บทที่ 8 เมียข้าอยู่ที่ใดกัน 1/2

1132 Words
เฉินเฟยอี้ลาราชการมาจากกองทัพ เร่งควบม้ากลับบ้านเนื่องจากบอกว่าจะไปตามหาภรรยาที่หายไป ชินอ๋องเห็นว่าไม่มีสิ่งใดสำคัญก็ให้ลาไม่รั้งไว้ เนื่องจากกรำศึกกันมายาวนาน เขาเร่งควบม้าเร็วราวครึ่งวันจากกองทัพกลับบ้านที่เมืองเขื่อชิน ในหัวใจสุดแสนเป็นห่วงภรรยาและบุตรสาวบุญธรรมที่นางรับเลี้ยงมาด้วย ทั้งโกรธแค้นแม่เลี้ยงที่ไม่ดูดำดูดีภรรยา ทั้งที่เขาส่งจดหมายกำชับแล้ว ม้าของเฉินเฟยอี้หยุดที่หน้าประตูจวนเฉิน คนเฝ้าประตูตกใจอย่างยิ่งเพราะไม่คิดว่าคุณชายใหญ่จะกลับบ้านมาในเวลานี้ เพราะไม่ทันได้ตระเตรียมจัดการเรื่องที่เก็บงำเป็นความลับไว้ “คารวะคุณชายใหญ่...ข้าน้อยจะรีบไปแจ้งฮูหยินเดี๋ยวนี้ขอรับ” เหล่าบ่าวรับใช้ในจวนเฉินล้วนแต่โดนซื้อตัวจากฮูหยินเฉินหมดแล้ว ดังนั้นเรื่องน้อยใหญ่ในจวนล้วนต้องแจ้งให้นางรับทราบ เขายกมือขึ้นเป็นสัญญาณบอกว่าไม่ต้อง เขากลับมาบ้านเหตุใดต้องทำเป็นเรื่องตระหนกตกใจถึงขั้นนั้น ราวกับกำลังปกปิดสิ่งใดไว้ไม่ให้เขาล่วงรู้ บ่าวรับใช้เห็นแววตาดุดันนั้นของคุณชายใหญ่ก็ไม่กล้า เขายังไม่อยากหลังลายจึงกลับไปยืนประจำตำแหน่งเฉกเช่นเดิม ทั้งที่หัวใจอดหวาดหวั่นไม่ได้ สองปีที่คุณชายใหญ่ไปรบมีเรื่องเกิดขึ้นมากมายนัก หนึ่งในนั้นคือฮูหยินน้อยที่โดนขับไล่ออกจากบ้านด้วยข้อหาที่ไร้เหตุผลสิ้นดี ร่างกำยำองอาจก้าวด้วยความมาดมั่นไปหยุดอยู่ที่เรือนกลางโถงรับแขก ที่ไว้สำหรับประชุมหรือปรึกษาหารือ ทั้งรับแขกอีกด้วย เขาหยุดนิ่งที่หน้าประตูไม่ได้ขยับไปที่ใด เพียงแค่ได้ยินเสียงมารดาเลี้ยงกำลังอบรมสั่งสอนบุตรชายและบุตรสาวสันหลังยาวของเขา “อาหวง กับอาเทียน พี่ใหญ่เจ้ากลับมาเมื่อใด เจ้าต้องทำตัวดี ๆ กับพี่ใหญ่รู้หรือไม่ นั่นคือบ่อเงินบ่อทองของพวกเรา หากแม่เกลี่ยกล่อมให้เขาแต่งกับหลันฮวาได้ บ้านเฉินเรายิ่งกว่าหนูตกถังข้าวสารเสียอีก พวกเจ้ารู้หรือไม่” “ท่านแม่...ท่านแน่ใจได้อย่างไรว่าพี่ใหญ่จะแต่งงานกับพี่หลันฮวา” เฟยเทียนเคยเห็นแต่พี่หลันฮวาแอบมองเขา ไม่เคยเห็นเขาชายตามองกลับเลยสักนิด ว่ากันว่าเขาเป็นคนเย็นชาเสียยิ่งกว่าหิมะในหน้าหนาวเสียอีก “คนเราอยู่กันไปก็รักกัน พ่อเจ้านี่อะไรแต่งสะใภ้ทั้งทีเลือกหาดีกว่าสะใภ้ตัวร้ายนั่นก็ไม่ได้ วัน ๆ เอาแต่พร่ำบ่นแม่สามีอย่างข้า เหอะ!” เผิงเสี่ยวหร่านนั้นเป็นแม่สามีที่แย่ ไม่เคยให้เกียรติสะใภ้ จิกใช้งานเยี่ยงทาส แต่นางก็คิดว่าสมควรให้เป็นเช่นนั้น “ไม่ใช่ท่านแม่ให้พี่สะใภ้ทำงานหนักหรอกหรือ ถึงมีปากเสียงกันทุกวัน นี่หากพี่ใหญ่รู้ว่าท่านให้นางและลูกสาวกินข้าววันละมื้อจะเป็นเช่นไร เบี้ยหวัดพี่ใหญ่ก็ส่งให้มากอยู่นะท่านแม่” เฟยหวงเป็นห่วงเรื่องนี้ เขาไม่ได้เป็นห่วงสองแม่ลูก แต่ห่วงว่าพี่ใหญ่จะพาลโกรธแล้วไม่ให้เงินเขาใช้ก็เท่านั้น ทุกวันนี้มีแต่เงินที่พี่ใหญ่ส่งมา เขาถึงใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายมากมายขนาดนี้ “นั่นก็หลานนอกไส้ พี่ใหญ่เจ้ายังไม่ทันได้เข้าหอก็ต้องออกรบ แม่เตรียมแผนไว้แล้ว ว่านางนั้นคบชู้ พี่ใหญ่เจ้าไม่อยู่บ้านย่อมต้องเชื่อคนที่อยู่สิ บ่าวไพร่พวกนี้มันไม่กล้าปริปากหรอก” เผิงเสี่ยวหร่านพูดคุยอย่างสนุกสนาน โดยหารู้ไม่ว่าคนที่ยืนฟังอยู่หน้าประตูกำหมัดแล้ว “แล้วนี่เดือนนี้พี่ใหญ่ส่งเงินมาที่บ้านหรือยังท่านแม่ ข้าขอไปซื้อปิ่นปักผมอันใหม่ได้หรือไม่” เฟยเทียนแบมือขอเงินท่านแม่ ทุกครั้งที่พี่ใหญ่ส่งเงินมา นางจะได้รับส่วนแบ่งตลอดเพราะส่วนของพี่สะใภ้ถูกยึดไว้จนหมด “ยังนะสิ ไม่มีข่าวคราวเลย เงินของมี่เฟิ่งที่ไม่เคยส่งให้นางใช้ แม่ก็ดึงไปใช้จนหมดแล้วด้วย เจ้ารอสักหน่อยได้หรือไม่” เผิงเสี่ยวหร่านไม่ยอมให้ลูกตนอด แต่สองแม่ลูกนั้นเลี้ยงดูให้อด ๆ อยาก ๆ กินเศษผักกับข้าวก้นหม้อ เฉิยเฟยอี้รู้สึกว่าตัวเองนั้นเหมือนลาโง่ตัวหนึ่ง ที่ปล่อยให้คนบ้านเฉินนั้นเลี้ยงดูภรรยา ไม่มีใครที่เขาสามารถฝากฝังให้ดูแลได้เลยอย่างนั้นหรือ เหอะ! ข้ารบทัพจับศึกมาร่วมสองปี แต่ภรรยาแม่ทัพอย่างข้ากลับอดมื้อกินมื้อ ลูกสาวบุญธรรมไม่มีอันจะกินอย่างนั้นหรือ... ...รังแกกันเกินไปแล้วนะ! “แล้วท่านแม่เอาเงินปิดปากบ่าวหมดหรือยังว่าไล่สองแม่ลูกนั่นไป เพราะยายเด็กยู่ถิงแค่ขโมยองุ่นกินเพราะหิว แถมยังโบยพี่สะใภ้จนสลบแล้วจับโยนออกไปหน้าบ้านกลางคืน พวกชาวบ้านปากมากพวกนั้นอีก” เฟยหวงกังวลใจเรื่องนี้ไม่น้อย “ใครกล้าพูดมากกัน ข้าจะเอากะลาตบปาก” เผิงเสี่ยวหร่านแม่เลี้ยงใจยักษ์ยังนั่งพูดคุยจิบชาอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว จนเมื่อสาวใช้คนหนึ่งเดินมาเห็นคุณชายใหญ่ยืนอยู่หน้าประตูเรือนกลาง ฟังพวกฮูหยินนินทาสองแม่ลูกกันอย่างสนุกปากจึงส่งเสียงให้คนข้างในรับรู้ “ฮูหยิน...คุณชายใหญ่กลับมาแล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้ชุดสีครามหม่นตะโกนเสียงดังกึกก้องเข้าไปในเรือนกลางหมายให้ฮูหยินหุบปากแต่ว่า....ดูเหมือนจะไม่ทันเสียแล้ว สาวใช้ผู้นั้นถูกสายตาคมกล้าของคุณชายใหญ่มองมาอย่างเอาเรื่อง ที่ทำให้คนผิดที่กำลังสารภาพหยุดพูด “เด็ก ๆ เอาบ่าวชั่วผู้นี้ไปตบให้เลือดกบปาก” เสียงกร้าวดุจแม่ทัพองอาจสั่งการให้คนลากเอาสตรีที่กล้าเปิดเผยเขาให้แม่เลี้ยงรู้ตัวเร็วไปสั่งสอน เพราะปากสอดเรื่องเจ้านายไปเรื่อย เสียงคำรามของลูกชายคนโตของบ้านทำเอาเผิงเสี่ยวหร่านนั่งไม่ติดเก้าอี้ ไม่รู้ว่าลูกชายมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ใบหน้าทมึนดำมองมายังนางพร้อมเอาเรื่อง คิดว่าน่าจะฟังอยู่นานแล้ว แต่นางก็ยังแสร้งทำเป็นไม่สนใจและเข้าไปตีสองหน้าใส่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD