ด้านอุทยานหลวง
องค์หญิงอาร์ทีน่ามีรับสั่งให้ซาเลนให้นำดอกไม้มาจัดแจกันในตำหนัก เพราะองค์หญิงอาร์ทีน่าไม่อยากลงไปเจอพระสนมเอกบีนู เมื่อเช้าทำศึกสงครามประสาทกันนั้นทำให้พระนางหมดสนุกจริงๆ ซาเลนเลยอาสาลงไปเก็บดอกไม้เอง
"ซาเลน"
ขณะที่นางกำลังเก็บลูกไม้อยู่นั้น นางกลับได้ยินเสียงหวานๆ มาจากด้านหลัง หันกลับไปเจอกับผู้ชายที่กุมใจนางไว้ทั้งดวง จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ซามอน
"ท่านซามอน" ซาเลนเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อมนางดีใจมากที่ได้เจอเขาหลังไม่ได้เจอหน้าเขามาหลายเดือน
"เจ้าเป็นอย่างไงบ้าง ข้าคิดถึงเจ้าทุกลมหายใจ" ซามอนเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนด้วยความคิดถึงและคะนึงหา
"ข้าสบายดี ท่านอยู่ที่นั่นเป็นไงอย่างไรบ้าง" นางเอ่ยถามเช่นนี้ ซามอนจึงเข้ามาสวมกอดนางอันเป็นที่รัก แต่นางขัดขืนด้วยความเขินอาย
"ท่านซามอน ที่นี่เป็นเขตอุทยานหลวง ใครมาเห็นเข้าจะไม่ดี"
"ก็ดี ใครมาเห็นเขาจะได้รู้ว่าเจ้ามีเจ้าของแล้ว" เขาเอ่ยบอกเช่นนี้ อีกทั้งทำหน้าระรื่นใส่นาง เขาจึงเอามือนางออกมาจากเอวของเขา แล้วสวมกำไรข้อมือสีชมพูที่ทำมาจากหิน ใส่ให้กับซาเลน
"ซาเลนข้ามัดจำตัวเจ้าก่อนนะครั้งหน้าไม่ใช่กำไรข้อมือแน่" ซามอนเอ่ยบอกเช่นนี้จูบที่แก้มนางหนึ่งที แล้วก้าวเดินจากไป เขาหันมายิ้มให้นางอีกครั้ง นางก็มองเขาอย่างเขินๆ แล้วรีบเก็บลูกไม้ให้องค์หญิงอาร์ทีน่าทันที
เพลาล่วงเลยไปหนึ่งสัปดาห์ทุกอย่างเป็นปกติ นอกจากวันนี้พระพันปีพาองค์หญิงอาร์ทีน่ามาลองฉลองพระองค์ พระนางถูกถอดฉลองพระองค์ต่อพระพักตร์ของพระพันปี พระพันปีกลับตกตะลึงที่เห็นพระวรกายอวบอิ่มมีน้ำมีนวล อีกทั้งยังขาวผ่องราวกับน้ำนม ไม่เพียงพระพันปีจะชื่นชมพระวรกายที่งดงามเช่นนี้เพียงผู้เดียว นางกำนัลกับจ้องมองราวกับพระนางเป็นสิ่งแปลกใหม่ที่ไม่เคยเห็น ทำให้พระนางทรงเขินอายอยู่บ้าง
แต่ทว่าเมื่อถูกจับเป็นหุ่นลองชุด และลองไปแล้วมากกว่าสิบกว่าชุดทำให้พระนางไม่ทรงเขินอายอีกต่อไป โดยฉลองพระองค์เหล่านี้พระพันปีสั่งให้ช่างพระภูษาตัดมากกว่าสิบกว่าชุดเพื่อให้พระนางลองใส่ เมื่อองค์หญิงใส่ชุดไหน พระพันปีก็ชมว่าทุกชุดว่างดงามทุกชุด
"สวยมาเลยลูกแม่ ซีซ่าเจ้าไปเรียกองค์ฟาโรห์มาดูสิว่า ชุดว่าเจ้าสาวชุดไหนดีที่สุดในงานอภิเษก" พระพันปีราเซนตรัสกับนางกำนัลของพระองค์
"เพคะ" ซีซ่าน้อมรับพระเสาวนีย์ แล้วก้าวเดินออกไป
องค์ฟาโรห์ประทับนั่งบนพระเก้าอี้ในห้องพระอักษรของตำหนักกลาง พระองค์ทอดพระเนตรมองฎีกาที่อยู่บนโต๊ะทรงงาน ทันใดนั้นทหารหน้าพระทวารก้าวเดินเข้ามาแล้วบอกว่าซีซ่าขอเข้าเฝ้า พระองค์พยักพระพักตร์ นางกำนัลซีซ่าจึงก้าวเดินเข้ามาถวายบังคมองค์ฟาโรห์ พระองค์จึงเงยพระพักตร์ขึ้น
"เสด็จแม่เป็นอะไร หรือพระนางต้องการอะไรหรือ" องค์ฟาโรห์ตรัสถาม
"ทูลฝ่าบาท พระพันปีให้ฝ่าบาทเสด็จไปหาที่พระตำหนักเพคะ" ซีซ่าทูลบอก
"ข้าจะไปเดียวนี้ แล้วส่งโรงครัวว่า ข้าไปกินอาหารตำหนักพระพันปี" องค์ฟาโรห์คาโมสตรัสด้วยพระสุรเสียงที่เรียบเฉย
"เพคะ"
องค์ฟาโรห์คาโมสเสด็จเข้ามาในตำหนักของพระพันปี แต่ทว่าสายพระสายเนตรของพระองค์กลับตกตะลึง เมื่อทอดพระเนตรเห็นองค์หญิงอาร์ทีน่าที่มีพระสิริโฉมที่งดงาม อีกทั้งฉลองพระองค์ที่พระนางสวมในเป็นสีทองที่ทำด้วยได้ทองคำบริสุทธิ์ถักทออย่างดงาม สมกับเป็นฉลองพระองค์ขององค์ราชินี
"คาโมส...คาโมส...องค์ฟาโรห์คาโมส" พระพันปีราเซนตรัสเรียกองค์ฟาโรห์คาโมสอยู่หลายครั้ง ราวกับว่าองค์ฟาโรห์โดนมนต์สะกดให้ลุ่มหลง พระพันปีทอดพระเนตรองค์หญิงทำให้ทรงล่วงรู้โดยทันทีว่าองค์ฟาโรห์กำลังทอดพระเนตรองค์หญิงด้วยความลุ่มหลง
"มีสิ่งใดจะรับสั่งพระเจ้าค่ะ เสด็จแม่" องค์ฟาโรห์ตรัสถามด้วยความสงสัย
"ชุดนี้เจ้าว่าชุดนี้ดีหรือไม่" พระพันปีตรัสถามองค์ฟาโรห์ และหันไปทอดพระเนตรองค์หญิงอีกครั้ง องค์หญิงไปสบสายพระเนตรองค์ฟาโรห์ด้วยความเขินอายที่องค์ฟาโรห์ทรงทอดพระเนตรองค์หญิงเช่นนี้
"งดงามพระเจ้าค่ะ" องค์ฟาโรห์ตรัสอย่างอ่อนโยน ทอดพระเนตรองค์หญิงไม่ละสายพระเนตรได้เลย
"งั้นแม่เอาชุดนี้นะ" พระพันปีราเซนตรัสเช่นนี้ องค์ฟาโรห์คาโมสพยักพระพักตร์แผ่วเบา
หลังจากเสวยพระกระยาหารมื้อค่ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว องค์ฟาโรห์ประทับอยู่ที่ตั่งกับองค์หญิง องค์หญิงทรงจัดดอกไม่โดยไม่สนใจพระองค์ มีบางครั้งองค์หญิงก็หันมาทอดพระเนตรพระองค์ ขณะที่พระองค์กำลังตรัสกับพระพันปี เมื่อองค์ฟาโรห์หันพระพักตร์มาทอดพระเนตรมอง องค์หญิงกลับหันพระพักตร์หนีทันที
การกระทำขององค์หญิงกับองค์ฟาโรห์ทำให้พระนางแย้มพระสรวล พระนางรำลึกถึงครั้งที่พระนางมาเป็นพระชายาของรัชทายาท คืออดีตองค์ฟาโรห์ซึ่งเป็นพระสวามี ครั้งนั้นพระนางก็ทรงเอียงอาย ไม่กล้าตรัสกับอดีตองค์ฟาโรห์ พระองค์เองก็ไม่กล้าตรัสกับพระนางเช่นกัน จนเข้าพิธีอภิเษกสมรสถึงได้ตรัสอย่างไม่เขินอาย
"คาโมส เจ้าไปส่งองค์หญิงอาร์ทีน่าเถิด นี่ก็ใกล้ค่ำแล้ว" พระพันปีตรัสเช่นนี้ และแย้มพระสรวล
"พระเจ้าค่ะ เชิญน้องหญิง" องค์ฟาโรห์ตรัสเรียบเฉย แย้มพระสรวลให้กับพระพันปี พระองค์และองค์หญิงถวายบังคมพระพันปี แล้วพระองค์ผายพระหัตถ์เชิญองค์หญิงอาร์ทีน่า องค์หญิงแย้มพระสรวลเล็กน้อย แล้วเสด็จเคียงข้างองค์ฟาโรห์
องค์ฟาโรห์คาโมสเสด็จเคียงข้างองค์หญิงอาร์ทีน่าทั้งสองพระองค์ต่างไม่ได้ตรัสสิ่งใดเลย ตั้งแต่ออกจากตำหนักพระพันปีราเซน จนองค์ฟาโรห์ตรัสถามองค์หญิงก่อน เพื่อทำลายความเงียบลง
"อยู่ที่นี่เป็นเช่นไรบ้างน้องหญิง ข้าขอโทษที่ไม่ได้ไปพบเจ้าเลย" องค์ฟาโรห์คาโมสตรัสถามเช่นนี้
"หม่อมฉันสบายดีเพคะ เสด็จแม่ทรงดีกับหม่อมฉันอย่างมากเพคะ" องค์หญิงอาร์ทีน่าตรัสด้วยสุรเสียงที่อ่อนหวาน
แต่ในใจข้าก็อยากจะด่าอยู่เหมือนกันว่า ทำไม่เคยเห็นหัวเลย แม้แต่ครั้งเดียวหลังจากงานเลี้ยงคืนนั้น
"มีอะไรก็บอกข้าได้นะ อย่าเก็บไว้คนเดียว" องค์ฟาโรห์คาโมสตรัสแผ่วเบา อีกทั้งกุมพระหัตถ์ขององค์หญิงอาร์ทีน่าไว้ ทำให้พระนางอบอุ่นในพระหทัยมากขึ้น
องค์ฟาโรห์ทรงรู้จากเซียร่าที่มาถวายรายงานให้สดับอยู่ว่า พระนางไม่ค่อยมีความสุขสักเท่าไหร่ ที่มาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองเช่นนี้ บางวันก็ละเมอถึงเสด็จแม่ของพระนางบ้าง เสด็จพ่อบ้าง พระเชษฐาบ้าง พระนางผู้หญิงคนเดียวต้องจากบ้านเกิด มาอยู่กับคนไม่รู้จักแม้แต่คนเดียว
"ถึงตำหนักของหม่อมฉันแล้ว ฝ่าบาทกลับไปพักผ่อนเถอะเพคะ" องค์หญิงอาร์ทีน่าตรัสแผ่วเบา แล้วถวายบังคมองค์ฟาโรห์ พระนางจึงเสด็จเข้าไปในพระตำหนักตะวันตกทันที โดยที่พระนางไม่ทรงหันกลับมาหาพระองค์อีกครั้ง
"ข้าจะทำให้เจ้ามีความสุขเมื่ออยู่กับข้า อาร์ทีน่า" องค์ฟาโรห์ตรัส แล้วจึงถอนพระปัสสาสะ องค์ฟาโรห์ทรงหันกลับมาทอดพระเนตรนางกำนัลของพระสนมเอกบีนู (พระปัสสาสะ แปลว่า หายใจออก)