ตอนที่ 7 หวงเมีย
“คุณมาได้ยังไงคะ”
“คือพอดีว่า ผมผ่านมาแถวนี้น่ะครับ เลยคิดว่าจะแวะมาชวนคุณทานมื้อเที่ยง” คนโกหกไม่เก่งเบนสายตามองออฟฟิศใหญ่ของวีรดา เวลานี้พนักงานทุกคนเริ่มค่อย ๆ ขยับเท้าก้าวหลบไปจากการมายืนลุ้นมุงดูการง้อคู่หมั้นของชาติชาย และได้เห็นการันต์ในมาดใหม่ ที่คนในวงการหลายคนไม่เคยสัมผัสนั่นคือ ‘ความหวงเมีย’
“แค่ผ่านมาจริงหรือคะ” วีรดามองผ่านหัวไหล่สูงของสามีไปยังช่อดอกไม้สีฟ้าขาว ซึ่งการันต์วางมันเอาไว้ก่อนที่จะเข้ามาสาวหมัดใส่อดีตคนรักเก่าของเธอ
“ครับ ตั้งใจผ่านมา” การันต์หันไปหยิบช่อดอกไม้ แล้วนำมันมามอบให้กับภรรยาคนสวย
“เนื่องในโอกาสอะไรคะ”
“ดอกไม้เป็นกำลังใจให้กับภรรยาคนเก่ง คือขอโทษด้วยนะครับ ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าคุณชอบดอกไม้สีชมพู” การันต์มองไปยังกลีบดอกไม้สีชมพู ซึ่งปลิวกระจัดกระจายอยู่บนพื้น
“ฉันไม่ได้ชอบสีชมพูหรอกค่ะ แล้วฉันก็ไม่ได้ชอบดอกไม้ด้วย”
“หา” สามีหน้าเสียก้มลงมองสิ่งที่ถืออยู่ในมือ
“แต่ฉันชอบความมุ่งมั่น ตั้งใจ ใส่ใจของคนให้มากกว่า ขอบคุณนะคะ ดอกไม้สวยมาก”
วีรดายื่นมือออกไปรับช่อดอกไม้จากสามี ไม่ลืมที่จะโชว์ความหวานของคู่แต่งงานใหม่ ด้วยการหอมแก้มเขาเป็นรางวัล ปลายจมูกกดลงไปสูดดมกลิ่นหอมอ่อน ๆ ท่อนแขนสอดคล้องแขนสามีหมุนตัวเดินไปยังทิศทาง อันเป็นที่ตั้งของห้องทำงานประธานกรรมการบริษัท ไม่วายหันไปสั่งการพนักงานรักษาความปลอดภัย ให้ลากคอชาติชายออกไปให้พ้นหูพ้นตา
ภาพอดีตคนรัก แสดงความสนิทสนมรักใคร่กับคนรักใหม่ ยิ่งทำให้ชาติชายรู้สึกอับอาย เจ็บแค้นแน่นอยู่ในอก ไม่คิดว่าการก้าวพลาดของเขา ในวันนั้นเพียงครั้งเดียว จะทำให้เขาสูญเสียทุกอย่าง เมื่อไม่นานมานี้เขาเคยเดินเข้า เดินออก ตึกนี้อย่างภาคภูมิใจ หันไปทางไหนมีแต่คนเคารพยกย่องเกรงใจ แต่ดูเวลานี้สิเบื้องหลังสายตาหยามเหยียด เขามองเห็นแต่แววตารังเกียจเดียดฉันท์ชัดเจน
การสูญเสียวีรดา ผู้หญิงที่เคยทั้งรักและลุ่มหลงเขามาก มันหมายถึงการสูญเสียโอกาสทางด้านธุรกิจ การก้าวขึ้นเป็นลูกเขยเจ้าสัวใหญ่ ทั้งที่เขาควรได้ไปยืนอยู่บนยอดพีระมิดแห่งอำนาจ กลับกลายเป็นต้องมาตกที่นั่งลำบาก แทบไม่มีที่ยืนในสังคม
“ผมจะทำให้คุณคลานสี่ขา มาเลียไข่ผมเหมือนเมื่อก่อนให้ได้วีรดา การันต์ฉันไม่ยอมให้แก แย่งทุกอย่างไปจากฉันง่าย ๆ หรอก”
“เรื่องของนายชาติชาย ดูเหมือนเขาจะไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ เลยนะครับ” การันต์ตัดสินใจ พูดโยงกลับไปหาความสัมพันธ์ครั้งเก่าของภรรยา หลังจากการเผชิญหน้ากันมาสองครั้ง การันต์จึงมั่นใจว่าผู้ชายคนนั้น คงไม่ปล่อยอดีตคู่หมั้นไปง่าย ๆ แน่
“คุณคงไม่คิดว่าวี จะกลับไปคืนดีกับเขาใช่ไหมคะ”
“ไม่ครับ ถึงแม้เราสองคนเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน ยังรู้จักกันและกันไม่มากพอ แต่ผมเชื่อว่าผู้หญิงเก่งอย่างคุณ จะไม่เดินถอยหลังแน่นอน”
“นับว่าคุณรู้จักและรู้ใจฉัน มากกว่าคนที่เคยคบกันมาสิบปี” วีรดายิ้มให้กับความโชคดีที่คืนนั้นเธอเดินผ่านประตูวิวาห์มากับการันต์
“จริงสิครับ คืนนี้คุณจะกลับไปรอผมที่คอนโดเหมือนเดิมหรือเปล่า”
“มีอะไรอย่างนั้นหรือคะ”
“คืนนี้ ผมต้องไปงานเลี้ยงน่ะ อาจจะกลับดึกหน่อย”
“พอดีเลยค่ะ ฉันเองก็มีธุระเหมือนกัน คิดว่าจะโทรบอกคุณอยู่เหมือนกัน อย่างนั้นต่างคนต่างไป แล้วค่อยกลับไปเจอกันที่คอนโดนะคะ”
“คุณจะไปไหน เลิกดึกมากหรือเปล่า ให้ผมไปรับไหม” วีรดาถึงกับฉีกยิ้มกว้างให้กับความเอาใจใส่ของสามี
ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้ สิ่งที่เธอได้ยินจนชินหูจากอดีตคนรักคือคำสั้น ๆ ว่าให้เธอขับรถกลับบ้านดี ๆ หรือไม่ก็เดี๋ยวค่อยเจอกัน แต่ดูเอาเถอะผู้ชายแสนประเสริฐตรงหน้า ถามไถ่เสียอย่างกับว่าเขาเห็นเธอเป็นเด็กสาวอายุยังไม่พ้นผู้เยาว์อย่างนั้นแหละ
“คุณเองก็มีธุระนี่คะ แล้วจะมารับฉันได้ยังไง”
“ได้สิทำไมจะไม่ได้ ขอแค่คุณบอกมาว่าอยากให้ผมไปรับ แค่ขับรถไปรับเมีย...เอ่อ รับคุณไม่ได้ยากสักหน่อย”
“ได้ค่ะ เอาไว้ใกล้เสร็จธุระแล้ว ฉันจะโทรหา”
ภายในงานเลี้ยงเต็มไปด้วยผู้คนในแวดวงธุรกิจ การันต์ถูกนางแบบสาวสวยคนหนึ่งแทรกตัวมายืนประชิดจนต้นแขนรับรู้ถึงความนุ่มหยุ่นของเนินอก หางตาเฉี่ยวชัดคมผ่านการกรีดอายไลน์เนอร์สะบัดช้อนมองขึ้นมาสบตาหวาน
“ได้ยินชื่อของคุณการันต์มานาน วันนี้มีโอกาสได้มาพบตัวจริง คุณดูดีมากเลยนะคะ ไม่น่าเชื่อว่ายังโสด” เอมมี่นางแบบสาวสวยเป็นฝ่ายเริ่มต้นชวนสนทนาก่อน
“ขอบคุณครับ อันที่จริงผมแต่งงานแล้ว”
“เอ๋ อย่างนั้นหรือคะ ทำไมเอมมี่ไม่เห็นรู้ข่าว”
“คือผมกับภรรยาเราเพิ่งแต่งงานกันได้ไม่นานครับ คุณเอมมี่ไม่ทราบก็ไม่แปลกอะไร”
“น่าเสียดายจังเลยนะคะ เราน่าจะเจอกันเร็วกว่านี้” มือเรียวสอดเข้าไปคล้องท่อนแขนอย่างสนิทสนม ออกแรงรั้งบิดให้การันต์หันไปเผชิญหน้ากับกล้องถ่ายรูปตัวใหญ่
“คุณการันต์คะ ให้เกียรติถ่ายรูปคู่กับเอมมี่สักหน่อยได้ไหมคะ” เป็นการตั้งคำถามที่ไม่ได้รอให้เขาตอบตกลง เพราะนางแบบดังหันหน้าไปส่งยิ้มให้กล้องทันที
“ครับ” แขนขยับดึงข้อศอกให้ถอยออกมาห่างจากการถูกครอบครอง
“งานเลี้ยงเลิกแล้ว คุณการันต์ไปดื่มต่อที่ไหนหรือเปล่าคะ”
“ไม่ครับ ผมต้องไปรับภรรยา” การันต์พลิกหน้าจอโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อดูว่าวีรดาได้โทรมาหาตนหรือเปล่า หากแต่หน้าจอสว่างนั้นไม่มีการแจ้งเตือนเกี่ยวกับสายมิสคอล
สามีแสนดีเดินเลี่ยงหลบออกมาจากงานเลี้ยงกดเบอร์โทรศัพท์เพื่อสอบถามพิกัดที่อยู่ของภรรยา กระทั่งรู้ว่าวีรดาติดงานสังสรรค์อยู่อีกฟากของเมือง จึงบอกให้อีกฝ่ายมั่นใจว่าตนเองกำลังจะขับรถไปรับ
“ดูเหมือนสามีใหม่...เอ๊ะ ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่า สามีของเธอแสนดีจังเลยนะยัยวี ดึกขนาดนี้ยังจะมารับเมีย”
“ได้ยินมาว่า คุณการันต์คนนี้เป็นผู้ชายจืด ๆ อายุตั้งสามสิบสอง แต่ไม่ยักเคยมีข่าวว่าควงสาวคนไหนมาก่อน จนบางคนบอกว่าเขาเป็นเกย์ ไหนยัยวี หล่อนช่วยอธิบายให้พวกฉันฟังหน่อยสิว่า ข่าวลือพวกนั้นจริงเท็จแค่ไหน” เพื่อนสาวของวีรดา ยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม ชวนตั้งหัวข้อสนทนาพูดคุยถึงหนุ่มหล่อใจกล้า ที่เดินขึ้นเวทีไปแต่งงานกับเพื่อนซี้ ชนิดที่ทุกคนตกตะลึงจนตาค้างมาแล้ว
“ไม่ว่าคุณการันต์เขาจะเป็นเกย์ หรือว่าชายแท้ แต่ฉันยืนยันได้ว่า คุณการันต์มีความเป็นสุภาพบุรุษ มากกว่าไอ้มนุษย์หน้าหม้ออย่างชาติชายร้อยเท่า พันเท่า”
“เชอะ เมื่อก่อนเธอก็ชมไอ้ชาติชั่วนั่นแบบนี้ ใครเตือนก็ไม่ฟัง” เพื่อนคนหนึ่งยักไหล่
“ใช่ ฉันไม่ฟังใครเพราะมั่นใจในสายตาตัวเอง แต่ตอนนี้ก็เป็นฉันเองที่ต้องเจ็บปวด เสียใจกับสิ่งที่ตัวเองเลือก ซึ่งฉันเองได้รับบทเรียนจากมันมาแล้ว และครั้งนี้ต่อให้ฉันเลือกผิด ฉันก็ยินดีที่จะเผชิญหน้ากับความผิดหวังนั้นด้วยตัวฉันเอง”
เป็นจังหวะเดียวกับบานประตูห้องคาราโอเกะถูกผลักเข้ามาพร้อมกับร่างสูงในชุดสูทของการันต์ สายตาทุกคู่นั้นพุ่งจับโฟกัสไปยังเจ้าของความหล่อเข้มคมคาย
“ขอโทษที่เข้ามาขัดจังหวะครับ ถ้าคุณอยากดื่มต่อ ผมจะนั่งรอตรงนี้นะ” เจ้าของรอยยิ้มสุภาพ เดินไปนั่งลงยังเก้าอี้ตัวหนึ่งมุมห้อง
“พวกหล่อน ฉันกลับก่อนนะสามีมารับแล้ว” วีรดาหันไปยักคิ้วให้บรรดาเพื่อน ๆ
“โทรปุ๊บ มาปั๊บ น่าอิจฉาจังเลยนะ”
“นั่นสิ ใครมันช่างปากดีบอกว่า คุณการันต์เป็นคนจืด ๆ ฉันว่าแบบนี้น่ารักดีออก เป็นสามีอยู่ในโอวาท”
“คุณการันต์เขาไม่ใช่ผู้ชายหัวอ่อนไม่เอาไหนอย่างที่พวกหล่อนเข้าใจหรอกนะ เขาแค่รู้จักกาลเทศะ” วีรดาคว้ากระเป๋าถือ แล้วพาตัวเองเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของสามี ไม่ลืมที่จะหันมาโบกมือลาเพื่อนสาวทั้งหลาย
ภายในห้องโดยสารรถยนต์คันใหญ่ ปลายนิ้วกดลงไปยังปุ่มควบคุมสั่งการให้เครื่องเสียงภายในรถ เล่นบรรเลงเพลงหวานกลบความเงียบ สร้างบรรยากาศแสนโรแมนติก วีรดาเอี้ยวหน้าหันไปส่งยิ้มให้คนขับ จากนั้นขยับปลดเข็มขัดนิรภัยของตัวเอง
“จุ๊บ” ริมฝีปากนุ่มยื่นไปจุมพิตแก้มอุ่น
“ครับ” การันต์ละสายตา ทิ้งท้องถนนอันว่างเปล่า หันกลับมามองคนที่นั่งอยู่ด้านข้าง
“รางวัลสำหรับสามีแสนดีคืนนี้ค่ะ” จูบวาบหวิวแตะลงไปยังซอกคอ เหนือปกเสื้อเชิ้ตของเขาอีกครั้ง
“วี คุณเมามากหรือเปล่าครับ”
“ฉันเมานิดหน่อยค่ะ ดื่มไปหลายแก้ว”
“อยากนอนไหมครับ ผมจะปรับเบาะให้”
“วี ขอนอนหนุนตักคุณได้ไหมคะ” มือบางลูบลงไปยังหน้าขาใหญ่ หากแต่ลูบสูงไปจนเกือบถึงซอกขาหนีบ
“ได้สิครับ” การันต์ตบมือลงไปบนหน้าขา เหมือนเป็นการบอกว่าเขาพร้อมให้เธอเอนตัวลงไปนอนหนุนตัก
หญิงสาวในชุดมินิเดรสโน้มตัวลงต่ำในลักษณะคว่ำหน้า มือไวคว้าหัวเข็มขัดของเขา ปลดมันออกอย่างชำนาญ ยิ่งไปกว่านั้นโชเฟอร์จำเป็นยังไม่ทันปัดป้องปกปิดร่างกาย มือเย็นล้วงลึกเข้าไปภายใน ควักเอาของแข็งทั้งยาว ทั้งใหญ่ ของเขาออกมายัดใส่ปาก
“วี!”
“ขับรถดี ๆ นะคะที่รัก เดี๋ยววีเข้าเกียร์ให้เอง”