็นป้ายรับพนักงานพาร์ทไทม์พอดี ถึงจะได้เงินไม่เยอะ แต่ก็พอถูไถช่วงนี้ไปได้ก่อน
“งั้นไปเลยไหม กูสองคนไปเป็นเพื่อน”ทั้งสามคนลุกขึ้นเดินไปยังคาเฟ่มหาลัยที่อยู่ตึกคณะนิติศาสตร์ ถ้าไม่ใช่เพื่อนสองคนที่พาเธอเดินไปแถวนั้น เลยทำให้เธอได้เห็นป้ายรับสมัครพนักงาน เพราะลำพังเธอคงไม่เหยียบไปไหนไกลจากคณะตัวเอง
เรียนที่นี่มาสองปี เธอไปไกลสุดก็คือตึกกิจการนักศึกษากับห้องสมุดมหาลัย นอกนั้นคือเธอแทบไม่รู้จักเลยว่าคณะไหนอยู่ตรงไหนของมหาลัยบ้าง