หลังจากที่นั่งพูดคุยกันต่ออีกพักใหญ่ ด้วยความจริงใจของพิมพิชชา ทำให้เธอสามารถเป็นทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองท่านเอ็นดูเธอเป็นอย่างมาก และทุกอย่างก็จบลงพร้อมกับอาหารมื้อใหญ่ที่เต็มไปด้วยอาหารที่มีประโยชน์ต่อทารกในครรภ์ ซึ่งต้องบำรุงทายาทของโรงพยาบาลเอกชนที่ใหญ่ที่สุดตั้งแต่อยู่ในครรภ์
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยความสุข ตอนนี้พิมพิชชาคิดว่าเธอกำลังอยู่ในความฝัน เธอกำลังจะได้แต่งงานกับศัลยแพทย์หนุ่มอนาคตไกล และได้เข้ามาอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ในฐานะภรรยาของเขา แต่หญิงสาวก็ไม่ได้หลงระเริงในสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะเธอท่องเอาไว้เสมอว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้น ไม่ได้มีพื้นฐานมาจากความรัก เพราะฉะนั้นเธอควรจะอยู่กับความเป็นจริง ไม่หลงไปกับภาพสวยๆ ที่อยู่ตรงหน้าของเธอ
“เป็นไงบ้าง คุณพ่อคุณแม่ของผม” ภูชิตเอ่ยถามขณะที่กำลังขับรถไปส่งพิมพิชชาที่คอนโด
“ท่านใจดีมาก และก็ขอบคุณพวกท่านจริงๆ ที่ไม่รังเกียจคนอย่างพิม” หญิงสาวเอ่ยออกมาด้วยประกายตาที่เต็มไปด้วยคำขอบคุณจริงๆ
“ไม่ว่าเราจะเริ่มต้นด้วยเรื่องอะไร ต่อไปนี้เราจะมาพยายามด้วยกัน พยายามทำทุกอย่างเพื่อลูกของเรา” ภูชิตเอ่ยจริงจัง
“ค่ะ เราจะทำเพื่อลูกของเรา แต่การแต่งงานที่เกิดขึ้นนี่ไม่ได้หมายรวมถึงการเข้าหอด้วยใช่มั้ยคะ” พิมพิชชาเพิ่งนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ เธอจึงเอ่ยถามออกไปด้วยความหวาดระแวง
“คำว่าแต่งงานก็คือแต่งงานสิ มันก็ต้องหมายถึงการเข้าหอด้วยอยู่แล้ว ถามมาได้ยังไงครับคุณพิมพิชชา” ภูชิตแทบจะหลุดหัวเราะกับคำถามของเธอ
“แต่เราไม่ได้รักกัน” พิมพิชชาเอ่ยออกมาอีกครั้ง
“แล้วไม่คิดว่าเราอยู่กันไปแล้วเราจะรักกันขึ้นมาเหรอ แล้วผมจะยกตัวอย่างให้ฟังนะ เหตุการณ์คืนนั้นมันก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เราไม่ต้องรักกัน แต่สามารถฟีเจอริ่งกันได้” ภูชิตยักคิ้วล้อหญิงสาว
“เพราะเมาต่างห่างล่ะ” พิมพิชชารีบสวนกลับทันควัน
“เอาเถอะ แต่จะเพราะอะไรก็ช่าง คุณแต่งงานกับผมแล้ว นั่นมันหน้าที่ภรรยาที่คุณต้องทำ ผมขี้เกียจไปซื้อกินข้างนอกให้เป็นขี้ปากชาวบ้าน” ภูชิตสั่งหญิงสาวด้วยความพึงพอใจ เธอจะเถียงเขายังไงไหว ในเมื่อสิ่งที่เขาพูดมันคือความจริง
“แต่พิมกำลังท้องอ่อนๆ เดี๋ยวลูกเสี่ยงนะคะ” พิมพิชชายังพยายามหาข้ออ้างมาเรื่อยๆ ในขณะร่างสูงได้แต่ส่ายหน้าระอากับการแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ของเธอ