Chapter 6

1920 Words
Chapter 6 เมื่อรถหรูเฟอร์รารีขับมาถึงโรงแรมที่สูงที่สุดในประเทศไทย หนุ่มสาวเพื่อนสนิทเดินเคียงคู่กันราวกับคู่รัก ขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนสุดของตึก ซึ่งเป็นห้องอาหารสุดหรูบนดาดฟ้า ไรเฟิลจองโซน Belcony ซึ่งเป็นมุมส่วนตัว สามารถมองทิวทัศน์กรุงเทพได้แบบสามร้อยหกสิบองศา ในขณะที่หนุ่มสาวเดินตามพนักงานไปโต๊ะอาหารที่จองไว้ ก็มีเสียงเอ่ยเรียกไรเฟิลดังขึ้น เมื่อคนตัวสูงหันไปตามเสียงเรียก เขาก็จับมือณิชาพาเดินไปหาสามคู่รักหวานชื่น โดยมีรันเวย์ แพรดาว บิ๊กบอส สปาย ไอศูรย์ และมัดหมี่นั่งกินข้าวอยู่ด้วยกัน “หวัดดีครับพี่ใหญ่” ไรเฟิลเอ่ยทักทายพี่ชายของบิ๊กบอส “พาเพื่อนรักมาฉลองเลื่อนขั้นเป็นแฟนหรือไง?” ไอศูรย์เอ่ยแซวเพื่อนของน้องชายด้วยสีหน้ามีเลศนัย เมื่อเห็นไรเฟิลและณิชาที่พูดนักพูดหนาว่าเป็นเพื่อนกัน แต่เดินจับมือถือแขนกะหนุงกะหนิงมากินข้าวด้วยกันในวันวาเลนไทน์อย่างกับผัวเมีย “แด๊ดดี้แซวเบาๆ สิคะ” มัดหมี่กระซิบบอกไอศูรย์ เมื่อสามีของเธอพูดแซวเสียงดังจนเกินไป “เรื่องนี้ก็ต้องถามณิชาแล้วแหละครับพี่ใหญ่” ไรเฟิลโบ้ยให้ณิชาเป็นคนตอบ “เพื่อนกันค่า แหม...อย่าแซวบ่อยนักสิคะพี่ใหญ่” ณิชาตอบกลับยิ้มๆ เมื่อโดนแซวกลางวงแบบนี้ แต่เธอก็ชินแล้วแหละ เพราะมักโดนแซวแบบนี้อยู่บ่อยๆ “เฟื่อนหรือเปล่า” บิ๊กบอสเอ่ยขึ้นมาบ้าง แล้วยักคิ้วให้ไรเฟิลกับณิชาด้วยสีหน้ากวนๆ “ปะป๊าอย่าแซวพี่ณิชาสิ พี่ณิเขินหมดแล้ว” สปายหันไปดุบิ๊กบอสไม่จริงจังนัก ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้ณิชาที่ยืนข้างไรเฟิล “พี่ณิชาขา พี่ไรเฟิลขา นั่งกินข้าวด้วยกันไหมคะ” แพรดาวเอ่ยชวนไรเฟิลและณิชาให้นั่งกินข้าวที่โต๊ะอาหารด้วยกัน “เพื่อนรักเขาจองโต๊ะมุมสวีตไว้แล้วหนู” รันเวย์กระซิบบอกแพรดาว แต่ไรเฟิลและณิชาได้ยินเต็มสองหู “ไปนั่งโต๊ะของเราดีกว่าณิชา ฉันเบื่อคู่รักข้าวใหม่ปลามันโต๊ะนี้ละ” ไรเฟิลยักคิ้วด้วยสีหน้ายียวนให้เพื่อนของเขา ก่อนจะโอบไหล่มนเดินไปที่โซน Belcony ที่เขาจองไว้ “มากี่ครั้งก็รู้สึกดีทุกครั้งเลยเนอะเฟิล” ณิชายิ้มกว้างให้ไรเฟิล เธอสูดอากาศเข้าเต็มปอดอย่างสดชื่นกับบรรยากาศยามค่ำคืน ที่เห็นแสงไฟส่องสว่างระยิบระยับจากตึกสูง และเห็นทัศนียภาพในมุมที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา ถนนคดเคี้ยวที่มีรถวิ่งอย่างตื่นตาตื่นใจ โดยมีแสงไฟสาดสว่างจ้าบนท้องถนน แล้วไหนจะท้องฟ้าสีครามที่ทำให้บรรยากาศโดยรอบดูโรแมนติกเป็นอย่างมาก “เรามากันกี่ปีแล้ว เธอจำได้ไหม” ไรเฟิลเอามือเท้าคางจ้องมองณิชาด้วยสีหน้ายิ้มๆ “นายพาฉันมาที่นี่ตั้งแต่เรียนอยู่มหาลัยปีสอง จนถึงตอนนี้ก็ห้าปีแล้ว ฉันจำได้ว่าตอนเราเรียนอยู่ปีสอง ฉันอัปสตอรีเศร้าเหมือนคนอกหักในวันวาเลนไทน์ นายก็โทรมาถามฉันใหญ่เลยว่า ฉันไปแอบมีแฟนตอนไหน ทำไมนายถึงไม่รู้ จำได้ว่าตอนนั้นนายโมโหฉันมาก ฉันก็เลยต้องบอกความจริงกับนายไปว่า คนโสดมักจะอัปสตอรีเศร้าๆ ในวันวาเลนไทน์ แล้วนายก็พาฉันมาที่นี่ในวันนั้น และจากนั้นเราก็มาที่นี่ด้วยกันในวันวาเลนไทน์ทุกปี” ณิชาเล่าไปยิ้มไป เมื่อคิดถึงความทรงจำดีๆ ของเธอและไรเฟิลสมัยเรียนมหาลัย ‘ยิ่งใกล้กันยิ่งหวั่นไหว ยิ่งใกล้กันมากเท่าไรความรู้สึกยิ่งชัดเจน’ ความรู้สึกนี้เป็นความในใจของคนตัวสูงที่เอาแต่จ้องมองเพื่อนสาวคนสนิทของเขา ในวันนี้ความรู้สึกของเขาชัดเจนแล้วว่า ‘เขาไม่อยากเป็นเพื่อนกับเธอแล้ว” “ณิชา” / “ไรเฟิล” หนุ่มสาวเอ่ยเรียกชื่อของอีกคนพร้อมกัน “เธอพูดก่อนเลย...” ไรเฟิลเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ถ่ายรูปคู่กันหน่อยสิ” ณิชาส่งมือถือให้ไรเฟิลเป็นคนถือกล้อง จากนั้นเธอก็เอียงตัวไปหาเขา แก้มนิ่มและแก้มสากแนบชิดกัน ก่อนที่ทั้งคู่จะยิ้มหวานให้กล้องและกดชัตเตอร์ถ่ายรูปรัวๆ ด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข “เฟิล” “ครับ” เพียะ! “โอ๊ยย...ตีฉันทำไมเนี่ย” ไรเฟิลเอ่ยถามด้วยใบหน้าบึ้งตึง เมื่อจู่ๆ ณิชาก็ยกมือตีแขนแกร่งของเขา “เห็นพูดครับ ก็เลยนึกว่านายผีเข้า” “กวนตีน” “อะๆ ไรเฟิลคนเดิมกลับมาละ...” ณิชาหัวเราะคิกคัก เมื่อแกล้งเพื่อนชายคนสนิทได้สำเร็จ “ตกลงมีอะไรคะคุณชาย” ณิชาเอ่ยถามด้วยสีหน้าล้อเลียน “เอาไวน์ปะ” ไรเฟิลเอ่ยถามไปเรื่องอื่น ก็ยัยตัวแสบกวนเขา จนเขาหมดความโรแมนติกจะพูดความในใจบางอย่างกับเธอไปแล้ว “เอาก็ได้” และจากนั้นทั้งคู่ก็จิบไวน์ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศที่โรแมนติกบนดาดฟ้าราวกับคู่รัก “ขอบคุณสำหรับวันนี้มากๆ นะคะไรเฟิล เพื่อนสุดที่รักของเขา” ณิชาเข้าไปกอดแขนแกร่งอย่างออดอ้อนเอาใจ เมื่อไรเฟิลขับรถมาส่งเธอที่คอนโดหลังจากดื่มด่ำบรรยากาศที่ร้านอาหารสุดหรูอย่างอิ่มอกอิ่มใจ “ฉันไม่อยากเป็นแค่เพื่อนของเธออีกแล้วณิชา” ไรเฟิลหันไปมองณิชาด้วยสายตาเป็นประกาย เขาดึงมือเล็กมาจับกุมไว้ แล้วใช้นิ้วโป้งลูบไล้บนหลังมือของณิชาเบาๆ ณิชาเธอสตั๊นไปชั่วขณะ ตอนนี้สมองของเธอขาวโพลนประมวลผลไม่ทันกับคำพูดของเขาเมื่อครู่นี้ ‘ไม่อยากเป็นเพื่อน แล้วอยากเป็น…?’ “ที่ผ่านมาฉันรู้สึกทั้งห่วงและหวงเธอ แต่ฉันก็บอกตัวเองเสมอว่า เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่ม ฉันถึงได้เป็นห่วงเธอมากกว่าใคร แต่นานวันเข้าความรู้สึกห่วงเหล่านั้นมันกลายเป็นหึงหวง ไม่อยากให้เธออยู่ใกล้ผู้ชายคนไหน และยิ่งฉันได้อยู่ใกล้ๆ เห็นเธอยิ้ม เธอเอาใจใส่ฉัน และฉันได้ดูแลเธอ ฉันมีความสุขมาก ฉันเคยคิดจะถอยห่างจากเธอ เมื่อความรู้สึกมันถลำลึกเกินไป แต่ยิ่งถอยห่าง ยิ่งโหยหาและยิ่งอยากอยู่ใกล้มากกว่าเดิม ความรู้สึกเหล่านี้ของฉัน ฉันรู้แล้วนะว่ามันคืออะไร” “คืออะไร...” ณิชาเอ่ยถามเสียงแผ่วเบาหวิว “ฉันคิดว่าฉันรักเธอว่ะณิชา” ไรเฟิลหยุดพูดไปแป๊บนึงก่อนที่เขาจะพูดต่อ “ไม่ได้รักแบบเพื่อน แต่ฉันรักเธอแบบที่ผู้ชายคนหนึ่งรักผู้หญิงคนหนึ่งมากๆ แบบคนรัก” “เฟิล...” ณิชาเรียกไรเฟิลเสียงเบา ตอนนี้เธอรู้สึกสับสน เพราะไม่รู้ว่าความใกล้ชิดระหว่างเขาและเธอมันคืออะไรกันแน่ ‘เธอจะรู้สึกแบบเดียวกันกับเขาหรือเปล่า?’ “เรามาเปลี่ยนสถานะจากเพื่อนเลื่อนเป็นแฟนได้ไหมณิชา” ไรเฟิลเอ่ยถามและมองเธอด้วยสายตาละมุน เขารอลุ้นคำตอบด้วยหัวใจที่เต้นแรง “ขอเวลาฉันหน่อยได้ไหมเฟิล ฉันไม่รู้ว่าฉันรู้สึกกับนายแบบไหนกันแน่” ณิชาเอ่ยบอกไรเฟิลเสียงสั่น เขาเป็นเพื่อนที่เธอแคร์มากที่สุด แต่สถานะจากเพื่อนขยับความสัมพันธ์มาเป็นแฟน เธอก็ยังให้คำตอบกับเขาไม่ได้ เธอไม่อยากโกหกทั้งเขาและตัวเธอเอง ทั้งที่ยังไม่รู้ใจตัวเองแบบนี้ ไรเฟิลนิ่งไป ก่อนที่เขาจะผละมือออกจากณิชา จนทำให้ใจดวงน้อยใจหล่นวูบ “โกรธฉันหรือเปล่า” “ไม่ได้โกรธ ฉันเข้าใจดีว่าความรู้สึกมันบังคับกันไม่ได้หรอก งั้นเธอขึ้นไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ต้องตื่นไปทำงานแต่เช้าอีก” “งั้นพรุ่งนี้หลังเลิกงาน เราทำอาหารกินกันที่ห้องของฉันดีไหม นายอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม” ณิชาถามไรเฟิลอย่างเอาใจเขา “พรุ่งนี้ฉันไม่อยู่ที่ไทยแล้ว ฉันต้องไปดูแลงานที่ญี่ปุ่นสักพัก” ไรเฟิลเป็นรองประธานบริษัท RM CAR ธุรกิจยานยนต์ ซึ่ง RM CAR ได้ขยายธุรกิจเปิดสาขาไปยังประเทศญี่ปุ่นเมื่อสามปีที่แล้ว เขาและพี่ชายฝาแฝดรวมถึงคุณพ่อของเขา สลับหมุนเวียนกันไปดูแลธุรกิจที่นั่นเป็นครั้งคราว และครั้งนี้เป็นเขาที่ต้องไปดูแลงานที่นั่นด่วน เพราะมันเกิดปัญหาเกี่ยวกับอะไหล่ปลอมปะปนในขั้นตอนประกอบรถยนต์ “นะ...นายไปนานไหมเฟิล” ณิชาเอ่ยถามเสียงสั่น ใจของเธอวูบหวิวแปลกๆ ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมา เขาไม่เคยห่างเธอไปไหน มองไปทางไหนก็มีเขาอยู่ข้างๆ ตลอด แต่พอเขาบอกจะไป ถึงจะไปดูแลงานก็เถอะ แต่เธอก็ดันรู้สึกจุกอก น้ำตาพานจะไหลออกมา “ถ้าเคลียร์งานลงตัวได้เร็วก็น่าจะได้กลับมาไว” “...” “อย่างอแงล่ะ ถ้าฉันไม่อยู่น่ะ” ไรเฟิลเอามือสากโยกหัวเล็กเบาๆ เมื่อเห็นเธอก้มหน้างุดใบหน้าแดงก่ำ “ฮึก!” “ร้องไห้ทำไมเนี่ย หื้ม...” ไรเฟิลดึงณิชาเข้ามากอด เมื่ออยู่ๆ เธอก็ร้องไห้ออกมา “ไม่รู้ มันร้องของมันเอง ฮึก~” “อย่าร้อง เดี๋ยวก็ปวดหัวหรอก” ไรเฟิลเอามือลูบแผ่นหลังบางเบาๆ ผ่านไปสักพักหนึ่งร่างบางก็หยุดสะอื้น กระทั่งเธอผล็อยหลับไป จนไรเฟิลต้องเขย่าตัวเบาๆ ปลุกให้เธอตื่น “อื้อ~ ฉันเผลอหลับไปเหรอ?” “ขึ้นไปนอนบนห้องไป” ไรเฟิลจับณิชาพิงไปที่เบาะรถ “เดินทางกี่โมง เดี๋ยวพรุ่งนี้ลาพักร้อนไปส่ง” “ไม่เป็นไรไม่ต้องไปส่งหรอก ขึ้นไปพักได้แล้วไป เดี๋ยวก็ตื่นไปทำงานไม่ไหวหรอก” “ขอให้พรุ่งนี้นายเดินทางปลอดภัยนะเฟิล” พูดจบณิชาก็เข้าไปโอบกอดไรเฟิลไว้แน่น “ดูแลตัวเองดีๆ นะเพื่อนรัก” ไรเฟิลเอ่ยพูดด้วยรอยยิ้ม และจากนั้นณิชาก็ลงจากรถด้วยใจที่วูบโหวง คำว่าเพื่อนรักของเขาครั้งนี้มันจี้ใจดำของเธอเหลือเกิน เมื่อณิชาทำธุระส่วนตัวเสร็จ ร่างบางก็นอนพลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียง แม้จะพยายามข่มตาให้หลับอย่างไรก็ไม่สามารถหลับได้ “เรามาเปลี่ยนสถานะจากเพื่อนเลื่อนเป็นแฟนได้ไหมณิชา” คำพูดของเขาวนอยู่ในหัวของเธออยู่แบบนั้น จนหญิงสาวต้องหยิบมือถือไลน์หาคนที่ทำให้เธอนอนไม่หลับ ณิชา : หลับหรือยัง? ณิชา : หลับแล้วเหรอ? ณิชา : ไรเฟิล นายหายไปไหน? ณิชา : แงๆ หลับแล้วแน่ๆ เลย งั้นหลับฝันดีนะ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเหมือนคุยไลน์อยู่คนเดียว ทั้งที่ปกติเขามักจะอ่านไลน์และตอบเธอไวเสมอ อีกอย่างถ้าเขาเห็นเธอส่งข้อความรัวๆ แบบนี้ เขาคงต้องรีบโทรมาดุหรือกวนเธอแล้ว แต่ครั้งนี้กลับเงียบกริบไร้การตอบกลับ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD