ตอนที่ 4 เรทราคา

3790 Words
ตอนที่ 4 เรทราคา “คืนนี้....คุณอยากนอนกับผมหรือเปล่าครับ?” ผมพูดออกไปแล้วสิ่งที่มันวิ่งวนอยู่ในหัวของผมตลอดทั้งวัน คำพูดของไอ้เพียวหรือแม้แต่สายตาของพี่แม็กซ์ที่บอกให้รู้ ว่าพร้อมจะขย้ำคอผมได้ทุกเมื่อ ผมแค่อยากยืนอยู่เงียบๆ ในมุมเล็กๆ จุดเดิมของผมเป็นเด็กนั่งดริ๊งปลายแถวกระจอกๆ ที่ไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครเหลียวแล ผมต้องการแค่ทำงานหาเงินส่งให้ที่บ้านเพื่อเลี้ยงดูครอบครัวที่ผมรักเท่านั้น หากคำพูดของไอ้เพียวเป็นจริงผมแอบหวังว่าคืนนี้จะเป็นคืนแรกและคืนสุดท้ายสำหรับการผันตัวไปเป็นเด็กขายและที่สำคัญผมหวังว่าคุณสเตฟานจะหยุดสนใจในตัวผมเสียที “เธอไม่ได้พูดเพื่อล้อฉันเล่นใช่มั้ย” “ไม่ครับ ผมไม่ได้ล้อเล่น คืนนี้ผมจะขาย แต่ถ้าคุณไม่อยากซื้อก็ไม่เป็นไร ผมจะไปหาลูกค้าคนอื่น” ผมหยั่งเชิงแกล้งพูดอ้างเรื่องลูกค้าคนอื่น ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่าคงไม่มีใครอยากได้ อยากเสียเงินซื้อพริตตี้บอยปลายแถวอย่างผม “ฉันรู้สึกพิเศษมากที่เธอคิดจะขายคืนแรกให้กับฉัน” คุณสเตฟานใช้นิ้วมือเชยคางผมขึ้นไปหาแววตายิ้มกริ่มเจ้าเล่ห์เหมือนกำลังได้ใจเพราะในที่สุดผมก็เป็นฝ่ายเดินเข้ามายื่นข้อเสนอให้กับเขาเอง “แค่คืนแรกสำหรับงานขายครับ คุณไม่ใช่ครั้งแรกของผม”ผมจ้องตอบดวงตาที่กำลังยิ้มเยาะนั้นพร้อมกับหวนนึกถึงความทรงจำ “ครั้งแรก” ที่ผมไม่ได้หวนคิดถึงมันนานมาแล้ว ประสบการณ์ครั้งแรกกับความรักครั้งแรกของวัยรุ่นอายุสิบแปดปีที่ผมเสียที เสียท่าให้กับคนกะล่อนหลอกลวงมันเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผมตัดสินใจหนีมาไกลถึงกรุงเทพก็เพื่อเยียวยารักษาแผลใจจากความรักอันแสนเจ็บปวดในครั้งนั้น จนวันนี้ผ่านมาเกือบสองปีแล้วผมยังไม่เคยเปิดใจให้ใครอีกเลย “อันที่จริงคืนนี้ฉันตั้งใจว่าจะมารับแม็กซ์กับเพียว...” “แค่ผมครับ...แค่คุณกับผม...แค่เราสองคนเท่านั้น” ผมเสสายตาตัวเองไปจับอยู่กับรูปหล่อทองเหลืองแทนใบหน้าและดวงตาคู่คม พยายามเก็บซ่อนความไม่มั่นใจและความรู้สึกพ่ายแพ้ต่อความจน เพราะในที่สุดผมก็ต้องยอมรับว่าผมหมดหนทางที่จะหาเงินเพื่อส่งกลับไปเลี้ยงปาก เลี้ยงท้องคนที่บ้าน ทางเดียวที่ผมมองเห็นในเวลานี้มีเพียงแค่ยอมขายศักดิ์ศรีซึ่งมันกินไม่ได้นี้แล้วเปลี่ยนถ่ายให้มันกลายเป็นเงินเพื่ออนาคตของน้องๆ เพื่อปากท้องของคนทางบ้าน “ตกลง...ฉันจะซื้อคืนแรกของเธอ” ผมกำลังยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ภายในห้องทำงานของคุณโอลิเวอร์บนชั้นสามเพราะตามกฎของที่ร้าน หากพนักงานคนไหนต้องการจะเปลี่ยนย้ายหน้าที่การทำงานไม่ว่าจะแบบชั่วคราวหรือถาวร ต้องแจ้งให้คุณโอลิเวอร์รับทราบก่อน เนื่องจากราคาค่าตัวของแต่ละคน แต่ละตำแหน่งหน้าที่นั้นต่างกัน โดยเฉพาะค่าตัวของ “เด็กขาย” ทั้งนี้เพื่อเป็นการแจ้งให้ลูกค้ารู้ถึงราคามาตรฐานก่อนจะพาเด็กที่ร้านออกไปและป้องกันไม่ให้พนักงานถูกเอาเปรียบ อีกทั้งยังช่วยป้องกันดูแลเรื่องความปลอดภัย ในกรณีที่อาจถูกล่อลวงไปข้างนอกแล้วถูกทำร้าย ข่มขู่ หรือแม้กระทั่งใช้ความรุนแรง “มีอะไรหรือเปล่าแก๊ป” คุณโอลิเวอร์นั่งอยู่บนเก้าอี้นวมตัวใหญ่ สายตาเงยขึ้นมามองผมสลับกับคุณสเตฟาน “คือว่า คืนนี้ผมจะออกไปกับคุณสเตฟานครับ”ผมก้มหน้าหลบสายตาหลายคู่ที่มองมายังผม ทั้งสายตาของคุณโอลิเวอร์ สายตาของบอดี้การ์ดสามคนของบาร์ สายตาของผู้จัดการร้านซึ่งตามปกติจะเป็นคนจัดคิวหน้าเวทีให้พวกเด็กดริ๊งทั้งหลาย รวมไปถึงคุณสเตฟานและบอดี้การ์ดหน้าดุอีกสองคนที่เดินเข้ามาภายในห้องนี้ด้วย “ออกไปกับคุณสเตฟาน หมายความว่าเธอจะ...เปลี่ยนมา...เป็นเด็กขายอย่างนั้น” คุณโอลิเวอร์จ้องผมตาเขม็ง “ครับ” ผมตอบรับพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ “เธอตัดสินใจดีแล้วใช่มั้ย” คุณโอลิเวอร์ถามย้ำกับผมเพราะที่บาร์เด็กขายทุกคนไม่มีใครถูกบังคับ ทุกอย่างล้วนต้องเกิดจากความสมัครใจ “ครับ” ผมพยักหน้าเพื่อยืนยันคำตอบอีกครั้งพร้อมกับเหลือบตาขึ้นไปมองหน้าคุณโอลิเวอร์นิดหนึ่งหัวใจผมรู้สึกหวิวๆ ยังไงบอกไม่ถูกรู้สึกอับอาย รู้สึกพ่ายแพ้ รู้สึกเหมือนตัวเองน่าสมเพชเหลือเกิน “โอเค ถ้าอย่างนั้นเธอรู้เรทราคาของเด็กขายหน้าใหม่ที่นี่หรือเปล่า เคยมีใครบอกให้รู้มั้ย” คุณโอลิเวอร์ขยับเก้าอี้นั่งตัวตรงประสานมือทั้งสองวางบนโต๊ะพร้อมกับถามผมด้วยท่าทางจริงจัง “ผมไม่ทราบครับ” ผมส่ายหน้าเป็นคำตอบ มีเพียงครั้งเดียวที่ไอ้เพียวเคยหลุดปากบอกผมเรื่องค่าตัวของมันเวลาออกไปกับลูกค้า นอกจากนั้นผมก็ไม่รู้เรื่องผลตอบแทนเกี่ยวกับเด็กขายคนอื่นอีกเลย นอกจากเสียงลือ เสียงซุบซิบว่าบางคนได้เท่านั้น บางคนได้เท่านี้ ซึ่งก็ไม่รู้อีกว่ามันจริงเท็จแค่ไหน “คุณสเตฟาน คุณน่าจะทราบเรทราคาที่ร้านอยู่แล้ว ผมเชื่อว่าคุณคงไม่มีปัญหา...ใช่มั้ยครับ” “ไม่มีอยู่แล้ว” คุณสเตฟานหันไปทางบอดี้การ์ดด้านหลังแล้วหยิบธนบัตรใบละพันปึกหนึ่งมาวางลงบนโต๊ะต่อหน้าเจ้าของบาร์ คุณโอลิเวอร์กรีดนิ้วลงไปบนธนบัตรสีเทาแค่พอเป็นพิธีเท่านั้น “เอาล่ะแก๊ป นี่ค่าตัวส่วนของเธอสำหรับคืนนี้ ส่วนที่เหลือหลังจากนี้ก็อยู่กับเธอว่าจะทำให้คุณสเตฟานพอใจได้มากน้อยแค่ไหน” คุณโอลิเวอร์แบ่งเงินปึกนั้นครึ่งหนึ่งส่งมาให้ผม สองหมื่นบาท...นั่นคือเรทราคาค่าตัวของผมสำหรับคืนนี้ หมายความว่าคุณสเตฟานยอมจ่ายเงินอย่างน้อยๆ ก็สี่หมื่นเพียงแค่พาผมออกไปข้างนอก ผมกำเงินในมือเอาไว้จนแน่น รู้สึกถึงเหงื่อที่มันค่อยๆ ซึมออกมาจากกลางฝ่ามือจนชื้นไปหมด ความรู้สึกวูบโหวงยังไงบอกไม่ถูก “เธอนับเงินครบเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย แก๊ปคืนนี้ฝากให้เธอดูแลคุณสเตฟานให้ดีล่ะ” คุณโอลิเวอร์ส่งยิ้มบางๆ กลับมาผมเพียงพยักหน้ารับเบาๆ เท่านั้น “ครับ...” ผมพยักหน้าแล้วอยู่ๆ ความรู้สึกบางอย่างตีม้วนตลบขึ้นมาเต็มอยู่ตรงช่องอก คุณโอลิเวอร์กับผู้จัดการบาร์ยืนจ้องหน้าผมครู่หนึ่งเหมือนแอบหวังว่าผมจะเปลี่ยนใจ “เธอโอเคนะ” คุณโอลิเวอร์สบตากับผมพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน คลื่นอารมณ์ที่มันไม่ค่อยมั่นคงของผมดันหยดน้ำเล็กจากในดวงตาให้เอ่อล้นออกมาจนเต็มสองข้าง “........” ผมพยักหน้ารับช้าๆ แทนคำตอบ พร้อมกับบีบฝ่ามือกำเงินสองหมื่นนั้นจนมันแทบจะแหลกเป็นผง “ถ้าเธอ...ไม่พร้อมหรือว่าอยากเปลี่ยนใจ” “ไม่ครับ ผมไม่เปลี่ยนใจครับ” ผมปฏิเสธความเห็นใจจากเจ้าของบาร์พร้อมกับพยายามระงับความอ่อนไหวในใจ ผมเดินตามหลังคุณสเตฟานออกมาจนถึงทางลงบันไดเพื่อลงไปยังลานจอดรถ ซึ่งผมจำเป็นต้องเดินผ่านโซนทำงานของชั้นสองซึ่งเป็นห้องแดงนับสิบห้อง เด็กขายชั้นนี้หากนับกันจริงๆ ก็มีราวๆ เกือบห้าสิบคนและผมไม่อยากบังเอิญเดินไปเจอใครเข้า “คุณสเตฟานครับ” “เธอมีอะไรหรือว่าคิดจะเปลี่ยนใจ” “เปล่าครับคือผมต้องกลับไปเอากระเป๋าในห้องแต่งตัวก่อนแล้วก็ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย เดี๋ยวผมค่อยตามคุณไปที่รถนะครับ” “ก็ได้...ฉันจะให้เวลาเธอทำใจอีกสิบนาที รีบตามไปแล้วกันอย่าให้ฉันรอนาน” คุณสเตฟานวางมือลงมาตรงข้างแก้มของผมปลายนิ้วเกลี่ยไปตามกรอบหน้าลากลงมาตั้งแต่ใต้ติ่งหูลงมาจนถึงคางก่อนจะโน้มตัวก้มลงมาแตะจูบเบาๆ ลงตรงกลางหน้าผากผม ผมรอจนกระทั่งคุณสเตฟานเดินพ้นไปแล้วจึงเดินตามลงไปเพราะไม่อยากให้คนอื่นเห็นแล้วรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืด กางเกงยีนตัวเก่าแล้วถึงรีบเดินหลบออกไปทางหลังร้าน ซึ่งผมมั่นใจว่าเวลานี้ทางเดินหลังร้านน่าจะปลอดคน แต่สิ่งที่ผมคิดมันกลับไม่ใช่อย่างนั้น ผมยืนตัวชาแข็งทื่อเมื่อคนที่ผมพยายามหลบหน้าและไม่อยากเจอมากที่สุดกำลังยืนสูบบุหรี่อยู่กับเด็กขายคนอื่นๆ ตรงริมกำแพงติดกับทางออกซึ่งมันสามารถใช้เป็นทางลัดเดินอ้อมไปลานจอดรถวีไอพีได้ “จะกลับแล้วเหรอแก๊ป” รุ่นพี่คนหนึ่งตะโกนถามผมออกมาขณะที่ผมกำลังจะเดินผ่านวงของสิงห์อมควันทั้งหลาย “ครับ” “ทำไมวันนี้กลับเร็วจังเลย แต่เอ๊ะ...ป้ายรอรถแท็กซี่มันอยู่ทางโน้นไม่ใช่เหรอแล้วทำไมเดินมาทางนี้หรือว่ากำลังจะไปไหน” เสียงรุ่นพี่อีกคนร้องทักขึ้นมาอีก ผมเหลือบตาขึ้นไปมองพี่แม็กซ์ซึ่งยืนพ่นควันสีขาวออกมาจากปากแล้วเดินขยับมาทางผม ใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติเหลียวหันไปมองทางประตูเหล็กเล็กๆ ซึ่งอยู่ถัดออกไปก่อนจะหันกลับมากระชากเสียงถามผม “มึงจะไปไหน ทางนั้นมันลานจอดวีไอพี” พี่แม็กซ์อัดบุหรี่เข้าปอดก่อนจะพ่นควันบุหรี่เหม็นๆ ใส่หน้าผม “ผมเอ่อ......” “กูถามว่ามึงจะไปไหน” พี่แม็กซ์ตะคอกผมเสียงดังลั่น “ผม...” ผมยกมือขึ้นมาจับมือพี่แม็กซ์แล้วพยายามดึงแกะมันออก “ไอ้เหี้ยแก๊ป กูถามว่ามึงจะไปไหน” “แม็กซ์ปล่อยมือเดี๋ยวนี้นะ แก๊ปคุณสเตฟานให้มาตาม” เสียงแข็งดุเข้มของบอดี้การ์ดหน้าดุคนเดิมร้องเรียกผมมาจากประตูเหล็กดัดเล็กๆ ซึ่งเป็นทางเชื่อมจากร้านไปทางลานจอดรถ “คุณสเตฟานให้มาตามอย่างนั้นเหรอ นี่มึงจะไปไหน กูถามว่ามึงจะออกไปไหน!” พี่แม็กซ์ทิ้งก้นบุหรี่ในมืออีกข้างแล้วยกมันขึ้นมาใช้บีบคอจนลูกกระเดือกผมแทบแตก “พี่แม็กซ์ปล่อย...ผมเจ็บ” ผมพยายามแกะมือหนาที่บีบรัดก้านคอของผมออก “แม็กซ์ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ” บอดี้การ์ดคนเมื่อครู่วิ่งเข้ามาแล้วผลักจับพี่แม็กซ์แยกออกไปจากผม “คุณสเตฟานล่ะ” พี่แม็กซ์หันไปตวาดถามการ์ดคนเดิม ซึ่งใช้แขนดันผมมายืนอยู่อีกข้างหนึ่งห่างจากระยะมือของพี่แม็กซ์ “วันนี้คุณสเตฟานมีคนไปด้วยแล้ว นายไปรับลูกค้าคนอื่นได้...ส่วนเธอแก๊ป คุณสเตฟานรอนานแล้วรีบไปเถอะ” บอดี้การ์ดตัวสูงดันหลังผมให้เดินไปข้างหน้า ผมรู้สึกว่าขาตัวเองสั่นจนแทบก้าวไม่ออกและเพราะมันก้าวเดินไปข้างหน้าได้ช้ามากผมจึงได้ยินเสียงใครสักคนพูดออกมาดังพอที่ผมไม่ต้องเงี่ยหูฟัง “ห้องแดงมีเด็กขายเพิ่มอีกคนแล้วสินะ ของสดซะด้วย” ผมเข้ามานั่งอยู่ภายในรถตำแหน่งด้านหลังคนขับ ข้างๆ ผมห่างออกไปหนึ่งช่วงแขนคือผู้ชายที่ยอมจ่ายเงินสดสี่หมื่นให้กับ คุณโอลิเวอร์เพื่อแลกกับการพาผมออกมาข้างนอก “เธอจะนั่งอยู่ตรงนั้นจริงๆ เหรอ” คุณสเตฟานเอนหลังพิงลงกับเบาะหนังราคาแพงท่อนขาทั้งสองกางแยกห่างออกจากกันเล็กน้อย ท่อนแขนข้างหนึ่งพาดไว้บนพนักเบาะส่วนมืออีกข้างตบลงบนหน้าตัวเองเบาๆ ผมขยับเข้าไปใกล้จนได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ผสมคลุ้งกับทั้งเหล้า ทั้งบุหรี่ คุณสเตฟานเอียงคอพยักหน้าลงไปตรงหน้าขาตัวเอง ผมสูดอากาศเข้าปอดเฮือกหนึ่งเพื่อเรียกความกล้าหน้าด้านที่มันอาจจะหลบซ่อนอยู่ตามมุมตามซอกในตัวผม แล้วยกก้นขึ้นไปวางทิ้งน้ำหนักลงบนหน้าขาก่อนที่เจ้าของมันจะโอบคว้าเอวผมให้เข้าไปชิดจนหน้าอกของเราเบียดชนกัน โดยถูกกางกั้นเอาไว้เพียงแค่เนื้อผ้าของเสื้อยืดผม ส่วนเสื้อเชิ้ตของคุณสเตฟานไม่ต้องพูดถึงมันหรอกเพราะผมไม่เคยเห็นคุณสเตฟานติดกระดุมเสื้อเกินสามเม็ดสักครั้ง คุณสเตฟานแหงนหน้าขึ้นมาเลิกคิ้วให้ผม ซึ่งบอกตามตรงว่าผมไม่เข้าใจความหมายของมัน จนกระทั่งมือหนาคว้าหมับลงมาจับท้ายทอยของผมแล้วกดให้โน้มลงไปหา ภาพในหัวย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่ผมเคยเห็นกับตาว่าบนเบาะที่นั่งตรงนี้คุณสเตฟานได้รับการปรนนิบัติจากเด็กขายคนอื่นยังไง “อื้อ” ผมใช้ข้อศอกและท่อนแขนยันหัวไหล่แล้วเอนตัวออกห่างหนีริมฝีปากของคุณสเตฟาน ดวงตาคมจับนิ่งมองผมดุๆ ครู่หนึ่ง นั่นเองถึงทำให้ผมสำนึกรู้ได้ว่าคืนนี้ผมไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธผู้ชายคนนี้อีกแล้ว ผมแลกจูบวนเวียนเปลี่ยนกันรุกผลัดกันรับกับบทบาทงานจูบอันเร่าร้อน ฝ่ามือหนาล้วงสอดเข้าไปใต้เสื้อยืดแล้วบดขยี้หน้าอกของผมจนมันแสบไปหมด ผมไม่รู้ว่ารถยนต์คันนี้มันผ่านการเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวาไปทางไหนบ้างเพราะมารู้ตัวอีกทีมันก็จอดสนิทลงตรงลานจอดรถบนอาคารสูง บอดี้การ์ดสองคนเดินลงจากรถมาเปิดประตูแล้วเดินนำหน้าไปกดลิฟต์ให้อย่างรู้งาน ส่วนคุณสเตฟานยังไม่ยอมเอาปากห่างออกจากผมเสียที “คุณสเตฟานอยากได้อะไรเพิ่มหรือเปล่าครับ” บอดี้การ์ดหน้าดุคนเดิมถามเมื่อคุณสเตฟานโอบเอวพาผมเดินเข้ามาภายในห้องชุดสุดหรู “ไม่ พวกนายไปพักเถอะ” “แล้วคืนนี้จะให้ผมรอ...” บอดี้การ์ดคนเดิมเลิกคิ้วสูง “ไม่ต้องรอ” คุณสเตฟานหันมาส่งยิ้มพราวอย่างฝรั่งเจ้าเสน่ห์แล้วก้มลงมาจูบกับผมต่อ ผมเห็นจากหางตาว่าขากางเกงสีดำของบอดี้การ์ดคนนั้นค่อยๆ เดินก้าวถอยหลังออกจากห้องพร้อมกับปิดประตูตามหลังอย่างเงียบกริบ ผมยืนอยู่กลางห้องซึ่งเดาว่ามันคงเป็นห้องรับแขกเพราะมีชุดโซฟาขนาดใหญ่ตั้งวางเอาไว้ ถัดออกไปด้านนอกผนังกระจก เป็นสระว่ายน้ำขนาดกลางอยู่ชิดติดกับระเบียงด้านนอกซึ่งจัดเป็นสวน มองออกไปเป็นวิวของกรุงเทพในยามค่ำคืน “ทำไม เธออยากว่ายน้ำเหรอ” คุณสเตฟานเดินเข้ามาล้วงมือสอดลึกเข้าไปใต้ชายเสื้อของผม ฝ่ามือและปลายนิ้วขยับเลื่อนลูบไล้บีบเคล้นไปทั่วทั้งหน้าท้องขึ้นมาจนถึงหน้าอก ปลายจมูกกดสูดดมขบเม้มวนเวียนอยู่แถวๆ ซอกคอ ติ่งหู แก้มของผมไม่ละไปไหนเลย “เปล่าครับ ผมแค่ไม่เคยเห็นสระว่ายน้ำในห้องแบบนี้” ผมรู้สึกตัวเองโง่และดูเหมือนกบในกะลาขึ้นมาทันทีเมื่อเผลอหลุดปากพูดเรื่องน่าอายออกไป “ถ้าอย่างนั้นคืนนี้เรา...ลงไปว่ายน้ำกันหน่อยดีหรือเปล่า” คุณสเตฟานปลดกระเป๋าสะพายออกไปจากไหล่ของผมแล้วโยนมันไปกองบนโซฟาตัวยาวก่อนจะจับชายเสื้อยืดเก่าๆ ของผมแล้วยกถลกมันถอดออก ริมฝีปากอุ่นๆ ขบลงมาดูดเม้มแรงๆ อยู่แถวต้นคอ อุ้งมือเลื่อนลูบขยำลงไปบีบเฟ้นสะโพกผมแรงจนผมสะดุ้ง “แต่ผมไม่ได้อยากว่ายน้ำนี่ครับ” ผมพูดตอบออกไปเพราะในหัวผมมันวิ่งไปหาเตียงนอนแล้วผมอยากเร่งให้คุณสเตฟานรีบๆ ทำมันจะได้จบเพื่อที่ผมจะได้กลับห้องเสียที “ได้ฉันให้เธอเลือก สระว่ายน้ำ หรือ บนเตียง?” คุณสเตฟานผละจูบห่างจากผมแล้วก้มลงมาพยักใบหน้าคมไปทางสระว่ายน้ำครั้งหนึ่ง แล้วชี้นิ้วไปยังประตูห้องสีขาวซึ่งอยู่ห่างออกไปซึ่งผมเข้าใจว่านั่นคงเป็นประตูห้องนอน “เอ่อ...เตียงครับ” ผมเงยหน้าขึ้นไปแล้วกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะตอบ ผมคิดว่าผมน่าจะเลือกถูกนะ รีบทำให้เสร็จแล้วจะได้รีบไปให้ห่างจากผู้ชายคนนี้ คุณสเตฟานยิ้มอย่างพอใจพร้อมกับย่อตัวลงมาตวัดอุ้มผมเข้าไปไว้ในอ้อมแขนแล้วเดินช้าๆ ตรงไปทางประตูไม้บานสีขาว แผ่นหลังเปล่าๆ ของผมสัมผัสลงบนเตียงนอนหนานุ่มจนเหมือนผมกำลังนอนอยู่บนปุยเมฆ บนเพดานห้องเหนือเตียงนอนหลังใหญ่ด้านบนมันเป็นกระจกเงาขนาดเท่าเตียงนอนคล้ายกับห้องแดงในบาร์ที่ผมเคยเข้าไปครั้งก่อน กระจกบานนั้นมันกำลังส่องเงาสะท้อนของตัวผมเองกับแผ่นหลังเจ้าของห้องกลับเข้ามาสู่สายตาผม “เอ่อ...” เงาสะท้อนภาพตัวเองที่กำลังนอนลืมตากว้างบนเพดานห้องทำให้ผมรู้สึกอายตัวเองอย่างบอกไม่ถูก คุณสเตฟานเริ่มปลดกระดุมเสื้อตัวเองด้วยมือเพียงข้างเดียว ใบหน้าคมก้มลงมาใช้จมูกโด่งซุกไซ้สูดดมเนื้อตัวของผมก่อนจะวนกลับมาประกบริมฝีปากหวานปนขมแถมด้วยรสชาติเผ็ดซ่าตรงปลายลิ้นซึ่งน่าจะเป็นรสของบุหรี่ราคาแพง ผมสบตากับเด็กหนุ่มหน้าคุ้นในกระจกบนเพดานห้อง เงาสะท้อนภาพของผู้ชายตัวโตกำลังสลัดเอาเครื่องนุ่งห่มทั้งเสื้อและกางเกงออกทีละชิ้น แววตาเด็กหนุ่มคนนั้นสับสนและว่างเปล่า ผมค่อยๆ ยกท่อนแขนแล้วโอบกอดวางทาบฝ่ามือของตัวเองลงไป บนแผ่นหลัง ซึ่งมีรอยสักรูปสิงโตตัวใหญ่กำลังแยกเขี้ยวกับดวงตาสีแดง ตัดกับเรียวแขนสีขาวเรียวบางของผม เนื้อตัวของผมเวลานี้ไม่มีสิ่งใดหลงเหลือปกปิดมันอีก อากาศภายในห้องเย็นเฉียบจากเครื่องปรับอากาศแต่ร่างหนาที่กำลังกอดรัดบดขยี้ผมอยู่ด้านบนทำให้ทั่วทั้งตัวผมมีแต่เหงื่อผุดซึมออกมาราวกับผมกำลังนอนอบซาวน่าก็ไม่ปาน “เป็นอะไรหรือเปล่า” น้ำเสียงทุ้มห้าวเอ่ยถามผม นัยน์ตาสีเข้มจ้องนิ่งประสานลงมาบดบังภาพของกระจกเงาด้านบนไปจากสายตาผม “ผม...” ผมขยับปากอ้าค้างแล้วขยับมันขึ้นลงแต่ไม่มีเสียงอะไรออกมาเลย มันคือความสับสน มันคือความลังเล มันคือความหวาดกลัว ถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่การมีสัมพันธ์กับคนอื่นเป็นครั้งแรก แต่ผมกลับรู้สึกกลัวจับหัวใจ หนุ่มฝรั่งนัยน์ตาคมราวกับอ่านสิ่งที่กวนหัวใจผมออก เพราะฝ่ามือหนาอุ่นร้อนวางลงมาบนหน้าผากพร้อมกับเกลี่ยปลายนิ้วมือหนาไล่ไปกับกรอบหน้าของผม ริมฝีปากอุ่นแตะลงมาแผ่วเบานุ่มนวลอย่างไม่น่าเชื่อ “ฉันดูน่ากลัวสำหรับเธอขนาดนั้นเชียวเหรอ” คุณสเตฟานแตะหน้าผากลงมาชนจนปลายจมูกเราชนกัน “ไม่ครับ” “ถ้าฉันไม่น่ากลัวเธอก็เลิกสั่นได้แล้ว แก๊ปไหนมาดูสิว่าเธอจะทำให้ฉันพอใจได้หรือเปล่า” จริงสินะคืนนี้ผมมีหน้าที่ทำให้คุณสเตฟานพอใจในฐานะ “เด็กขาย” และเพื่อกอบโกยจากเขาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้อย่างที่ไอ้เพียวเคยบอกเอาไว้ “ผม...แค่ตื่นเต้นครับ” “ถ้าอย่างนั้นเรามาต่อกันนะ” คุณสเตฟานตวัดพลิกจับผมให้ขึ้นมานั่งอยู่ด้านบนก่อนจะกดหัวผมลงต่ำ ผมลากจูบคลานถอยหลังลงไปผ่านลวดลายรอยสักสารพัดที่ผมไม่รู้จัก ไม่เข้าใจความหมาย จนมาถึงปีกอินทรีสยายกว้างด้านล่าง ต่ำกว่าสะดือลงไปคือดุ้นเอ็นขนาดใหญ่จนผมไม่กล้าอ้าปากอมมันลงคอ ยิ่งไปกว่านั้นไอ้เม็ดกลมๆ นูนตะปุ่มตะป่ำน่ากลัวที่มันฝังอยู่ใต้ผิวหนังหุ้มท่อนเนื้ออันใหญ่นี่ไว้ทำให้ผมชะงัก “ทำไม...เธอไม่ชอบมุกของฉันเหรอ?” คุณสเตฟานคว้ามือลงมาจับท่อนเนื้ออันใหญ่เกือบเท่าแขนผมขึ้นมา ปลายนิ้วเรียวหนากรีดรูดตั้งแต่ส่วนหัวบานใหญ่โตผ่านรอยหยักแบบหัวดอกเห็ดลงไปตามความยาว ผ่านรอยนูน ของลูกแก้วเม็ดกลมๆ ซึ่งกลิ้งนูนน่ากลัวอยู่โดยรอบท่อนเนื้อแท่งใหญ่แล้วจับมันสะบัดส่ายไปมาตรงหน้าผม “แก๊ป เธอชอบมันมั้ย” “มันใหญ่ไป” ผมกะพริบตามองเจ้าท่อนเอ็นตรงหน้าแล้วรู้สึกหายใจไม่ออกขึ้นมาทันที “รู้อะไรมั้ยแก๊ป ไม่มีใครเคยบอกว่ามันใหญ่ไป...มีแต่คนบอกว่ามันใหญ่ดี” คุณสเตฟานพูดออกมาอย่างภาคภูมิใจอุ้งมือหนากระทุ้งรูดท่อนเนื้อแท่งใหญ่ทะลุผ่านรอยแยกระหว่างอุ้งมือที่กำมันเอาไว้โดยรอบ ผมจ้องส่วนหัวบานเบ้อเริ่มเทิ่มนั้นผลุบเข้าผลุบออกในกำมือคุณสเตฟานแล้วเผลอสะอึกขึ้นมาทันที “ฮึก…แต่ผมว่าไม่ดี" “เธอยังไม่ได้ลองเลย อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่ามันไม่ดีสิ” คุณสเตฟานคลายมือออกจากท่อนเนื้อแท่งใหญ่ แล้วจับส่วนโคนของมันเอาไว้ก่อนจะยักคิ้วให้ ผมเอื้อมมือสั่นๆ ของตัวเองออกไปจับท่อนเนื้อแท่งร้อนแล้วขนหัวลุกตั้งชันไปหมด “มันจะดีได้ยังไง ใส่เข้าไปได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย” ผมพึมพำกับตัวเองพร้อมทั้งลูบมือลงไปบนท่อนเนื้อตรงหน้าซึ่งผมกำมันแทบไม่มิด “ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ฉันจะทำให้เธอเห็น...ว่าของฉันมันดียังไง”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD