นางเอาเส้นใหญ่ของยู่ถิงน้อยไปผัดให้หอมกลิ่นกระทะ แล้วราดด้วยสีซีอิ้วหวานแต่งสีแล้วก็เอาพักใส่จาน ถัดมาเป็นเส้นหมี่ของนาง ใช้วิธีลวกน้ำพร้อมผัดไปเลยจะได้ไม่เปลืองแรง เมื่อเสร็จแล้วนางเอากระเทียมลงไปผัดตามผักใส่ซีอิ้วปรุงรสน้ำตาล แล้วก็เติมน้ำให้ท่วม ตักเต้าเจี้ยวใส่ รอจนน้ำเดือดใส่หมูหมักลงไป แล้วสุดท้ายก็เป็นแป้งมันสำปะหลังละลายน้ำ คนให้น้ำราดเหนียว ก็ตักราดใส่จาน
อาหารง่าย ๆ แต่อร่อยในสไตล์บ้านไห่ก็เสร็จสิ้น กลิ่นหอมโชยมาด้านนอกเรียกให้ทั้งสองบุรุษน้ำลายสอ
“แม่ยู่ถิงทำอาหารอร่อย” เด็กน้อยอวดตามประสาคนที่มีมารดาเก่งและทำอาหารดี ๆ ให้นางกินทุกวัน
“เหตุใดเจ้าถึงต้องย้ายมาอยู่ที่หมู่บ้านนอกเมืองเช่นนี้” ซื่อจื่อหลอกถาม
“ต้านย่าไล่ข้ากับต้านแม่ออกจากบ้าน เพราะยู่ถิงขโมยผูเถากิน แต่ยู่ถิงไม่เสียใจแล้วเพราะออกจากบ้านต้านย่ายู่ถิงได้กินอิ่มทุกมื้อ ต้านแม่ของยู่ถิงเก่งที่สุด”
ซื่อจื่อคิ้วกระตุก แม่สามีประเภทไหนกันที่หลานกินผูเถาแล้วไล่ออกจากบ้าน เขาอยากเห็นหน้าเสียจริง
“เช่นนั้นพ่อเจ้าเล่า”
เด็กน้อยส่ายหน้าไปมา แล้วพูดว่า
“ตั้งแต่จำความได้ยู่ถิงไม่เคยเห็นหน้า”
โยวหวังเหล่ยรับรู้มาว่านางอยู่กับบุตรสาวบุญธรรม นี่คงไม่ใช่ลูกที่เกิดจากสามีของนางแน่นอน เขาต้องสืบเรื่องนี้ให้ชัดเจน ทั้งหันไปหาฉางชุนที่ชะโงกคอแทบเคล็ดมองไปในครัว คงจะเห็นแก่กินสิท่า
“เจ้าเก็บอาการหน่อยได้หรือไม่ เช่นนี้นางก็รู้หมดว่าเจ้าตะกละเพียงใด”
“ซื่อจื่อไม่ได้กลิ่นหรือขอรับ กลิ่นหอมขนาดนี้ใครจะอดใจไหว ข้าว่าจะมาฝากท้องที่บ้านนางทุกวัน หรือไม่ก็แนะให้นางทำอาหารขายข้าน้อยก็จะไปอุดหนุนเช่นเดียวกัน”
ไม่ใช่เขาจะไม่อยากกิน แต่ทว่ามาบ้านนางครั้งแรกก็อยากมีมารยาทสักหน่อย ประเดี๋ยวนางจะไม่ชอบใจเอา
ไม่นานนักนางก็เดินมาพร้อมกับจานอาหารหน้าตาประหลาดไม่เคยทาน แต่ดูเหมือนมันเป็นเส้นบะหมี่สีเหลืองกรอบ ๆ ราดน้ำอะไรสักอย่างน่ากินนัก
“เชิญท่านหวังเหล่ยอย่าได้เกรงใจเจ้าค่ะ” ไห่มี่เฟิ่งเห็นว่าเขามองตาเป็นมัน ก็เชิญให้ทาน ส่วนนางก็นั่งลงตรงข้ามกับเขา แล้วมียู่ถิงน้อยนั่งด้านข้างของนางขั้นกับเขาอีกที เด็กน้อยยังขาสั้น นางจึงหาเก้าอี้ตัวที่สูงกว่าให้นางนั่งทานข้าวได้สะดวก เด็กวัยนี้นางอยากให้ช่วยตัวเองให้มาก
โยวหวังเหล่ยคิดว่า หากไม่อร่อยเขาก็จะบอกว่าอร่อยนึกอยากเอาใจนาง แต่ไม่คิดว่าแค่คำแรกเขาก็รับรู้ได้ถึงรสชาติที่ไม่เหมือนที่ใด มันกลมกล่อมละมุนในปาก กับเส้นกรอบ ๆ นี้มันช่างเข้ากันกับน้ำราดได้พิลึก
ไห่มี่เฟิ่งเห็นแต่ละคนตั้งหน้าตั้งตาทานอาหารไม่พูดไม่จานางก็ยิ้มอย่างยินดี นับว่าภาระกิจตอบแทนบุญคุณด้วยมื้ออาหารของนางสำเร็จ และเขาจะต้องจดจำรสชาติของนาง
“ข้าทานหมดแล้วอร่อยมาก” หวังเหล่ยรีบชมเอาใจนาง แต่มันอร่อยจริง ๆ พ่อครัวในจวนซื่อจื่อของเขายังทำไม่อร่อยขนาดนี้เลยด้วยซ้ำ นางมีพรสวรรค์ด้านทำอาหารอย่างแท้จริง
“ข้ามีเคล็ดลับความอร่อยเจ้าค่ะ” นางบอกด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าจะเปิดร้านขายอาหารหรือไม่ ข้าจะได้อุดหนุน” ฉางชุนรีบถามทันที อาหารจานนี้ไม่รู้เขาเรียกว่าอะไรแต่มันอร่อยยิ่งนัก
“ข้าเพียงแค่คิดไว้ จะปลูกผัก กับทำอาหารขายแบบฝากไปขาย คงไม่ได้ไปเองนัก เพราะต้องนั่งเกวียนวัวออกจากหมู่บ้าน มันไม่สะดวก ทั้งข้าเองก็ไม่ชอบเมืองเขื่อชินอีกด้วย”
ใช่นางไม่ชอบไม่อยากข้องแวะ ไม่อยากเกี่ยวข้องใด ๆ เพราะที่นั่นเป็นบ้านของสามีใจร้ายของนางที่ทิ้งไปในคืนเข้าหอ กับสองปีที่ไม่เคยดูดำดูดี ปล่อยให้ยู่ถิงน้อยต้องลำบาก
“เช่นนั้นหากข้าจ้างเจ้าทำให้ข้ากินเป็นบางวัน เจ้าจะยินดีหรือไม่”
ไห่มี่เฟิ่งดวงตาเป็นประกาย นี่เขาจะมาจ้างให้นางทำอาหารให้กินบางมื้ออย่างนั้นเหรอ
นี่มันเชฟส์เทเบิ้ลชัด ๆ !
“เอ่อ...จะดีหรือเจ้าค่ะ” ใบหน้าลังเลแต่ในใจนางตอบตกลงไปแล้ว จะว่าไปหารายได้กับยุคนี้บ้างก็ดี ข้างบ้านจะได้ไม่สงสัยว่านางร่ำรวยจากที่ใด ถึงได้มีอาหารดี ๆ กินทุกมื้อ
“ย่อมดียิ่ง ข้าจะมาหาเจ้าทุกเจ็ดวัน อาหารแล้วแต่เจ้า ข้าอยากกินสามมื้อ ดังนั้นค่าจ้างจะเป็นวันละ 1 ตำลึงทอง”
ฉางชุนไม่คิดว่าซื่อจื่อจะเป็นบุรุษที่ใช้เงินซื้อเวลาอยู่กับสตรีเช่นนี้ 1 ตำลึงทองน้อยที่ไหนกัน กินอาหารเหลาในเมืองได้ตั้งหลายมื้อ
“ไม่มากไปหรือเจ้าคะ” ในหัวนางคำนวณราวกับเครื่องคิดเลขและในใจก็ตอบตกลงไปแล้ว แต่ถามเพื่อเป็นมารยาทเท่านั้น
“สำหรับของที่อร่อย กับอาหารตาที่ข้าได้รับย่อมไม่มีอันใดแพง” ถ้อยคำสุดท้ายเขาส่งสายตาสื่อความนัยบางอย่างให้กับนาง จนยู่ถิงเลื่อนจานอาหารของตัวเองไปให้เขา
“ของยู่ถิง ท่านทานซะจะได้ไม่คิดจะกินต้านแม่อีก ยู่ถิงได้กินอาหารอร่อยทุกมื้อ...ต้านคงไม่เคยกิน”
ยู่ถิงกล่าวอย่างใจป้ำ ทำเอามี่เฟิ่งกลั้นหัวเราะไม่อยู่เลยทีเดียว เขามองราวกับจะกินนางงั้นเหรอ ทำไมนางไม่รู้สึกเช่นนั้นนะ....