ย้อนกลับไปเหตุการณ์ 1 เดือนก่อนหน้านั้น
ณ ร้าน From Cake
ที่ร้านเบเกอรี่ใหญ่ใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร ตอนนี้ชุลมุนไปด้วยผู้คนที่เนืองแน่นกันเข้ามาจนแทบจะเต็มร้าน เนื่องจากเป็นเวลาเที่ยง ทำให้พนักงานต่างวุ่นวาย อบขนมกันแทบไม่ทัน ทั้งโซนเครื่องดื่ม และโซนเคาน์เตอร์ ก็ไม่ต่างกัน
“พาย”
“...”
“ยัยพาย! สตอเบอรี่ช็อตเค้กได้หรือยัง” เสียงของคนที่อยู่ด้านนอกตะโกนเข้าไปภายในห้องอบขนมเสียงดัง
ทำเอาคนที่กำลังจัดการกับขนมมากมายอยู่ ถึงกับตื่นจากภวังค์ห้วงความคิด นั่นก็เพราะตอนนี้เธอมีเรื่องเครียดอยู่ในใจ ที่ไม่อาจเล่าให้ใคร ในที่นี่ฟังได้ จึงได้แต่เก็บเรื่องนี้ไว้ในใจคนเดียว เพื่อที่จะได้นัดระบายกับเพื่อนสาวคนสนิท ที่จะมาเจอกันตอนเย็น
พาย พัชชา สุพัฒน์ธาดา อายุ 22 ปี หญิงสาวร่างเล็กหุ่นเพียว หน้าตาสะสวย ใบหน้ากลมเรียวเล็ก ปากกระจับได้รูป ดั้งคมเป็นสัน ผมน้ำตาลเข้มเงางาม ผิวขาวเนียนละเอียดราวกับไข่มุก
ตอนนี้พัชชาทำงานอยู่ที่ร้านเบเกอรี่แห่งนี้ มาเป็นเวลา 1 ปีแล้ว ตั้งแต่เรียนจบ ไม่ใช่ว่าเธอไม่มีที่ไปหรอกนะ แต่เพราะร้านนี้คือร้านของ น้าศศิ แม่เลี้ยงวัย 40 ปี ภรรยาใหม่ของพ่อเธอ
ความจริงอดีตก็เคยเป็นกิจการของแม่เธอนั่นแหละ แต่พอแม่เธอเสีย ภรรยาใหม่ของพ่ออย่างน้าศศิที่เคยเป็นพนักงานที่นี่มาก่อน ก็มาฮุบกิจการไปดื้อ ๆ แล้วก็บริหารร้านนี้แทน และเมื่อเธอเรียนจบ เธอเลยต้องมาทำงานที่นี่ด้วย เพราะหุ้น 5% อันน้อยนิดที่นาศศิแบ่งให้ มันผูกมัดเธอไว้จนไปไหนไม่ได้ ทั้งยังโดนกดขี่ข่มเหงสารพัด แต่ทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อพ่อของเธอก็ไม่อยู่แล้ว
“เอ่อ ค่ะ ๆ” จากนั้นเธอก็รีบเอาขนมพวกคุกกี้ที่เธอเพิ่งจะอบเสร็จ ออกมาให้คนที่ถามหาทันที
“คิดอะไรอยู่ ฉันบอกหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือไง งานที่สั่งต้องรีบทำ เธอจะเหม่อลอยอะไรนักหนา”
“พายขอโทษค่ะ” เธอก็ได้แต่ก้มหน้ารู้สึกผิดอย่างคนที่ผิดจริง ๆ ก็ช่วงนี้มีเรื่องให้คิดเยอะ โดยเฉพาะเรื่องของพี่ชายเธอ
พุก พสุ เขาไปทำงานต่างประเทศได้หลายเดือนแล้ว ก่อนจะได้ไปก็มาขอเงินเธออ้างว่าจะไปทำงานสร้างอนาคตจริงจัง และยังคงพูดถึงเรื่องเงินประกันชีวิตของพ่อ ที่เคยได้เท่ากันสามส่วน เธอ พี่ชาย แล้วก็น้าศศิภรรยา
แต่ด้วยที่พี่ชายของเธอ เป็นคนที่ใช้เงินเก่งซะเหลือเกิน เงินตั้งหลายล้าน ก็หมดภายในไม่กี่ปี ก็ยังดีที่เขาเรียนจบปริญญาตรีได้ หลังจากนั้นก็วุ่นวายกับเธอไม่เลิก อย่างเช่นตอนนี้ก็เช่นกัน
เมื่อผ่านพ้นช่วงเที่ยงไปถึงตอนบ่าย ศศิก็เรียกพัชชาเข้าไปคุยที่ห้องทำงาน ด้วยสีหน้าที่ตึงเครียดทันที
พัชชาตอนนี้ได้แต่กุมมือก้มหน้า อย่างคนที่ใช้ความอดทน ความจริงเธอไม่ต้องทนก็ได้ ถ้าไม่ใช่พี่ชายตัวดีของเธอ ที่มายืมเงินจนเธอต้องกลายเป็นลูกหนี้ จากเงินที่ตัวเองไม่ได้ใช้สักบาท แถมยังโดนต่อว่าต่อขานแบบนี้อีก
“เธออย่าบอกนะ ว่าเธอคิดถึงไอ้พุกมันอีกแล้ว” เมื่อเห็นสีหน้าที่ไม่ดีนั้นของลูกเลี้ยง คนที่เป็นแม่เลี้ยงก็ต้องตำหนิ จริงอยู่ว่าเธอไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำอะไร แต่เธอก็เป็นคนเห็นแก่ตัวและเอาแต่ประโยชน์ของตัวเองคนนึง ไม่ได้นึกถึงสองคนนี้ที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกเลี้ยงเลยด้วยซ้ำ และที่ให้พัชชามาอยู่นี่ ก็เพื่อจะเอามาไว้ใช้งาน เหมือนกับพนักงานที่เธอจ้าง เพียงแต่ไม่ได้จ่ายเงินเดือนเท่านั้น เพราะให้หุ้นไปแล้ว 5%
ส่วนเหตุผลที่พัชชายังอยู่ที่นี่ ก็เพราะศศิ ให้เงินพสุยืมไป 3 ล้านบาท และผู้ชดใช้ก็คือน้องสาวอย่างเธอ เธอที่พูดอะไรไม่ได้ ก็ได้แต่ยอมจำนนตามนั้น และอยู่เป็นข้ารับใช้ศศิ จนไปไหนไม่ได้เลยแบบนี้
“ค่ะ พี่พุกพึ่งติดต่อมา”
“มันอยากได้เงิน?” ศศิที่รู้ทันก็หรี่ตาถาม
“ค่ะ” พัชชาตอบอย่างกล้ำกลืน
“ฉันบอกแล้วใช่ไหม ฉันเตือนเธอตั้งกี่ครั้งกี่หนแล้ว ขนาดอยู่ไทยมันยังสร้างปัญหามากมายไม่จบไม่สิ้น ไปอยู่เมืองนอกแบบนั้น คนอย่างมันคงคิดได้หรอกนะ ทั้งกาสิโน ทั้งยา ทั้งสังคมแสงสีเสียงอีก” ศศิที่กลัวว่าพสุจะไปได้ดี ก็รีบขัดขวางความเจริญ ของสองพี่น้องนี้ทุกอย่าง แล้วทำทีว่าตัวเองหวังดีแบบนี้
“ค่ะ” พัชชาตอบรับเสียงเรียบ เพราะเธอก็รู้ดีว่านี่ไม่ใช่ความหวังดี
ณ ลาสเวกัส @สหรัฐอเมริกา
ที่กาสิโน
ภายในห้องโถมขนาดใหญ่ ของกาสิโนชื่อดังใจกลางเมืองลาสเวกัส ที่ตกแต่งอย่างสวยงามและหรูหราไปด้วย เฟอร์นิเจอร์แบรนด์เนมราคาแพง ตอนนี้เนืองแน่นไปด้วยผู้คนมากมายหลายสัญชาติ ที่กระจายแยกกันอยู่หลายโซน แต่ละโซนเต็มไปด้วยคนที่มีกำลังทรัพย์ระดับมหาเศรษฐี มาใช้เวลากับกิจกรรมยามว่าง ที่ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรเลย
ถัดขึ้นไปอีกหลายชั้นเป็นเพนท์เฮาส์ ที่พำนับ ของมาเฟียหนุ่ม ผู้ทรงอิทธิพล มีอำนาจ และเขาคือผู้คุมบังเ**ยนของทุกกิจการในเครือ เคอร์เลซ
อย่าง เอเดน เคอร์เลซ ในวัย 32 ปี มาเฟียหนุ่มรูปหล่อลูกครึ่ง ไทย-อเมริกา ผู้มีชาติตระกูลที่ร่ำรวย ครอบครัวและตัวเขาเองน่าเกรงขามด้วยอำนาจและบารมี ไม่มีใครในย่านนี้ที่ไม่รู้จัก ตระกูลเคอร์เลซ
ทั้งธุรกิจสีขาวและสีเทา ต้องมีชื่อเอเดนเป็นหนึ่งในนั้นที่เข้าไปพัวพันด้วย ถึงแม้จะมีเรื่องที่ผิดกฎหมาย แต่คนที่จัดการทุกอย่างได้แบบเขา ก็ไม่มีใครสามารถทำอะไรได้มาจนถึงตอนนี้
ชีวิตการทำงานไม่มีอะไรหวือหวา เพราะคนอย่างเขาจัดการได้ทุกอย่าง ส่วนชีวิตรัก เขาไม่เคยมีความรักให้กับผู้หญิงคนไหน เพราะหวังกับทุกคนที่เข้ามาแค่เรื่องเซ็กส์ ส่วนตัวก็ยังชอบชีวิตอิสระที่เป็นอยู่อย่างตอนนี้ ได้ควงดารานักแสดง ตามสเปคเขาที่ชอบสาวเอเชียมากกว่าสาวยุโรปมาแต่ไหนแต่ไร คนอย่างเขาเสกได้ทุกอย่าง อยากได้คนไหนก็ได้ตามที่เขาต้องการ จากนั้นเขาและเธอคนนั้นก็จบลงที่เตียง ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันได้อีก
“นายครับ ไอ้พสุมันมาเป็นเป็นหนี้เพิ่มอีกแล้วครับ”
“ไอ้พสุ!” คนที่นั่งอ่านเอกสารอยู่ ก็พูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว ด้วยที่ไอ้นี่มันเป็นลูกน้องเก่าของเขา ที่ทำงานไม่เอาไหนเลย ทั้งยังติดเหล้า ติดผู้หญิง ติดการพนัน จนมันพิจารณาตัวเองลาออก แล้วไปเป็นผีพนันประจำที่กาสิโนอื่น มันไม่คิดจะพัฒนาตัวเองเลยสักนิด ขนาดที่เขาให้โอกาสแล้วมันยังไม่คิดจะคว้าไว้
“มันกลับมาเล่นที่นี่ ในช่วงที่เปิดเครดิตให้ จนเป็นหนี้กาสิโนตอนนี้ 400,000 ดอลล่าร์ครับนาย”
“หึ ไอ้พวกเหี้ยผีพนัน” เมื่อนึกไปถึงคนที่พาตัวเองมาอยู่ในที่แบบนี้ ก็ต้องรู้สึกสมเพชเวชทนา เพราะจากเงินที่มันยืมไป ถ้าเป็นเงินไทยก็เกิน 13 ล้านบาท ไปแล้ว คนที่ไม่ได้ทำการทำงานอะไรแบบนั้น จะเอาเงินที่ไหนมาใช้เขาไหว
“ให้ทำยังไงกับมันดีครับนาย” เคนที่เป็นคน อนุมัติเคดิตนั้นให้พสุไป ก็รู้สึกเครียดแค้นมันขึ้นมา ก็อย่างว่าอดีตเคยเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีต่อกัน
“เอาตัวมันไปจัดการ กักบริเวณไว้ แล้วให้เวลามัน 7 วัน ให้หาเงินมาจ่ายหนี้ 13 ล้านพอ” นี่ก็ถือว่าคนอย่างเขาปราณี คนที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกน้องเก่ามากแล้วนะ ความจริงเงินจำนวนนี้สำหรับเขามันก็น้อยนิด แต่เขาแค่อยากสั่งสอนไอ้คนพวกนี้ ที่มันไม่รู้จักเจียมตัวเอง จนพาตัวเองมาอยู่ที่อโคจรแบบนี้ได้
“ครับนาย”
ตุ๊บ! ตุ๊บ! ตุ๊บ!
เสียงกระทืบหนัก ๆ ดังก้องไปทั่วห้องที่สะท้อนเสียง
ชายหนุ่มที่โดนกระทืบอยู่ ด้วยเท้าหลายคู่ของชายอีกหลายคน ก็เอาแขนกับมือขึ้นมาบังหน้าบังหัวตัวเองเอาไว้ เพื่อไม่ให้โดนกระทืบเข้าที่จุดสำคัญ
“ไอ้เหี้ย! ถ้ามึงไม่มีเงิน มึงก็ควรเจียมตัว และรู้เอาไว้ด้วยว่าคนอย่างมึงมันไม่มีปัญญาเล่นชนะได้”
“เฮือก กะ...กู ยอมแล้ว ปล่อยกูเถอะนะ กูจะรีบไปหาเงินมาใช้หนี้นาย” เมื่อตั้งตัวได้ คนที่โดนกระทืบจนเลือดอาบทั้งตัว ก็ลุกขึ้นมายกมือไหว้ ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นอย่างน่าเวชทนา
“ไอ้เหี้ย! เงิน 400,000 ดอลลาร์ คนอย่างมึงจะมีปัญญาที่ไหนไปหามาใช้หนี้”
ผลั๊บ! ตุ๊บ! ตุ๊บ!
เท้าของบอดีการ์ดตัวใหญ่อย่าง เคน ก็ถีบและกระทืบต่อ อย่างคนที่เครียดแค้น
“เฮือก กะ....กูยอมแล้วเคน ปะ...เป็นเงินไทยเท่าไหร่”
“มากกว่า 13 ล้าน นายบอกลดให้มึง 13 ล้าน ถ้ามึงรีบเอามาจ่ายภายใน 7 วัน ถ้าไม่มีมาจ่าย มึงจะโดนทรมานแบบนี้ไปจนตาย” เสียงกังวานของ นอท บอดีการ์ดอีกคน ก็ตะคอกขึ้น
“อะ...โอเค ๆ กูจะรีบเอามาคืนเลย ปล่อยกูไปเถอะนะ”
“พวกมึงเอามันออกไปทิ้งไว้ข้างหลัง แล้วกักบริเวณมันไว้ จนกว่ามันจะหาเงินมาใช้หนี้ได้” แล้วนอทก็หันไปสั่งลูกน้อง ให้เอาคนที่พวกเขากระทืบปางตายไปทิ้งไว้ที่หลังร้าน เหมือนกับลูกหนี้ทุกคน
“ครับพี่” ลูกน้องแต่ละคนก็รีบทำตามคำสั่งโดยเร็ว
ตุ๊บ!
เมื่อถึงหลังร้านคนทั้งสามก็โยนคนที่บาดเจ็บอยู่ลงพื้นอย่างแรง ก่อนจะเดินกลับเข้าไปอย่างไม่ไยดี
“อะ...ไอ้เหี้ย กูเจ็บนะเว้ย เฮือก อะ...ไอ้พวกเหี้ย...” ในตอนที่ด่า ในใจก็รู้สึกกลัวไปด้วยเวลา 7 วัน นี้เขาจะไปหาเงินที่ไหนมาจ่ายเอเดนทัน เพราะคนอย่างมันคงไม่ปล่อยเขาไปง่าย ๆ แน่ ตอนนี้ได้แต่มืดแปดด้าน ลำพังเงินจะกินข้าวยังไม่มีเลย และคนที่เขานึกถึงได้คนเดียว ก็มีเพียงน้องสาว อย่างพัชชาเท่านั้น