งานเลี้ยงขนาดใหญ่จัดขึ้นในตำหนักกลาง องค์ฟาโรห์ทรงนั่งอยู่บนบัลลังก์อย่างสง่างามต้อนรับราชทูตจากบาบิโลน อีกทั้งอารอสยืนอยู่ข้างๆ องค์ฟาโรห์คอยเฝ้าระวังภัยให้กับองค์ฟาโรห์ เผื่อว่าผู้ใดจะลอบทำร้ายพระองค์
"วันนี้เจ้าเห็นว่าที่ราชินีของข้า นางเป็นอย่างไงบ้าง" องค์ฟาโรห์ตรัสถามด้วยพระสุรเสียงเรียบเฉย
"องค์หญิงทรงสง่างดงามพระเจ้าค่ะ" อารอสทูลบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น และยังกระซิบข้าพระกรรณอีกว่า (พระกรรณ แปลว่า หู)
"ถ้าเป็นหม่อมฉัน หม่อมฉันจะจับทำเมียซะคืนนี้เลยพระเจ้าค่ะ"
องค์ฟาโรห์คาโมสทรงใช้พระหัตถ์ตบหัวอารอสหนึ่งทีเบาๆ โทษฐานที่เขาทะลึ่งไม่เข้าเรื่อง
"เจ้าหญิงอาร์ทีน่าเสด็จแล้ว!!!! "
ทหารหลวงหน้าตำหนักประกาศให้คนในตำหนักกลางได้ยิน ทุกคนในที่นั้นหันไปมององค์หญิงแห่งบาบิโลนด้วยความตะลึงพระสิริโฉมอย่างไร้ที่ติของพระนาง องค์หญิงเสด็จไปหาองค์ฟาโรห์ที่ประทับนั่งทอดพระเนตรมองด้วยความตะลึงเช่นกัน เพราะพระองค์ไม่เคยพบพานหญิงในที่งดงามเช่นนี้มาก่อน องค์หญิงแย้มพระสรวลอย่างไมตรี และถวายบังคมองค์ฟาโรห์เช่นชาวอียิปต์ ด้วยความนอบน้อม และสง่างามยิ่งนัก ทำให้องค์ฟาโรห์และเหล่าขุนนางอียิปต์ประทับใจยิ่งนัก
"ถวายพระพรเพคะองค์ฟาโรห์ หม่อมฉันอาร์ทีน่าองค์หญิงแห่งบาบิโลนเพคะ ฝ่าบาท"
องค์หญิงอาร์ทีน่าตรัสเช่นนี้ และเงยพระพักตร์ทอดพระเนตรมององค์ฟาโรห์อีกครั้ง พระนางมีพระดำริในพระทัยว่า
องค์ฟาโรห์องค์นี้สง่างามยิ่งนัก สมกับเป็นองค์ฟาโรห์ผู้ยิ่งใหญ่ ที่ทำให้อาณาจักร และเผ่าต่างๆ ยอมสวามิภักดิ์ต่อพระองค์
"เชิญองค์หญิงนั่งเคียงข้างข้า งานเลี้ยงกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว" องค์ฟาโรห์คาโมสตรัสด้วยพระสุรเสียงอ่อนโยน ทอดพระเนตรองค์หญิงที่ประทับนั่งบนพระเก้าอี้เคียงข้างพระองค์ องค์หญิงหันมาทอดพระเนตรพระองค์และแย้มพระสรวลอีกครั้ง ทำให้พระองค์ทรงลุ่มหลงในพระสิริโฉมที่งดงามยิ่งนัก ทำให้พระองค์มีพระดำริขึ้นมาทันที
ข้านี่โชติดีจริงๆ ที่เทพีไอซีสมีพระเมตตาส่งสาวงามมาให้เช่นนี้
"มีสิ่งใดจะตรัสกับหม่อมฉันหรือเปล่าเพคะ" องค์หญิงตรัสถามเช่นนี้ เพราะเห็นองค์ฟาโรห์ทอดพระเนตรมองพระนางเนิ่นนาน ไม่ตรัสสิ่งใดออกมาแม้แต่คำเดียว
"องค์หญิงอาร์ทีน่า ข้าขอเรียกเจ้าว่าน้องหญิงได้หรือไม่" องค์ฟาโรห์คาโมสตรัสถามด้วยพระสุรเสียงที่อ่อนโยน
"เพคะ ฝ่าบาท" องค์หญิงตรัสเช่นนี้ และสบพระเนตรองค์ฟาโรห์ที่มีสายพระเนตรที่อ่อนโยนและเร่าร้อนในเพลาเดียวกัน ทำให้พระปรางค์ที่แต่งแต้มจากเครื่องประทินโฉมนั้นราวกับสีชาดมาเจอปน องค์หญิงทรงหันพรพักตร์มาทอดพระเนตรมองนางระบำนุ่งน้อยห่มน้อย เต้นอย่างเย้ายวนต่อหน้าพระพักตร์ และเหล่าขุนนาง
เวลาผ่านไปจนหลายเพลา งานเลี้ยงยังคงไม่เลิกรา องค์ฟาโรห์ที่กำลังเสวยเหล้าองุ่นอย่างสำราญพระทัยทอดพระเนตรมองนางระบำ และเสียงของดนตรี พระองค์ทรงหันไปทอดพระเนตรองค์หญิงที่บรรทมอยู่บนพระเก้าอี้เช่นนี้ ทำให้พระองค์มีพระราชดำริว่า พระนางคงเหนื่อยจากการเดินทางในเพลานาน กว่าจะมาถึงอียิปต์ ก็ใช้เพลาอยู่หลายอาทิตย์
นางกำนัลกำลังจะปลุกพระนางให้ตื่นจากบรรทม องค์ฟาโรห์คาโมสทรงยกพระหัตถ์ขึ้นนางกำนัลจึงไม่กล้าปลุก องค์ฟาโรห์ใช้พระหัตถ์หนาทรงอุ้มองค์หญิงกลับตำหนักตะวันตกทันที
เมื่อถึงตำหนักตะวันตก องค์ฟาโรห์เสด็จเข้าไปในห้องบรรทม ทรงวางองค์หญิงอาร์ทีน่าลงบนแท่นบรรทมช้าๆ นางกำนัลในพระตำหนักทยอยกันออกไปทันที องค์ฟาโรห์ใช้พระหัตถ์หนาลูบลงบนพระปรางค์แผ่วเบาอย่างอ่อนโยน ราวกับผู้ใหญ่เอ็นดูเด็กน้อย (พระปรางค์ แปลว่า แก้ม)
"เจ้างดงามเช่นนี้ เหล่าเทพียังต้องอายในความงามของเจ้า" องค์ฟาโรห์ตรัสแผ่วเบา
"พวกเจ้าดูแลนางให้ดีนะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับนาง พวกเจ้าต้องรีบมารายงานข้าเข้าใจมั้ย" องค์ฟาโรห์มีพระราชกระแสรับสั่งด้วยสีพระพักตร์ที่ดุดัน
"เพคะ ฝ่าบาท"
เหล่านางกำนัลในพระตำหนักน้อมรับพระราชกระแสรับสั่งทันที
องค์ฟาโรห์ทรงหันไปทอดพระเนตรมององค์หญิงอีกครั้งเอาผ้าคลุมพระแท่นปิดลงบนพระวรกายที่วาบหวามเช่นนี้ ถ้าพระองค์เป็นเช่นเมื่อก่อน พระนางคงประทับนอนเปลือยเปล่าทอดร่างเสพสังวาสกับพระองค์ไปเสียแล้ว องค์ฟาโรห์ไม่เพียงจะไม่ถอดฉลองพระองค์ของพระนางออก แต่กลับเสด็จออกจากตำหนักไปโดยทันที