บทนำ
"เท่าไร" ราบเรียบแต่น่ากลัวในเวลาเดียวกัน น้ำเสียงของเขาเยือกเย็นเหมือนน้ำแข็งในฤดูที่หนาวเหน็บ
"รวมทั้งหมดเฉพาะต้นก็สามล้านครับ" ลูกน้องคนสนิทกล่าวตอบเจ้านายพร้อมก้มหัวเล็กน้อย
สายตาคมดั่งพญาเหยี่ยวเหลือบมองเอกสารที่ลูกน้องยื่นมาให้ พลางหยิบมาดูแบบลวก ๆ อย่างไม่ได้ใส่ใจนัก รอยสักไม้กางเขนพันด้วยดอกกุหลาบที่ประทับตราไว้บนต้นคอแกร่งยิ่งทำให้มาเฟียวัยยี่สิบแปดคนนี้ดูหล่อร้ายเกินต้านทาน
ศิลาโยนกลับคืนไป ก่อนจะหันมาสนใจแก้ววิสกี้ที่ว่างเปล่าแทน
หลังจากไปพักอยู่ต่างประเทศหนึ่งปีเต็ม และเพิ่งกลับมาอยู่ไทยได้ปีครึ่ง แต่ละวันของเขาก็มีแต่เรื่องธุรกิจและคอยรับรู้ปัญหาต่าง ๆ รวมถึงเป็นบุคคลที่คอยยื่นคำขาดในการคิดบัญชีคนที่ลองดี
"แล้วคนอยู่ไหน"
"หนีหายไปเดือนนึงแล้วครับคุณศิลา"
รอยยิ้มเย้ยหยันเผยขึ้นเมื่อได้ยินดังนั้น มือหนาขยับรินวิสกี้จากขวดใส่แก้วใบโปรดช้า ๆ
แค่นึกดูแล้วก็ขบขันไม่น้อย กล้ามาสร้างหนี้กับเจ้าหนี้แบบเขา แต่กลับหนีหายไปดื้อ ๆ คนพวกนี้ช่างท้าทายมัจจุราชในร่างเขาเสียเหลือเกิน
"มันคิดว่าคาสิโนกูเป็นสนามเด็กเล่น? หึ" ชายหนุ่มแค่นหัวเราะพลางยกแก้วขึ้นดื่มอย่างไม่รีบร้อน
ติดหนี้ก็ต้องคืน ใครก่อไว้ก็ต้องมาชดใช้รับกรรม แต่หากว่ามันเลือกจะหายหัวไป ก็ไม่ได้แปลว่าหนี้จะหายไปด้วย อย่าคิดตื้น ๆ
"มันมีครอบครัวไหม"
"มีครับ"
ศิลานิ่งไปครู่หนึ่งเหมือนกำลังพินิจพิจารณาอะไรบางอย่าง
"มีผู้หญิง?" เสียงต่ำถามพลางเลิกคิ้วเล็กน้อย และรอยยิ้มก็ผุดตามมาเมื่อลูกน้องพยักหน้าเป็นสัญญานตอบรับ
"ครอบครัวนายเดช มีแม่เลี้ยงหนึ่ง กับน้องสาวมันอีกสองครับ"
"น้องสาว?" มาเฟียหนุ่มทวนคำนั้นอย่างสนใจ
"เกิน18ยัง?"
"เกินแล้วครับ อยู่มหา'ลัยทั้งคู่ครับ"
ชายหนุ่มเอนตัวพิงโซฟาหรูอย่างสบายใจ ถามว่าเงินสามล้านมีค่าแค่ไหน สำหรับเขาก็คงหาใหม่ไม่ยาก แต่กฎก็ต้องเป็นกฎ เขาไม่ได้ขอร้องให้คนเหล่านี้มาเล่นจนหมดเนื้อหมดตัว ในเมื่อสร้างหนี้ก็ต้องใช้หนี้
เจ้าตัวไม่อยู่... คนรับเคราะห์ก็ต้องเป็นคนที่อยู่ข้างหลังมันนั่นแหละ
คนแบบศิลาไม่มีคำว่าปล่อยผ่านหรือใจดี เขาทำธุรกิจสีเทามากมาย ความเมตตาปราณีจึงเป็นสิ่งที่ห่างไกลจากตัวตนของผู้ชายคนนี้
"ไปจัดการส่งคำเตือนสุดท้ายและข้อแลกเปลี่ยนให้ครอบครัวมัน"
"ครับ!"
นี่แหละเขา... ไม่มีผ่อนปรน ไม่มีละเว้น