ตอนที่ 3 1/3

1461 Words
“ถ้าคุณครามรู้เรื่องนี้ หนูต้องแย่แน่ๆ เลยค่ะ” ใบตองถือวิสาสะกระตุกแขนพี่คนสวยในตอนที่เรามาจนถึงบ้านของสงครามและคะนิ้ง มันไม่ได้เป็นเพราะใบตองเห็นแก่เงินทองที่เธอเสนอให้ แต่มันเป็นความสงสารและเห็นอกเห็นใจที่คนทั้งสองฝ่ายต้องมาบาดหมางกันเพราะความไม่เข้าใจกันแบบนี้ ใบตองก็แค่อยากช่วยแค่นั้นจริงๆ “เอาเป็นว่าถ้าเกิดอะไรขึ้น พี่รับผิดชอบทุกอย่างเองโอเคไหม เรื่องนี้จะไม่เกี่ยวกับใบตองเด็ดขาด พี่รับประกัน” เด็กสาวเม้มริมฝีปากแน่น แต่พอคุณเพียงคว้ามือเธอไปจับ เป็นการเพิ่มความมั่นใจให้เธอวางใจและเชื่อมั่น ใบตองจึงยอมพยักหน้ากลับไป “คุณคะนิ้งกับคุณครามอยู่บ้านหลังนี้แหละค่ะ วันนี้คุณคะนิ้งก็น่าจะอยู่ ไม่ได้ไปไหน” “แล้วพี่จะเจอผู้หญิงคนนั้นได้ตรงไหน มีใครไปตามให้ได้บ้าง” “หนูไม่กล้าไปตามนะคะ น่าจะต้องรอจังหวะที่คุณเขาลงมาเอง” “เอาแบบนั้นก็ได้ รอก็รอ” วินาทีนี้อะไรก็ได้อยู่แล้ว แค่เธอได้คุยกับคะนิ้งอีกครั้ง แค่นั้นจริงๆ เพียงขวัญทำได้เพียงยืนลับๆ ล่อๆ ในพื้นที่กว้างขวางของบ้านหลังใหญ่ที่มีสมาชิกเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ไม่รู้เลยว่าคะนิ้งจะปรากฏตัวให้เธอเห็นตอนไหน จนกระทั่งคำพูดของคนข้างๆ ที่ทำให้เธอฉุกคิดขึ้นได้ว่าเธอรอต่อไปไม่ได้จริงๆ “ถ้าคุณครามออกมาเราต้องรีบออกไปจากที่นี่ค่ะ ไม่งั้นพี่เพียงเดือดร้อนแน่ๆ” “ปกตินายนั่นจะกลับบ้านเวลาไหน” “ตอบไม่ได้เลยค่ะ ตั้งแต่คุณคะนิ้งท้อง คุณครามไม่เคยปล่อยคุณคะนิ้งให้คลาดสายตา คุณเขาเป็นห่วงน้องสาวมากๆ ค่ะ” “ถ้าเป็นแบบนั้นก็แปลว่าพี่รอไม่ได้แล้ว” “พี่เพียงจะทำอะไรคะ” “พี่จะขึ้นไปหาคะนิ้งที่ห้องเลย” “พี่เพียง ไม่ได้นะคะ” “ต้องได้ค่ะ เราต้องจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนที่นายนั่นจะกลับมา แต่ที่ต้องรีบขนาดนี้ไม่ได้เป็นเพราะว่าพี่กลัวเขานะ แต่พี่มองว่าถ้าเขากลับมาเขาจะขัดขวางไม่ให้พี่กับคะนิ้งเจอกันก็แค่นั้น” “พี่เพียง แต่หนูว่า….” “เอาเป็นว่าพี่ยืนยันคำเดิมว่าพี่จะไม่ทำให้เธอต้องเดือดร้อนเด็ดขาด พี่รับปากนะ” ใบตองก้มหน้าลงอย่างไม่มีทางเลือก เธออาจจะเป็นอีกคนที่รู้ดีว่าคะนิ้งร้ายกาจขนาดไหน “ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องเป็นห่วงพี่เคลียร์ทุกอย่างได้อยู่แล้ว แค่บอกพี่มาว่าคะนิ้งอยู่ห้องไหน” ใบตองรีบบอกข้อมูลเพราะหวังจะให้คุณเพียงจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนที่คุณสงครามจะกลับมา คนที่ต้องสู้เพื่อเอาตัวรอดก้าวขาขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของตัวบ้านโดยที่ใบตองช่วยเข้าไปดึงความสนใจคนอื่นๆ ภายในบ้านเอาไว้ก่อน ทุกข้อมูลที่เด็กสาวคนสนิทให้มาเพียงขวัญจดจำเอาไว้แม่น ก่อนจะเดินไปที่ห้องนั้นแล้วไม่ลังเลที่จะยกมือขึ้นเคาะประตู ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! น้ำหนักมือที่แรงกว่าปกติทั้งที่คะนิ้งสั่งกับทุกคนในบ้านเอาไว้แล้วว่าหากมีธุระกับเธอห้ามส่งเสียงรบกวนเธอแบบนี้เด็ดขาด หากธุระไม่ได้จำเป็นก็ต้องรอจนกว่าเธอจะเป็นฝ่ายออกจากห้องด้วยตัวเอง แต่ถ้าจำเป็นจริงๆ ก็แค่ส่งเสียงเรียกเธอเบาๆ เท่านั้น แล้วตอนนี้ใครริอ่านมายุ่งกับพื้นที่ส่วนตัวของเธอ แกร๊ก~ เสียงปลดล็อกประตูดังขึ้นก่อนที่คะนิ้งจะเห็นกับตาว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือใคร “แก” “ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ” ทั้งที่ไม่ได้ชอบใจในสรรพนามที่คะนิ้งเลือกใช้ แต่การคุยธุระของเธอมันสำคัญมากกว่านั้น “ทำไม เธอจะมาขอร้องอ้อนวอนให้ฉันบอกพี่ครามให้ปล่อยเธอกลับไปงั้นเหรอ” “เธอยังรักพี่ชายของฉันอยู่งั้นเหรอ หรือเธอแค่ต้องการให้พี่ฉันกลับมารับผิดชอบลูกแค่นั้น หรือเพื่อรักษาความสัมพันธ์ในครอบครัว หรือเหตุผลอะไรที่เธออยากให้พี่เพลิงกลับมา เธอบอกฉันได้ไหมคะนิ้ง” “พี่เพลิงเป็นของฉันอยู่แล้ว ไม่ว่าฉันจะเป็นยังไงก็แล้วแต่ เขาต้องอยู่กับฉันเท่านั้น เขาไม่มีสิทธิ์หายออกไปจากชีวิตของฉันแบบนี้ และเธอคือคนที่ต้องบีบให้พี่เพลิงกลับมา” “ฉันว่าตรรกะของเธอมันป่วยมากเลยนะคะนิ้ง เธอต้องการเอาชนะคนคนหนึ่งถึงขั้นต้องทำแบบนี้เลยเหรอ” “อย่าเสนอหน้ามาสอนฉัน ถ้าเธออยากไปจากที่นี่เธอก็แค่บีบให้พี่เพลิงกลับมา ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน” “เธอไม่จำเป็นต้องไปเตือนคนอื่นเลยนะ คนที่เธอควรเตือนคือตัวเธอเองมากกว่า” “หุบปาก เธอกล้ามากนะที่เสนอหน้ามาหาฉันถึงที่นี่ คงไม่รู้ใช่ไหมว่าถ้าพี่ครามรู้เรื่องนี้มันจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ” “ฉันแค่ต้องการเคลียร์กับเธอ ไม่ได้อยากหาเรื่องเลยสักนิด ในเมื่อเธอและพี่เพลิงเลิกกันไปแล้ว ทุกอย่างมันจบไปแล้ว เราหาทางออกเรื่องนี้ร่วมกันดีไหม พี่ชายฉันพร้อมจะรับผิดชอบเด็กที่จะเกิดมานะ ค่าเลี้ยงดู ค่าเรียน ทุกอย่างจนกว่าเขาจะจะบรรลุนิติภาวะ คนสองคนถ้าไม่ได้รักกันแล้วก็ยังทำหน้าที่พ่อกับแม่ที่ดีให้ลูกได้ไม่ใช่เหรอ เอาแบบนั้นดีไหมคะนิ้ง” คะนิ้งเหยียดยิ้มพลางยกแขนขึ้นกอดอก “เธอคิดจะใช้เงินฟาดหัวฉันงั้นเหรอ” “มันไม่ใช่แบบนั้น เธอก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจว่าการกลับมาสร้างครอบครัวด้วยกันมันเป็นไปไม่ได้ แล้วเธอคิดว่ามันมีวิธีรับผิดชอบที่ดีกว่านี้หรือไง” “ก็ให้ทรมานกันไปข้างหนึ่ง ให้ตายกันไปข้างหนึ่ง ถ้าพี่ชายเธอกล้าทิ้งฉันกับลูก เธอก็ต้องอยู่ที่นี่ไปเรื่อยๆ ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าเธอจะทนได้นานแค่ไหน” คะนิ้งก้าวขาเข้ามาหาคนตรงหน้าก่อนจะใช้มือจิกผมของเพียงขวัญแล้วใช้มืออีกข้างตบเข้าที่ใบหน้าของเธอทันที เพี๊ยะ! “คะนิ้ง นี่เธอเป็นบ้าไปแล้วหรือไง” เพียงขวัญพยายามจะแกะมือออกจากเส้นผมของตัวเอง เธอไม่ได้อยากเอาคืนหรือตอบโต้เพราะอีกคนกำลังท้องอยู่ “ฉันบ้าได้มากกว่าที่เธอคิด อย่าคิดที่จะลองดีกับฉัน ถ้าไม่อยากตายอยู่ที่นี่ บีบพี่เพลิงให้กลับมาหาฉัน” “ปล่อยนะคะนิ้ง” “บอกให้พี่เพลิงกลับมา บอกให้เขากลับมามาหาฉันเดี๋ยวนี้!” “คะนิ้ง!” เสียงของสงครามดังขึ้นก่อนที่ร่างสูงโปร่งจะปรี่เข้ามาแยกคนทั้งคู่ออกจากกัน และที่เซอร์ไพรส์ไปมากกว่านั้นคนที่กระชากผมเธอพร้อมกับตบเข้าที่ใบหน้ากลับดราม่าขึ้นมาหน้าตาเฉย “เธอจะบอกพี่เพลิงให้ไม่กลับมามาหาฉันงั้นเหรอ เธอจะทำแบบนั้นใช่ไหม เธอทำแบบนั้นทำไม” คนที่ฟูมฟายและร้องไห้กลับเป็นคะนิ้งเฉย เพียงขวัญได้แต่ยืนงง ก่อนที่ดวงตาคมกริบคู่นั้นจะหันกลับมามองเธอตาแข็ง “เธอคิดจะลองดีกับฉันใช่ไหมเพียง” “ไม่ใช่ มันไม่ใช่แบบนั้นเลยนะ” “แล้วเธอมาที่นี่ทำไม มาหาคะนิ้งจนถึงที่นี่ทำไม” แววตาคมดุที่จ้องเขม็งส่งผลให้เพียงขวัญก้าวถอย “ฉันแค่อยากคุยกับคะนิ้ง” “ผู้หญิงแบบเธอนี่มันแสนดีจังเลยนะ ทำทุกอย่างเพื่อปกป้องพี่ชายของตัวเอง แต่ไม่ได้รู้สึกสงสารผู้หญิงด้วยกันเลยสักนิด” “ฉันไม่ได้ขึ้นมาหาเรื่องน้องสาวนาย ไม่ได้ด่า และไม่ได้พูดแบบที่น้องสาวนายฟ้องเลยสักนิด” “เธอจะเอาแบบนี้ใช่ไหม พอปล่อยให้เธออยู่อย่างสงบสุขเธอไม่ชอบใช่ไหม” “คราม….” “ได้ ถ้าเธอไม่ชอบความสงบ ฉันก็จัดความฉิบหายให้เธอได้เหมือนกัน”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD