บทที่ 5 จดหมายถึงภรรยา 1/2

1294 Words
เฉินเฟยอี้อยู่ในกองทัพชินอ๋องโยวหลุนเปียวได้สองปี ติดตามท่านแม่ทัพออกรบเหนือใต้ปกป้องดินแดนแคว้นจงโจว จนสร้างผลงานเป็นที่ประจักษ์ เดิมเขาแต่งงานก็ถูกเรียกตัวให้ออกรบในคืนเข้าหอพอดี จึงไม่ทันได้พูดคุยกับเจ้าสาว แม้ว่าเพิ่งพบหน้ากันไม่นาน และแต่งตามที่ตระกูลจัดหาเจ้าสาวให้ แต่เขาก็ส่งจดหมายกลับมาบ้านพร้อมกับเงินเลี้ยงดูนางและลูกบุญธรรมของนางอย่างดี จนตอนนี้เขาได้เลื่อนขั้นขึ้นเป็นแม่ทัพพิทักษ์ชายแดนภายใต้การนำของชินอ๋องโยวหลุนเปียวแล้ว จึงอยากส่งจดหมายไปแจ้งกับนางเพื่อให้นางยินดีว่าจะได้เป็นฮูหยินแม่ทัพแล้ว แต่ทว่าเขากลับรับรู้ข่าวว่านางไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว จากสหายในกองทัพที่เพิ่งกลับบ้านไปเยี่ยมท่านแม่ที่ป่วยใกล้วาระสุดท้าย และรับรู้ว่านางโดนแม่เลี้ยงของเขาโขกสับเยี่ยงทาส ทั้งผลักไสนางให้ไปตกระกำลำบากหาที่อยู่ใหม่ ในใจก็เจ็บแค้นนัก เขานั้นไม่ได้รับความรักจากบิดาเท่าไหร่ เพียงแต่แบกความหวังตระกูลเฉินไว้บนบ่า แล้วอดทนทำเพื่อตระกูล “แม่เลี้ยงเจ้าให้คนไปทาบทามสู่ขอแม่นางหลันฮวา ข้าได้ยินที่ตลาดพูดกัน ส่วนภรรยาเจ้ามีคนเห็นว่าช่วยสตรีผู้หนึ่ง แล้วก็พากันออกนอกเมืองเขื่อชินไป ไม่มีใครรู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร นางน่าสงสารนัก” เจี้ยวฮั่วกล่าวตามคำที่พูดกันมาในตลาดเมื่อวานไม่ได้แต่งเติมเลยสักนิด เพราะกองทัพตอนนี้กลับมาถึงรัฐเว่ยแล้ว เตรียมจะจัดเวรวันหยุดแก่เหล่าทหาร และสหายของเขายังไม่ถึงช่วงวันหยุด “เจ้าว่าอันใดนะ!” เฉินเฟยอี้กล่าวด้วยความโกรธ ใบหน้าถมึงทึง ต่อให้เขายังไม่ได้รักชอบนาง แต่ก็ไม่เคยคิดให้นางไปตกระกำลำบากด้านนอก “คนว่ากันว่าแม่เลี้ยงเจ้าเที่ยวพูดว่าร้ายสะใภ้เฉินคบชู้ แต่เงาของสะใภ้เฉินมิได้ออกจากบ้านด้วยซ้ำ ทั้งยังตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง หลับก็ดึกดื่นค่อนคืน กินก็ไม่อิ่ม ลูกสาวตัวน้อยของนางน่าสงสารยิ่งนัก เพราะรู้ว่าไม่ใช่สายเลือดยิ่งกลั่นแกล้งหนักไม่ได้รับการดูแลให้ดี ภรรยาเจ้าโดนโบยแล้วโยนของไล่ส่งออกมา” ยิ่งได้ฟังความร้ายกาจของแม่เลี้ยง เฉินเฟยอี้ ตระหนักแล้วว่าการที่เขาออกมารบทัพจับศึกรับราชการเพื่อครอบครัว กลับทำให้เขาครอบครัวแตกแยก และตัวเองรู้สึกยอมไม่ได้ “ข้าจะต้องทวงความยุติธรรมให้นาง” เฉินเฟยอี้ กล่าวออกมา เขาจะเลิกส่งเงินให้กับตระกูลเฉิน แล้วก็จะกลับไปดูสิว่าแม่เลี้ยงของเขาจะกล่าวเช่นไร ผ่านมาสองวันจากที่สะใภ้ตัวดีกับนังหลานนอกคอกออกไปจากตระกูล ใบหน้าของเผิงเสี่ยวหร่านดูแช่มชื่นขึ้น ทั้งยังให้คนส่งขนมไปให้กับซูหลันฮวา ตระกูลซูผู้มั่งคั่งในรัฐเว่ยแห่งนี้ เพราะคุมตลาดการค้าข้าวและเกลือไว้ในมือแบบผู้ขาด แล้วหักภาษีส่งให้ทางการ จึงทำให้ตระกูลซูมีหน้ามีตานัก ทั้งลูกสาวก็เป็นที่หมายปองกับตระกูลต่าง ๆ จนมีแม่สื่อไปทาบทาม จนนางต้องรีบเกริ่นไว้ก่อนล่วงหน้า วันนี้นางไปเดินซื้อผ้าในตลาดมาตัดชุด ได้ข่าวว่าทหารที่ไปออกรบจะกลับมาแล้ว บุตรชายคนโตของบ้านต้องมีชุดใหม่ใส่ไปออกงานบ้าง จึงแวะมาดื่มน้ำชาที่ตระกูลซูก่อนกลับ “คารวะท่านป้าเผิง ท่านส่งขนมมาให้ข้าแล้ว ยังมาเยี่ยมข้าด้วยตัวเองอีกหรือเจ้าคะ” ซูหลันฮวากล่าวออกมาอย่างเกรงใจ เพราะท่านป้าเผิงนั้นเอ็นดูนางมาก ทั้งยังหมายหมั้นไว้ให้กับบุตรชายคนโตของตระกูลด้วย แต่เรื่องนี้นางตัดสินใจเองไม่ได้ เรื่องแต่งงานต้องเป็นเรื่องของพ่อแม่ตัดสินใจ แม้ว่าจะรักใคร่ชอบพอพี่เฟยอี้อยู่บ้างก็ตาม “ป้าจะมาส่งข่าวกับเจ้า ว่าตอนนี้ทหารใกล้กลับกันมาแล้ว ไว้พี่เฟยอี้ของเจ้ากลับมา ป้าจะให้เขารีบมาหาเจ้านะอาหลัน” เผิงเสี่ยวหร่านกล่าวราวกับแม่สื่อนัดดูตัวให้กับบุรุษสตรีก็ไม่ปาน “อะไรกันเจ้าคะท่านป้าเผิง พบอันใดกัน” ท่าทางเอียงอายของซูหลันฮวาสร้างความชอบอกชอบใจให้กับเผิงเสี่ยวหร่านเป็นอย่างมาก สะใภ้ของนางต้องมาจากตระกูลซูเท่านั้นจึงจะเหมาะสม “ไม่ต้องเขินอายไป อีกหน่อยแต่งเข้าจวนเฉินเจ้าก็หาใช่คนอื่นไกล เตรียมตัวเตรียมใจรอพี่เจ้ากลับมาเถิด ป้าจะรีบให้คนมาสู่ขอ” เผิงเสี่ยวหร่านพูดคุยอีกสองสามคำก็แยกย้ายกลับบ้าน แต่ซูหลันฮวาก็วาดฝันคืนเข้าหอกับพี่เฟยอี้ของนางไปแล้ว แววตาระริกนั้นทำให้รู้ว่านางก็ปรารถนาจะได้เขามาครองเพียงไร แม้ว่าคราแรกจะผิดหวังที่เขาแต่งกับสตรีอื่นไปแล้ว แต่ทว่าป้าเผิงก็ให้สัญญาว่าจะทำให้นางกระเด็นจากจวนแล้วรับตนเป็นสะใภ้ เพียงเวลาสองปี ป้าเผิงก็ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ แต่ท่านเศรษฐีซูมองดูบุตรสาวแล้วก็ส่ายหน้า บุรุษอื่นหมื่นแสน ลูกสาวกลับรักคนมิคู่ควรที่แต่งงานแล้วเขาจะทำเช่นไรดี หมู่บ้านธารน้ำใส คึกคักขึ้นเมื่อมีสตรีในเมืองเขื่อชินย้ายมาอยู่บ้านหลังใหม่ ชาวบ้านต่างแวะเวียนมาพูดคุยกับไห่มี่เฟิ่งและบุตรสาวผู้น่ารักของเขา “ยู่ถิงคารวะป้าจางสิลูก” ป้าจางเป็นภรรยาของท่านหัวหน้าหมู่บ้าน เอาหลัวโปที่นางเก็บไว้มาให้กับลูกบ้านคนใหม่เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์กันไว้ “คารวะต้านป้างจาง ขอบคุณเจ้าค่ะ” ยู่ถิงพูดอยู่สองคำ คารวะกับขอบคุณ พร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้ทำเอาคนทั้งหมู่บ้านหลงรักนางแล้ว “บุตรสาวเจ้ารู้ความนัก” ป้าจางกล่าวเชยชม เขามีบุตรชายอยู่หนึ่งคน แต่ไปสอบในเมืองหลวงจนได้รับราชการไม่ได้กลับบ้าน เขาปรารถนาจะได้อุ้มหลาน แต่ทว่ากลับไร้วี่แววที่บุตรชายคนเดียวจะแต่งงานเสียที ไม่รู้ว่าจะมีวาสนาได้อุ้มชูหลานตัวน้อยหรือไม่ “ขอบคุณเจ้าค่ะป้าจาง เดี๋ยวพรุ่งนี้ข้าจะทำอาหารไปแจกชาวบ้านนะเจ้าคะ” มี่เฟิงนึกถึงว่าตอนอยู่ในอีกโลกเวลาขึ้นบ้านใหม่ต้องทำบุญแล้วก็แจกอาหาร เลี้ยงอาหาร นางก็ควรจะทำบ้าง แต่เดี๋ยวค่อยคิดว่าจะทำสิ่งใดแจกดี “เจ้าอยู่ให้ดีเถอะ ที่นี่ปลอดภัยดี ผู้คนรักใคร่เป็นมิตรมีเรื่องทุกข์ร้อนใดก็ไปแจ้งที่บ้านข้าเถิด” ป้าจางกล่าว “ขอบคุณเจ้าค่ะ เดิมข้าก็หนีร้อนมาพึ่งเย็น ข้าแต่งงานยังไม่ทันเข้าหอสามีก็ไปรบ แม่สามีก็ใจร้าย ข้ากับลูกสาวจึงต้องระหกระเหินมาไกลเพียงนี้ นับว่าสวรรค์ยังมีตา ที่ได้พบพวกท่าน” “น่าสงสารยิ่งนัก...ถือว่าฟาดเคราะห์ไปก็แล้วกันนะอาเฟิ่ง เห็นอากู้บอกคร่าว ๆ มาแล้ว วันนี้เขาไปขับเกวียนในเมืองเขื่อชิน ไว้ขาดเหลือสิ่งใดเจ้าก็ฝากเขาได้”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD