ไหนบอกว่าโชกโชน

1983 Words
[คินน์ Talk] นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมพาผู้หญิงเข้าถ้ำ และเป็นครั้งแรกเหมือนกันที่ลืมตาตื่นขึ้นมาพบว่าข้างกายว่างเปล่า ไม่มีสาวสวยนอนเปลือยกายอยู่ข้าง ๆ จะมีก็แต่ที่นอนที่ยับยู่ยี่อันเกิดจากสงครามรักที่หนักหน่วง และ... คราบเลือด! ทันทีที่มองเห็นสิ่งแปดเปื้อนอยู่บนที่นอนสีขาวสะอาดตา ผมก็รีบลุกพรวดขึ้นมาดูด้วยความตื่นตกใจ ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้ว่าการเปิดซิงผู้หญิงเป็นยังไง แต่ผมเพียงแค่ไม่ชอบที่ต้องคอยสอนคอยบอก เพราะมันน่ารำคาญ เพราะฉะนั้นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าผมนี้ก็ยืนยันได้แน่ชัดแล้วว่ายัยอลิซนั่นยังซิงอยู่ “ยังซิงแล้วโกหกว่าโชกโชนทำไมวะ ยัยบ้าเอ๊ย!” อยู่ ๆ ก็รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา เมื่อคืนผมดันใส่ไม่ยั้งด้วยสิ นาน ๆ ทีจะเจอคนที่ถูกใจ ถ้าเธอยอมบอกผมตรง ๆ ว่าเธอยังซิงอยู่ ผมก็อาจจะปล่อยเธอไปหรือไม่ก็คงเบาแรงกว่านี้แล้ว ผมแปลกใจเล็กน้อยที่ยัยนั่นแอบเผ่นแน่บออกไปตั้งแต่ไก่ยังไม่โก่งคอขัน เพราะปกติผมจะตื่นก่อนคู่นอนเสมอ หลังจากนั้นค่อยรอให้เธอแต่งตัวเสร็จถึงไปส่งที่หอพัก ตื่นมาแล้วพบกับความว่างเปล่าแบบนี้ก็รู้สึกแปลก ๆ เหมือนกันแฮะ เหมือนตัวเองถูกหลอกฟันแล้วทิ้งยังไงชอบกล “หรือว่า... กูเอาไม่มันวะ” บ้าจริง! ยัยนั่นกำลังทำให้ผมรู้สึกไม่มั่นใจในแท่งทองของตัวเอง เลิกคิดสิวะไอ้คินน์ มันไม่มีอะไรหรอกน่า ยัยนั่นอาจจะแค่รีบเลยไม่ได้ตื่นมาตื๊อให้ไปส่งก็ได้ ในระหว่างที่ผมกำลังตบตีกับความคิดของตัวเอง จู่ ๆ สายตาก็เหลือบไปเห็นบางสิ่งบางอย่างตกอยู่ข้างเตียง พอก้มลงไปหยิบดูถึงได้รู้ว่ามันคือกำไลข้อเท้าสีเงินรูปผีเสื้อ จำได้ว่าตอนที่ยกขาเธอขึ้นพาดบ่า ผมจับโดนอะไรสักอย่าง มันน่าจะเป็นไอ้กำไลข้อเท้านี่แหละ “ทำหล่นไว้หรือตั้งใจอ่อยวะ” ผมเม้มปากแน่นอย่างครุ่นคิด เอาจริงก็มีผู้หญิงใช้มุกนี้ในการกลับมาหาผมซ้ำอยู่บ่อย ๆ แต่ผมก็ตัดปัญหาโดยการฝากไว้ที่เคาน์เตอร์ของโรงแรม พอเธอมาทวงถาม ผมก็บอกให้เธอไปเอาที่โรงแรมอีกที “ถ้าตั้งใจอ่อยแล้วรีบกลับไปทำไมวะ?” ผมใช้เวลาสะบัดหัวไล่ความคิดอยู่นาน กว่าจะลุกขึ้นมาแต่งตัวแล้วสั่งให้แม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดให้เรียบร้อย ช่วงนี้ไม่มีอะไรที่น่าห่วง ผมเลยคิดว่าจะกลับไปนอนที่หอพักแล้ว ผับแห่งนี้เป็นของขวัญวันเกิดที่พ่อยกให้ผมตอนขึ้นปีหนึ่งใหม่ ๆ นี่ก็ขึ้นมาปีสี่แล้ว ทุกอย่างดูเหมือนจะไปได้สวย จริง ๆ บ้านเราทำธุรกิจหลายอย่าง และเดอะแบกของบ้านก็หนีไม่พ้นผม เพราะหากจะหวังพึ่งไอ้ไคซ์กับไอ้คีย์น้องชายตัวแสบทั้งสอง ธุรกิจคงได้ล่มจม บริษัทคงจะล่มสลาย ‘ไอ้คินน์ มึงถึงไหนแล้ววะ อาจารย์จะเช็กชื่อแล้วเนี่ย’ ผมกดอ่านข้อความที่เด้งเข้ามาในจังหวะที่ขายาว ๆ สาวไปเกือบถึงหน้าประตู ก่อนจะเก็บโทรศัพท์ไว้ตามเดิมแล้วผลักประตูเข้าไป และได้พบกับความว่างเปล่า... “ไหนอาจารย์มึง?” ว่าแล้วเชียว เร่งเร้าแปลก ๆ ผิดวิสัย ที่ไหนได้อาจารย์ยกคลาส เห็นแค่เพื่อนตัวดีอย่างไอ้เซนที่กำลังยกเท้าขึ้นพาดไปบนโต๊ะกดมือถือยิก ๆ สบายใจเฉิบ “นี่ไง ไหว้อาจารย์ซะสิ” มันชี้มือเข้าหาตัวเองพลางทำหน้ายียวน จึงไม่วายโดนผมตบเข้ากบาลไปทีหนึ่ง ถึงกับต้องลูบหัวป้อย ๆ ชักสีหน้าใส่ “อาจารย์งดคลาสแทนที่จะบอกกูแต่แรก! เสียเวลานอนกูฉิบหาย” “แล้วเมื่อคืนไม่หลับไม่นอนหรือไง ทำไมขอบตาดำแบบนี้วะ” “อืม ไม่ได้นอนอะ ยันหว่าง” ผมพูดพร้อมกับทิ้งก้นลงเก้าอี้แล้วหลับตาพริ้มด้วยความเพลีย จะหลับแหล่ไม่หลับแหล่ “ตลอดด! ไอ้หมาแก่นี่มันขยันล่าเนื้อจังวะ” “ไม่ใช่เนื้อว่ะ กระดูกอ่อน” ผมค่อย ๆ เปิดเปลือกตาพร้อมกับดันตัวขึ้นนั่งหลังตรง “ไหน เล่ามาซิ” “ซื่ออลิซ” “ปีไหน หอไหน คณะอะไร สาขาอะไร?” อีกฝ่ายยิ่งคำถามออกมายาวเหยียด แต่ผมกลับตอบกลับไปเพียงสองคำสั้น ๆ เท่านั้น “ไม่รู้” “เจริญละ อดแดกซ้ำเลยดิ อ้อ! ลืมไป มึงไม่แดกของเดิมซ้ำอยู่แล้ว ถูกไหม?” “อืม” ผมตอบออกไปส่ง ๆ แต่ดันไม่ตรงกับใจตัวเองเท่าไหร่ จริงอยู่ที่ผมไม่ชอบการกินซ้ำ แต่อะไรบางอย่างที่อยู่ในตัวยัยนั่นทำให้ผมรู้สึกพะวงหา บอกตามตรงว่าเสียงครางยัยนั่นยังดังก้องอยู่ในหูของผมตลอดเวลา ผมรู้สึกถูกใจกับเรื่องราวเมื่อคืนไปเสียทุกอย่าง แบบนี้เขาเรียกว่าถูกใจเหยื่อใช่ไหม? “ตามหาตัวให้กูหน่อยสิ” “ฮะ! มึงจะตามทำไม” “น้องเขาลืมของไว้น่ะ กูอยากเอาไปคืน” ผมโกหกออกไป เพราะไม่อยากถูกจับได้ว่าเป็นวัวแก่แพ้ทางหญ้าอ่อน “สำคัญไหมล่ะ ถ้าสำคัญเดี๋ยวน้องเขาก็กลับมาเอาเองแหละ” “ไม่เอา กูร้อนใจ หาให้กูหน่อย ชื่ออลิซ ผมสีน้ำตาลออกทอง ๆ หน่อย ตาโต นมใหญ่ เอวไซซ์ xs” ไอ้เซนค่อนข้างที่จะกว้างขวางในมหาวิทยาลัยนี้ ผมว่าไม่น่าจะเกินความสามารถของมันเท่าไหร่ ถึงแม้ข้อมูลที่ให้ไปจะมีเท่าหยิบมือก็ตาม “มึงจะบ้าเหรอ! มึงให้ข้อมูลมาแค่นี้ แล้วกูจะไปพลิกแผ่นดินหาให้มึงได้ยังไง” “ห้าหมื่น” เมื่อขอร้องดี ๆ ไม่ได้ ผมก็ต้องใช้เงินในการแก้ปัญหา แต่มันคงเป็นจำนวนที่น้อยไปสินะ อีกฝ่ายถึงได้เมินเฉย “โห! มอนี้มันตั้งกี่หมื่นกี่แสนคน แล้วน้องเขาได้อยู่มอนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้” “หนึ่งแสน” ไอ้เซนเริ่มอึกอักเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่วายที่จะปฏิเสธออกมา “จริง ๆ ก็พอมีวิธีนะ แต่กูคงต้องใช้เวลาตามหานานเลย” “สองแสน กูให้เวลามึงหนึ่งอาทิตย์ ถ้าหาไม่เจอก็ไม่ต้องเอาตังค์” ผมรีบยื่นคำขาด คราวนี้จะเอาก็เอา ถ้าไม่เอาผมก็ไม่จ้างแล้ว “ได้เลยครับคุณคินน์ ไม่ทราบว่าพอจะมีมัดจำสักห้าหมื่นก่อนไหมครับ” คนข้างกันรีบลุกขึ้นมาบีบนวดไหล่ให้อย่างเอาใจ เห็นแล้วก็หมั่นไส้ฉิบหาย “ไม่มี! รอจ่ายงวดเดียวจบ ข้อหาที่มึงหลอกกูออกมาเรียนทั้งที่อาจารย์งดคลาส” “เอ้า!!” “กูไปละ” ผมเตรียมที่จะลุกขึ้นยืน แต่กลับถูกคนเจ้าเล่ห์ที่นั่งข้างกันเอ่ยอย่างรู้ทัน “เดี๋ยว ๆ สรุปที่น้องเขาลืมไว้มันคืออะไรวะ ทำไมมึงต้องลงทุนจ้างกูตามหาแพงขนาดนี้ อย่าบอกนะว่า...” “ว่าอะไร?” “ว่าน้องเขาลืมเอาหัวใจของมึงไปด้วย” ได้ยินแบบนี้ก็แทบจะอ้วกออกมา ไอ้ผมมันเป็นประเภทไร้ศรัทธาเรื่องความรักเสียด้วยสิ ใช่ว่าผมไม่เคยมีนะครับ แต่เป็นเพราะผมเคยมีนี่แหละ ถึงได้รู้ตัวว่าไม่เหมาะกับการมีความรักอีก... “ถุย น้ำเน่า! หัวใจเหี้ยไรของมึง น้ำแตกก็แยกทางดิวะ จะผูกมัดให้รำคาญไปทำไม ” ผมไม่รอให้อีกฝ่ายได้เอ่ยอะไรชวนให้รำคาญหูออกมาอีก แค่นี้ก็เสียเวลานอนมามากพอแล้ว สภาพผมตอนนี้แทบจะล้มพับทุกนาที ยัยเด็กนั่นก็อึดฉิบหาย ทำผมน้ำแตกไปเกือบห้ารอบติด ๆ แล้วป่านนี้เธอจะเป็นยังไงบ้างนะ? หลังจากกลับมาถึงห้องผมก็ไม่รอช้าที่จะถอดเสื้อแล้วนำไปแขวนไว้ที่ราว จากนั้นก็หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เสียงเรียกเข้าดังขึ้น และปลายสายที่โทรเข้ามาดันเป็นชื่อที่ทำให้ผมประหลาดใจ ‘ป๊า’ แปลกแฮะ ปกติถ้าไม่มีธุระสำคัญเขาจะไม่โทรหาผมเลย หรือไอ้น้องชายตัวดีของผมมันจะไปสร้างเรื่องที่ไหนอีก “ว่าไงป๊า” ผมเดินไปพ่นควันที่ระเบียงก่อนจะกรอกเสียงลงมือถือที่อยู่ในมือ (คินน์ ว่างไหม) “ไม่ว่างอะ จะนอน” ผมตัดปัญหาออกไปตรง ๆ เพราะขืนเขาให้ผมออกไปทำอะไรตอนนี้ ผมต้องไม่มีสมาธิแน่ (ว่างให้หน่อย สักสามสิบนาที) ได้ยินแบบนี้ผมก็กลอกตาขึ้นบนด้วยความเหนื่อยหน่าย ใช่ว่าผมจะมีเวลานอนนาน เพราะบ่ายสองผมก็ต้องรีบตื่นไปเรียนอีก (พอดีลูกสาวเพื่อนป๊าเขาย้ายออกจากหอในน่ะ เมื่อคืนมีคนกระโดดตึกตายแล้วน้องเขากลัว แต่ตอนนี้หอพักมันเต็มหมดเลย ป๊าเลยเสนอให้น้องเขามาอยู่ที่หอพักแกก่อน) “เสนอ? เดี๋ยว ๆ ป๊าให้น้องเขามาอยู่หอผม แล้วผมล่ะ” มันใช้ได้ที่ไหน ไปตกลงกันเองโดยไม่ถามผมสักคำ (แกก็ไปนอนที่ผับสิ ปกติก็ไม่กลับหออยู่แล้วไม่ใช่หรือไง) ผมข่มตาพร้อมกับถอนหายใจแรง ๆ อย่างเหลืออด เพราะชีวิตอันสงบสุขของผมกำลังจะถูกใครก็ไม่รู้มาพรากมันไป “ผมกลับมานอนหอแล้วป๊า ก็สลับไปสลับมานั่นแหละ” (งั้นแกก็ให้น้องไปนอนผับแทน) “ฮะ!” นั่นยิ่งแล้วใหญ่ ผมหวงถ้ำยิ่งกว่าอะไรดี ขนาดไอ้ไคซ์ไอ้คีย์ผมยังไม่ยอมให้พวกมันนอนค้างเลย (เอาน่า ไม่กี่วันหรอก เดี๋ยวน้องเขาก็หาหอใหม่ได้ น่าจะไม่ถึงอาทิตย์ น้องกำลังไปหานะ ฝากดูแลน้องด้วย) “แต่ผมยังไม่รับปาก...” ตู๊ด... ตู๊ด... ให้มันได้อย่างนี้สิ!! เล่นมัดมือชกกันแบบนี้แล้วผมจะปฏิเสธยังไงได้ ป๊านะป๊า คอยดูเถอะ วันเกิดปีนี้ผมจะขูดเอาซะให้หมดตัว นิโคตินถูกอัดเข้าไปเต็มปอด ก่อนที่ควันสีขาวจะลอยโขมงไปทั่วบริเวณ แต่ยังไม่ทันที่จะได้อัดเข้าไปอย่างสาแก่ใจ เสียงเคาะประตูที่หน้าห้องก็ดังรบกวนเสียก่อน ผมปรายตามองเล็กน้อยพร้อมกับยกบุหรี่ขึ้นสูบด้วยท่าทางไม่ยี่หระ ใครบอกให้มาไว ปล่อยให้ยืนเคาะอยู่นั่นแหละ ก๊อก ก๊อก ก๊อก!! เสียงเคาะดังขึ้นเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง แต่ผมยังคงยืนสูบบุหรี่สบายใจเฉิบ จนกระทั่งมีเบอร์แปลกโทรเข้ามา ป๊าผมคงให้เบอร์ยัยนั่นไว้สินะ วางแผนกันเก่ง! สุดท้ายผมก็จำต้องยอมจิ้มปลายบุหรี่ใส่กระถางอย่างเซ็ง ๆ แล้วเดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงออกไปเปิดประตู ตอนแรกตั้งใจจะวางมาดให้ไอ้เด็กนั่นเกรงกลัวแล้วแผ่นแน่บไปอยู่ที่อื่น แต่พอเปิดประตูออกไปแล้ว กลับกลายเป็นผมเสียเองที่ปั้นหน้าไม่ถูก เอาแต่ยืนช็อกกับภาพที่เจอ “สวัสดีค่ะ หนูชื่ออลิซ เป็นลูกของ...!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD